ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๗ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๔ กถาวัตถุปกรณ์
จตุกกนยสังสันทนา
[๕๐] ส. ท่านหยั่งเห็นบุคคลโดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. รูปเป็นบุคคลหรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ส. ท่านจงรับรู้นิคหะ, หากว่า ท่านหยั่งเห็นบุคคลโดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า รูปเป็นบุคคล, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคลโดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ แต่ไม่พึงกล่าวว่า รูปเป็นบุคคล ดังนี้ ผิด, แต่ ถ้าไม่พึงกล่าวว่า รูปเป็นบุคคล ก็ต้องไม่กล่าวว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคลโดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคลโดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ แต่ไม่ พึงกล่าวว่า รูปเป็นบุคคล ดังนี้ ผิด ฯลฯ [๕๑] ส. ท่านหยั่งเห็นบุคคลโดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. บุคคลในรูปหรือ ฯลฯ บุคคลอื่นจากรูปหรือ ฯลฯ รูปในบุคคลหรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ส. ท่านจงรับรู้นิคหะ, หากว่า ท่านหยั่งเห็นบุคคลโดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ด้วย เหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า รูปในบุคคล, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า ข้าพเจ้า หยั่งเห็นบุคคลโดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ แต่ไม่พึงกล่าวว่า รูปในบุคคล ดังนี้ ผิด, แต่ถ้าไม่พึง กล่าวว่า รูปในบุคคล ก็ต้องไม่กล่าวว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคลโดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์, ที่ท่าน กล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคลโดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ แต่ไม่พึงกล่าว ว่า รูปในบุคคล ดังนี้ ผิด ฯลฯ [๕๒] ส. ท่านหยั่งเห็นบุคคลโดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. เวทนาเป็นบุคคลหรือ ฯลฯ บุคคลในเวทนาหรือ ฯลฯ บุคคลอื่นจาก เวทนาหรือ ฯลฯ เวทนาในบุคคลหรือ ฯลฯ สัญญาเป็นบุคคลหรือ ฯลฯ บุคคลในสัญญาหรือ ฯลฯ บุคคลอื่นจากสัญญาหรือ ฯลฯ สัญญาในบุคคลหรือ ฯลฯ สังขารเป็นบุคคลหรือ ฯลฯ บุคคลอื่นจากสังขารหรือ ฯลฯ สังขารในบุคคลหรือ ฯลฯ วิญญาณเป็นบุคคลหรือ ฯลฯ บุคคล ในวิญญาณหรือ ฯลฯ บุคคลอื่นจากวิญญาณหรือ ฯลฯ วิญญาณในบุคคลหรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ส. ท่านจงรับรู้นิคหะ, หากว่า ท่านหยั่งเห็นบุคคลโดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า วิญญาณในบุคคล, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคลโดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ แต่ไม่พึงกล่าวว่า วิญญาณในบุคคล ดังนี้ ผิด, แต่ถ้าไม่พึงกล่าวว่า วิญญาณในบุคคล ก็ต้องไม่กล่าวว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคลโดยสัจฉิกัตถ- *ปรมัตถ์, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคลโดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ แต่ไม่พึงกล่าวว่า วิญญาณในบุคคล ดังนี้ ผิด ฯลฯ [๕๓] ส. ท่านหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. จักขายตนะเป็นบุคคลหรือ ฯลฯ บุคคลในจักขายตนะหรือ ฯลฯ บุคคล อื่นจากจักขายตนะหรือ ฯลฯ จักขายตนะในบุคคลหรือ ฯลฯ ธัมมายตนะเป็นบุคคลหรือ ฯลฯ บุคคลในธัมมายตนะหรือ ฯลฯ ธัมมายตนะในบุคคล หรือ ฯลฯ [๕๔] ... จักขุธาตุเป็นบุคคลหรือ ฯลฯ บุคคลในจักขุธาตุหรือ ฯลฯ บุคคลอื่นจาก จักขุธาตุหรือ ฯลฯ จักขุธาตุในบุคคลหรือ ฯลฯ ธรรมธาตุเป็นบุคคลหรือ ฯลฯ บุคคลในธรรมธาตุ หรือ ฯลฯ บุคคลอื่นจากธรรมธาตุหรือ ฯลฯ ธรรมธาตุในบุคคลหรือ ฯลฯ [๕๕] ... จักขุนทรีย์เป็นบุคคลหรือ ฯลฯ บุคคลในจักขุนทรีย์หรือ ฯลฯ บุคคลอื่นจาก จักขุนทรีย์หรือ ฯลฯ จักขุนทรีย์ในบุคคลหรือ ฯลฯ อัญญาตาวินทรีย์เป็นบุคคลหรือ ฯลฯ บุคคล ในอัญญาตาวินทรีย์หรือ ฯลฯ บุคคลอื่นจากอัญญาตาวินทรีย์หรือ ฯลฯ อัญญาตาวินทรีย์ในบุคคล หรือ ฯลฯ ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ส. ท่านจงรับรู้นิคหะ, หากท่านหยั่งเห็นบุคคลโดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ด้วยเหตุ นั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า อัญญาตาวินทรีย์ในบุคคล, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ แต่ไม่พึงกล่าวว่า อัญญาตาวินทรีย์ในบุคคล ดังนี้ ผิด, แต่ถ้าไม่พึงกล่าวว่า อัญญาตาวินทรีย์ในบุคคล ก็ต้องไม่กล่าวว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคลโดย สัจฉิกัตถปรมัตถ์ แต่ไม่พึงกล่าวว่า อัญญาตาวินทรีย์ในบุคคล ดังนี้ ผิด ฯลฯ [๕๖] ป. ท่านไม่หยั่งเห็นบุคคลโดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ ฯลฯ ส. ถูกแล้ว ป. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ ดังนี้ หรือ? ส. ถูกแล้ว ป. รูปเป็นบุคคลหรือ? ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ป. ท่านจงรับรู้ปฏิกรรม, หากว่า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติ เพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า รูปเป็นบุคคล, ที่ท่านกล่าวในปัญหา นั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ แต่ ไม่พึงกล่าวว่า รูปเป็นบุคคลดังนี้ผิด, แต่ถ้าไม่พึงกล่าวว่า รูปเป็นบุคคล ก็ต้องไม่กล่าวว่า พระ ผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึง กล่าวได้ว่า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ แต่ไม่พึงกล่าวว่า รูปเป็นบุคคล ดังนี้ ผิด ฯลฯ [๕๗] ป. ท่านไม่พึงหยั่งเห็นบุคคลโดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ? ส. ถูกแล้ว ป. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ ดังนี้ หรือ? ส. ถูกแล้ว ป. บุคคลในรูปหรือ ฯลฯ บุคคลอื่นจากรูปหรือ ฯลฯ รูปในบุคคลหรือ ฯลฯ เวทนาเป็นบุคคลหรือ ฯลฯ บุคคลในเวทนาหรือ ฯลฯ บุคคลอื่นจากเวทนาหรือ ฯลฯ เวทนา ในบุคคลหรือ ฯลฯ สัญญาเป็นบุคคลหรือ ฯลฯ บุคคลในสัญญาหรือ ฯลฯ บุคคลอื่นจากสัญญา หรือ ฯลฯ สัญญาในบุคคลหรือ ฯลฯ สังขารเป็นบุคคลหรือ ฯลฯ บุคคลในสังขารหรือ ฯลฯ บุคคลอื่นจากสังขารหรือ ฯลฯ วิญญาณเป็นบุคคลหรือ ฯลฯ สังขารในบุคคลหรือ ฯลฯ วิญญาณ ในบุคคลหรือ ฯลฯ หรือ ฯลฯ บุคคลในวิญญาณหรือ ฯลฯ บุคคลอื่นจากวิญญาณหรือ ฯลฯ วิญญาณในบุคคลหรือ? ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ป. ท่านจงรับรู้ปฏิกรรม, หากว่า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติ เพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า วิญญาณในบุคคล, ที่ท่านกล่าวใน ปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ แต่ไม่พึงกล่าวว่า วิญญาณในบุคคล ดังนี้ ผิด, แต่ถ้าไม่พึงกล่าวว่า วิญญาณในบุคคลก็ต้อง ไม่กล่าวว่า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่, ที่ท่านกล่าวใน ปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ แต่ไม่พึงกล่าวว่า วิญญาณในบุคคล ดังนี้ ผิด ฯลฯ [๕๘] ป. ท่านไม่หยั่งเห็นบุคคลโดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ? ส. ถูกแล้ว ป. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ ดังนี้ หรือ? ส. ถูกแล้ว ป. จักขายตนะเป็นบุคคลหรือ ฯลฯ บุคคลในจักขายตนะหรือ ฯลฯ บุคคล อื่นจากจักขายตนะหรือ ฯลฯ จักขายตนะในบุคคลหรือ ฯลฯ ธัมมายตนะเป็นบุคคลหรือ ฯลฯ บุคคลในธัมมายตนะหรือ ฯลฯ บุคคลอื่นจากธัมมายตนะหรือ ฯลฯ ธัมมายตนะในบุคคลหรือ ฯลฯ จักขุธาตุเป็นบุคคลหรือ ฯลฯ บุคคลในจักขุธาตุหรือ ฯลฯ บุคคลอื่นจากจักขุธาตุหรือ ฯลฯ จักขุธาตุ ในบุคคลหรือ ฯลฯ ธัมมธาตุเป็นบุคคลหรือ ฯลฯ บุคคลในธัมมธาตุหรือ ฯลฯ บุคคลอื่น จากธัมมธาตุหรือ ฯลฯ ธัมมธาตุในบุคคลหรือ ฯลฯ [๕๙] ... จักขุนทรีย์เป็นบุคคลหรือ ฯลฯ บุคคลในจักขุนทรีย์หรือ ฯลฯ บุคคลอื่นจาก จักขุนทรีย์หรือ ฯลฯ จักขุนทรีย์ในบุคคลหรือ ฯลฯ อัญญาตาวินทรีย์เป็นบุคคลหรือ ฯลฯ บุคคล ในอัญญาตาวินทรีย์หรือ ฯลฯ บุคคลอื่นจากอัญญาตาวินทรีย์หรือ ฯลฯ อัญญาตาวินทรีย์ในบุคคล หรือ? ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ป. ท่านจงรับรู้ปฏิกรรม, หากว่า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติ เพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า อัญญาตาวินทรีย์ในบุคคล, ที่ท่าน กล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ แต่ไม่พึงกล่าวว่า อัญญาตาวินทรีย์ในบุคคล ดังนี้ ผิด, แต่ไม่พึงกล่าวว่า อัญญาตาวินทรีย์ ในบุคคล ก็ต้องไม่กล่าวว่า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่, ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติ เพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ แต่ไม่พึงกล่าวว่า อัญญาตาวินทรีย์ในบุคคล ดังนี้ ผิด ฯลฯ
จตุกกนยสังสันทนา จบ.
-----------------------------------------------------

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๗ บรรทัดที่ ๕๘๘-๗๐๐ หน้าที่ ๒๖-๓๑. https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=37&A=588&Z=700&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_siri.php?B=37&siri=11              ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=37&i=50              ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- [50-59] https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=37&item=50&items=10              อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=55&A=3137              The Pali Tipitaka in Roman :- [50-59] https://84000.org/tipitaka/pali/roman_item_s.php?book=37&item=50&items=10              The Pali Atthakatha in Roman :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=55&A=3137              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๗ https://84000.org/tipitaka/read/?index_37              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/kv1.1/en/aung-rhysdavids#pts-cs1.1.138

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :