ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับภาษาไทย   บาลีอักษรไทย   บาลีอักษรโรมัน 
อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒ พระวินัยปิฎกเล่มที่ ๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒
อุปสัมบันด่าอนุปสัมบัน
พูดกดกระทบชาติ
[๒๔๓] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำ ให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันชาติทราม ด้วยกล่าวกระทบชาติทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันชาติ คนจัณฑาล, ... ชาติคนจักสาน, ... ชาติพราน, ... ชาติคนช่างหนัง, ชาติคนเทดอกไม้, ว่าเป็นชาติคน จัณฑาล, ว่าเป็นชาติคนจักสาน, ว่าเป็นชาติพราน, ว่าเป็นชาติคนช่างหนัง, ว่าเป็นชาติคน เทดอกไม้, ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบชาติ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันชาติอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบชาติทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันชาติกษัตริย์ ... ชาติพราหมณ์ ว่าเป็นชาติคนจัณฑาล ว่าเป็นชาติคนจักสาน ว่าเป็นชาติพราน ว่าเป็นชาติ คนช่างหนัง ว่าเป็นชาติคนเทดอกไม้ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบชาติ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันชาติทราม ด้วยกล่าวกระทบชาติอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันชาติคนจัณฑาล ... ชาติคนจักสาน ... ชาติพราน ... ชาติคนช่างหนัง ... ชาติคนเทดอกไม้ ว่าเป็นชาติกษัตริย์ ว่าเป็น ชาติพราหมณ์ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบชาติ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันชาติอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบชาติอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันชาติกษัตริย์ ... ชาติพราหมณ์ ว่าเป็นชาติกษัตริย์ ว่าเป็นชาติพราหมณ์ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดกระทบชื่อ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีชื่อทราม ด้วยกล่าวกระทบชื่อทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันชื่ออวกัณณกะ ... ชื่อ ชวกัณณกะ ... ชื่อธนิฏฐกะ ... ชื่อสวิฏฐกะ ... ชื่อกุลวัฑฒกะ ว่าท่านอวกัณณกะ ว่าท่านชวกัณณกะ ว่าท่านธนิฏฐกะ ว่าท่านสวิฏฐกะ ว่าท่านกุลวัฑฒกะ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบชื่อ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีชื่ออุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบชื่อทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันชื่อพุทธรักขิต ... ชื่อธัมมรักขิต ... ชื่อสังฆรักขิต ว่าท่านอวกัณณกะ ว่าท่านชวกัณณกะ ว่าท่านธนิฏฐกะ ว่า ท่านสวิฏฐกะ ว่าท่านกุลวัฑฒกะ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบชื่อ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีชื่อทราม ด้วยกล่าวกระทบชื่ออุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันชื่ออวกัณณกะ ... ชื่อชวกัณณกะ ... ชื่อธนิฏฐกะ ... ชื่อสวิฏฐกะ ... ชื่อกุลวัฑฒกะ ว่าท่านพุทธรักขิต ว่าท่าน ธัมมรักขิต ว่าท่านสังฆรักขิต ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบชื่อ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีชื่ออุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบชื่ออุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันชื่อพุทธรักขิต ... ชื่อธัมมรักขิต ... ชื่อสังฆรักขิต ว่าท่านพุทธรักขิต ว่าท่านธัมมรักขิต ว่าท่านสังฆรักขิต ดังนี้ เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดกระทบโคตร
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีโคตรทราม ด้วยกล่าวกระทบโคตรทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันโกสิยโคตร ... ภารทวาชโคตร ว่าท่านโกสิยโคตร ว่าท่านภารทวาชโคตร ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบโคตร
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีโคตรอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบโคตรทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันโคตมโคตร ... โมคคัลลานโคตร ... กัจจายนโคตร ... วาเสฏฐโคตร ว่าท่านโกสิยโคตร ว่าท่านภารทวาชโคตร ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบโคตร
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีโคตรทราม ด้วยกล่าวกระทบโคตรอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันโกสิยโคตร ... ภารทวาชโคตร ว่าท่านโคตมโคตร ว่าท่านโมคคัลลานโคตร ว่าท่านกัจจายนโคตร ว่าท่าน วาเสฏฐโคตร ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบโคตร
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีโคตรอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบโคตรอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันโคตม- *โคตร ... โมคคัลลานโคตร ... กัจจายนโคตร ... วาเสฏฐโคตร ว่าท่านโคตมโคตร ว่าท่านโมคคัลลาน โคตร ว่าท่านกัจจายนโคตร ว่าท่านวาเสฏฐโคตร ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดกระทบการงาน
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีการงานทราม ด้วยกล่าวกระทบการงานทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันเป็นช่างไม้ ... เป็นคนเทดอกไม้ ว่าท่านเป็นช่างไม้ ว่าท่านเป็นคนเทดอกไม้ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติ ทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบการงาน
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีการงานอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบการงานทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันทำงาน ไถนา ... ทำงานค้าขาย ... ทำงานเลี้ยงโค ว่าท่านเป็นช่างไม้ ว่าท่านเป็นคนเทดอกไม้ ดังนี้ เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบการงาน
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีการงานทราม ด้วยกล่าวกระทบการงานอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันเป็น ช่างไม้ ... เป็นคนเทดอกไม้ ว่าท่านทำงานไถนา ว่าท่านทำงานค้าขาย ว่าท่านทำงานเลี้ยงโค ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบการงาน
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีการงานอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบการงานอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบัน ทำงานไถนา ... ทำงานค้าขาย ... ทำงานเลี้ยงโค ว่าท่านทำงานไถนา ว่าท่านทำงานค้าขาย ว่า ท่านทำงานเลี้ยงโค ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดกระทบศิลปะ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีวิชาการช่างทราม ด้วยกล่าวกระทบวิชาการช่างทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันมี วิชาการช่างจักสาน ... มีวิชาการช่างหม้อ ... มีวิชาการช่างหูก ... มีวิชาการช่างหนัง ... มีวิชาการ ช่างกัลบก ว่าท่านมีวิชาการช่างจักสาน ว่าท่านมีวิชาการช่างหม้อ ว่าท่านมีวิชาการช่างหูก ว่าท่านมีวิชาการช่างหนัง ว่าท่านมีวิชาการช่างกัลบก ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบศิลปะ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีวิชาการช่างอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบวิชาการช่างทราม คือ พูดกะอนุปสัมบัน มีวิชาการช่างนับ ... มีวิชาการช่างคำนวณ ... มีวิชาการช่างเขียน ว่าท่านมีวิชาการช่างจักสาน ว่าท่านมีวิชาการช่างหม้อ ว่ามีวิชาการช่างหูก ว่าท่านมีวิชาการช่างหนัง ว่าท่านมีวิชาการกัลบก ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบศิลปะ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีวิชาการช่างทราม ด้วยกล่าวกระทบวิชาการช่างอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบัน มีวิชาการช่างจักสาน ... มีวิชาการช่างหม้อ ... มีวิชาการช่างหูก ... มีวิชาการช่างหนัง ... มีวิชา- *การช่างกัลบก ว่าท่านมีวิชาการช่างนับ ว่าท่านมีวิชาการช่างคำนวณ ว่าท่านมีวิชาการช่างเขียน ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบศิลปะ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีวิชาการช่างอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบวิชาการช่างอุกฤษฏ์ คือ พูดกะ อนุปสัมบันมีวิชาการช่างนับ ... มีวิชาการช่างคำนวณ ... มีวิชาการช่างเขียน ว่าท่านมีวิชาการ ช่างนับ ว่าท่านมีวิชาการช่างคำนวณ ว่าท่านมีวิชาการช่างเขียน ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดกระทบโรค
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีโรคทราม ด้วยกล่าวกระทบโรคทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้เป็นโรคเรื้อน ... โรคฝี ... โรคกลาก ... โรคมองคร่อ ... โรคลมบ้าหมู ว่าท่านเป็นโรคเรื้อน ว่าท่านเป็นโรคฝี ว่าท่านเป็นโรคกลาก ว่าท่านเป็นโรคมองคร่อ ว่าท่านเป็นโรคลมบ้าหมู ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบโรค
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีโรคอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบโรคทราม คือ พูดกะอุปสัมบันผู้เป็นโรค เบาหวาน ว่าท่านเป็นโรคเรื้อน ว่าท่านเป็นโรคฝี ว่าท่านเป็นโรคกลาก ว่าท่านเป็นโรค มองคร่อ ว่าท่านเป็นโรคลมบ้าหมู ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบโรค
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีโรคทราม ด้วยกล่าวกระทบโรคอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้เป็นโรคเรื้อน ... โรคฝี ... โรคกลาก ... โรคมองคร่อ ... โรคลมบ้าหมู ว่าท่านเป็นโรคเบาหวาน ดังนี้ เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบโรค
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีโรคอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบโรคอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้เป็นโรค เบาหวาน ว่าท่านเป็นโรคเบาหวาน ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดกระทบรูปพรรณ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีรูปพรรณทราม ด้วยกล่าวกระทบรูปพรรณทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้ สูงเกินไป ... ต่ำเกินไป ... ดำเกินไป ... ขาวเกินไป ว่าท่านเป็นคนสูงนัก ว่าท่านเป็นคน ต่ำนัก ว่าท่านเป็นคนดำนัก ว่าท่านเป็นคนขาวนัก ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบรูปพรรณ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีรูปพรรณอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบรูปพรรณทราม คือ พูดกะอนุปสัมบัน ผู้ไม่สูงนัก ... ไม่ต่ำนัก ... ไม่ดำนัก ... ไม่ขาวนัก ว่าท่านเป็นคนสูงนัก ว่าท่านเป็นคน ต่ำนัก ว่าท่านเป็นคนดำนัก ว่าท่านเป็นคนขาวนัก ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบรูปพรรณ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีรูปพรรณทราม ด้วยกล่าวกระทบรูปพรรณอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้ สูงเกินไป ... ต่ำเกินไป ... ดำเกินไป ... ขาวเกินไป ว่าท่านเป็นคนไม่สูงนัก ว่าท่านเป็นคน ไม่ต่ำนัก ว่าท่านเป็นคนไม่ดำนัก ว่าท่านเป็นคนไม่ขาวนัก ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบรูปพรรณ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีรูปพรรณอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบรูปพรรณอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบัน ผู้ไม่สูงเกินไป ... ไม่ต่ำเกินไป ... ไม่ดำเกินไป ... ไม่ขาวเกินไป ว่าท่านเป็นคนไม่สูงนัก ว่าท่านเป็นคนไม่ต่ำนัก ว่าท่านเป็นคนไม่ดำนัก ว่าท่านเป็นคนไม่ขาวนัก ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดกระทบกิเลส
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีกิเลสทราม ด้วยกล่าวกระทบกิเลสทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้ถูกราคะ กลุ้มรุม ... ถูกโทสะย่ำยี ... ถูกโมหะครอบงำ ว่าท่านถูกราคะกลุ้มรุม ว่าท่านถูกโทสะย่ำยี ว่าท่านถูกโมหะครอบงำ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบกิเลส
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีความประพฤติอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบกิเลสทราม คือ พูดกะอนุปสัมบัน ผู้ปราศจากราคะ ... ปราศจากโทสะ ... ปราศจากโมหะ ว่าท่านถูกราคะกลุ้มรุม ว่าท่านถูกโทสะย่ำยี ว่าท่านถูกโมหะครอบงำ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบกิเลส
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีกิเลสทราม ด้วยกล่าวกระทบกิเลสอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้ถูกราคะ กลุ้มรุม ... ถูกโทสะย่ำยี ... ถูกโมหะครอบงำ ว่าท่านปราศจากราคะ ว่าท่านปราศจากโทสะ ว่าท่านปราศจากโมหะ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบกิเลส
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีความประพฤติอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบกิเลสอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบัน ผู้ปราศจากราคะ ... ปราศจากโทสะ ... ปราศจากโมหะ ว่าท่านปราศจากราคะ ว่าท่านปราศจาก โทสะ ว่าท่านปราศจากโมหะ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดกระทบอาบัติ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันผู้ต้องอาบัติทราม ด้วยกล่าวกระทบอาบัติทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้ต้องอาบัติ ปาราชิก ... ผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ผู้ต้องอาบัติถุลลัจจัย ... ผู้ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ... ผู้ต้องอาบัติ ปาฏิเทสนียะ ... ผู้ต้องอาบัติทุกกฏ ... ผู้ต้องอาบัติทุพภาสิต ว่าท่านต้องอาบัติปาราชิก ว่าท่าน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ว่าท่านต้องอาบัติถุลลัจจัย ว่าท่านต้องอาบัติปาจิตตีย์ ว่าท่านต้องอาบัติ ปาฏิเทสนียะ ว่าท่านต้องอาบัติทุกกฏ ว่าท่านต้องอาบัติทุพภาสิต ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบอาบัติ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันผู้มีความประพฤติอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบอาบัติทราม คือ พูดกะอนุปสัมบัน ผู้เป็นโสดาบัน ว่าท่านต้องอาบัติปาราชิก ว่าท่านต้องอาบัติสังฆาทิเสส ว่าท่านต้องอาบัติถุลลัจจัย ว่าท่านต้องอาบัติปาจิตตีย์ ว่าท่านต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ว่าท่านต้องอาบัติทุกกฏ ว่าท่านต้อง อาบัติทุพภาสิต ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบอาบัติ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันผู้ต้องอาบัติทราม ด้วยกล่าวกระทบความประพฤติอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบัน ผู้ต้องอาบัติปาราชิก ... ผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ผู้ต้องอาบัติถุลลัจจัย ... ผู้ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ... ผู้ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ... ผู้ต้องอาบัติทุกกฏ ... ผู้ต้องอาบัติทุพภาสิต ว่าท่านเป็นโสดาบัน ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบความประพฤติ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันผู้อุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบความประพฤติอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้เป็น โสดาบัน ว่าท่านเป็นโสดาบัน ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดกระทบคำสบประมาท
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันผู้มีความประพฤติทราม ด้วยกล่าวกระทบคำด่าทราม คือ พูดกะอนุปสัมบัน ผู้มีความประพฤติดังอูฐ ... มีความประพฤติดังแพะ ... มีความประพฤติดังโค ... มีความประพฤติ ดังลา ... มีความประพฤติดังสัตว์ดิรัจฉาน ... มีความประพฤติดังสัตว์นรก ว่าท่านเป็นอูฐ ว่าท่านเป็นแพะ ว่าท่านเป็นโค ว่าท่านเป็นลา ว่าท่านเป็นสัตว์ดิรัจฉาน ว่าท่านเป็นสัตว์นรก สุคติของท่านไม่มี ท่านต้องหวังได้แต่ทุคติ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบคำสบประมาท
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันผู้มีความประพฤติอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบคำด่าทราม คือ พูดกะอนุปสัมบัน ผู้เป็นบัณฑิต ... ผู้ฉลาด ... ผู้มีปัญญา ... ผู้พหูสูต ... ผู้ธรรมกถึก ว่าท่านเป็นอูฐ ว่าท่าน เป็นแพะ ว่าท่านเป็นโค ว่าท่านเป็นลา ว่าท่านเป็นสัตว์ดิรัจฉาน ว่าท่านเป็นสัตว์นรก สุคติของท่านไม่มี ท่านต้องหวังได้แต่ทุคติ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบคำสบประมาท
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันผู้มีความประพฤติทราม ด้วยกล่าวกระทบคำด่าอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบัน ผู้มีความประพฤติดังอูฐ ... มีความประพฤติดังแพะ ... มีความประพฤติดังโค ... มีความประพฤติ ดังลา ... มีความประพฤติดังสัตว์ดิรัจฉาน ... มีความประพฤติดังสัตว์นรก ว่าท่านเป็นบัณฑิต ว่าท่านเป็นคนฉลาด ว่าท่านเป็นคนมีปัญญา ว่าท่านเป็นพหูสูต ว่าท่านเป็นธรรมกถึก ทุคติ ของท่านไม่มี ท่านต้องหวังได้แต่สุคติ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบคำสบประมาท
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันผู้มีความประพฤติอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบคำด่าอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบัน ผู้เป็นบัณฑิต ... ผู้ฉลาด ... ผู้มีปัญญา ... ผู้พหูสูต ... ผู้ธรรมกถึก ว่าท่านเป็นบัณฑิต ว่าท่านเป็น คนฉลาด ว่าท่านเป็นคนมีปัญญา ว่าท่านเป็นพหูสูต ว่าท่านเป็นธรรมกถึก ทุคติของท่านไม่มี ท่านต้องหวังได้แต่สุคติ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.

             เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒ บรรทัดที่ ๕๔๓๕-๕๖๕๕ หน้าที่ ๒๒๔-๒๓๓. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=2&A=5435&Z=5655&pagebreak=0 https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=2&item=243&items=1              อ่านโดยใช้เครื่องหมาย [เลขข้อ] เป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :- https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=2&item=243&items=1&mode=bracket              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item.php?book=2&item=243&items=1              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรโรมัน :- https://84000.org/tipitaka/read/roman_item.php?book=2&item=243&items=1              ศึกษาอรรถกถานี้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=2&i=243              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒ https://84000.org/tipitaka/read/?index_2 https://84000.org/tipitaka/english/?index_2

อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย

บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]