ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับภาษาไทย   บาลีอักษรไทย   บาลีอักษรโรมัน 
อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒ พระวินัยปิฎกเล่มที่ ๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒
๔. เสขิยกัณฑ์
ท่านทั้งหลาย ก็ธรรมคือ เสขิยะเหล่านี้แล มาสู่อุเทส.
วรรคที่ ๑ ปริมัณฑลวรรค
สารูป ๒๖ สิกขาบท
สิกขาบทที่ ๑
[๘๐๐] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถ- *บิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์นุ่งผ้าเลื้อยหน้าบ้าง เลื้อยหลังบ้าง ชาวบ้านพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉน พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร จึงได้นุ่ง ผ้าเลื้อยหน้าบ้าง เลื้อยหลังบ้าง เหมือนพวกคฤหัสถ์ผู้บริโภคกามเล่า ภิกษุทั้งหลายได้ยินชาว บ้านเหล่านั้นพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่. บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉน พระฉัพพัคคีย์จึงได้นุ่งผ้าเลื้อยหน้าบ้าง เลื้อยหลังบ้างเล่า แล้วกราบ ทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
ทรงสอบถาม
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรก เกิดนั้น แล้วรับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ทรงสอบถามพระฉัพพัคคีย์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า พวกเธอนุ่งผ้าเลื้อยหน้าบ้าง เลื้อยหลังบ้าง จริงหรือ? พระฉัพพัคคีย์ทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรโมฆบุรุษทั้งหลาย ไฉนพวกเธอจึงได้นุ่งผ้า เลื้อยหน้าบ้าง เลื้อยหลังบ้างเล่า การกระทำของพวกเธอนั่นไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของ ชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้
พระบัญญัติ
๑๔๖. ๑. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักนุ่งเป็นปริมณฑล.
สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุนุ่งปิดมณฑลสะดือ มณฑลเข่า ชื่อว่านุ่งเป็นปริมณฑล. ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ นุ่งผ้าเลื้อยหน้าหรือเลื้อยหลัง ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ ไม่มีสติ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิ- *กัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
ปริมัณฑลวรรค สิกขาบทที่ ๑ จบ.
-----------------------------------------------------
ปริมัณฑลวรรค สิกขาบทที่ ๒
[๘๐๑] สาวัตถีนิทาน. ๑- ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์ห่มผ้าเลื้อยหน้าบ้าง เลื้อยหลังบ้าง ... ๒-
พระบัญญัติ
๑๔๗. ๒. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักห่มเป็นปริมณฑล.
สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุห่มทำมุมทั้งสองให้เสมอกัน ชื่อว่าห่มเป็นปริมณฑล. ภิกษุใดอาศัยความไม่ เอื้อเฟื้อ ห่มผ้าเลื้อยหน้าหรือเลื้อยหลัง ต้องอาบัติทุกกฏ. @๑. บาลีว่า สาวัตถีนิทาน เห็นอยู่ในที่ใด ในที่นั้นมีบาลีแปลว่า โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธ @เจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ดังนี้ @๒. หมายว่ามีเนื้อความดังสิกขาบทที่ ๑
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
ปริมัณฑลวรรค สิกขาบทที่ ๒ จบ.
-----------------------------------------------------
ปริมัณฑลวรรค สิกขาบทที่ ๓
[๘๐๒] สาวัตถีนิทาน โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์เดินเปิดกายไปใน ละแวกบ้าน ...
พระบัญญัติ
๑๔๘. ๓. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักปกปิดกายดี ไปในละแวกบ้าน
สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุพึงปิดกายด้วยดีไปในละแวกบ้าน. ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ เดินเปิดกาย ไปในละแวกบ้าน ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
ปริมัณฑลวรรค สิกขาบทที่ ๓ จบ.
-----------------------------------------------------
ปริมัณฑลวรรค สิกขาบทที่ ๔
[๘๐๓] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์นั่งเปิดกายในละแวกบ้าน ...
พระบัญญัติ
๑๔๙. ๔. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักปกปิดกายดี นั่งในละแวกบ้าน.
สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุพึงปิดกายด้วยดี นั่งในละแวกบ้าน. ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ นั่งเปิดกาย ในละแวกบ้าน ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ อยู่ในที่พัก ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
ปริมัณฑลวรรค สิกขาบทที่ ๔ จบ.
-----------------------------------------------------
ปริมัณฑลวรรค สิกขาบทที่ ๕
[๘๐๔] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์เดินคะนองมือบ้าง คะนองเท้าบ้าง ไปในละแวกบ้าน ...
พระบัญญัติ
๑๕๐. ๕. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักสำรวมดี ไปในละแวกบ้าน.
สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุพึงสำรวมด้วยดีไปในละแวกบ้าน. ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ คะนองมือก็ดี คะนองเท้าก็ดี ไปในละแวกบ้าน ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
ปริมัณฑลวรรค สิกขาบทที่ ๕ จบ.
-----------------------------------------------------
ปริมัณฑลวรรค สิกขาบทที่ ๖
[๘๐๕] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์คะนองมือบ้าง คะนองเท้าบ้าง นั่งในละแวกบ้าน ...
พระบัญญัติ
๑๕๑. ๖. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักสำรวมดี นั่งในละแวกบ้าน.
สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุพึงสำรวมดี นั่งในละแวกบ้าน. ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ คะนองมือก็ดี คะนองเท้าก็ดี นั่งในละแวกบ้าน ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
ปริมัณฑลวรรค สิกขาบทที่ ๖ จบ.
-----------------------------------------------------
ปริมัณฑลวรรค สิกขาบทที่ ๗
[๘๐๖] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์เดินไปในละแวกบ้าน พลางแลดู ในที่นั้นๆ ...
พระบัญญัติ
๑๕๒. ๗. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักมีตาทอดลง ไปในละแวกบ้าน.
สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุพึงมีนัยน์ตาทอดลง เดินไปในละแวกบ้าน พึงแลประมาณชั่วแอกหนึ่ง. ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ไปในละแวกบ้าน พลางแลดูในที่นั้นๆ ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
ปริมัณฑลวรรค สิกขาบทที่ ๗ จบ.
-----------------------------------------------------
ปริมัณฑลวรรค สิกขาบทที่ ๘
[๘๐๗] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์นั่งในละแวกบ้าน พลางแลดู ในที่นั้นๆ ...
พระบัญญัติ
๑๕๓. ๘. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักมีตาทอดลง นั่งในละแวกบ้าน.
สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุพึงมีนัยน์ตาอันทอดลง นั่งในละแวกบ้าน พึงแลประมาณชั่วแอกหนึ่ง. ภิกษุใด อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ นั่งในละแวกบ้าน พลางแลดูในที่นั้นๆ ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
ปริมัณฑลวรรค สิกขาบทที่ ๘ จบ.
-----------------------------------------------------
ปริมัณฑลวรรค สิกขาบทที่ ๙
[๘๐๘] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์เดินเวิกผ้าไปในละแวกบ้าน ...
พระบัญญัติ
๑๕๔. ๙. ภิกษุทำความศึกษาว่า เราจักไม่ไปในละแวกบ้านด้วยทั้งเวิกผ้า.
สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุไม่พึงเดินเวิกผ้าไปในละแวกบ้าน. ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ เวิกผ้าขึ้นข้าง เดียวก็ดี ทั้งสองข้างก็ดี เดินไปในละแวกบ้าน ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
ปริมัณฑลวรรค สิกขาบทที่ ๙ จบ.
-----------------------------------------------------
ปริมัณฑลวรรค สิกขาบทที่ ๑๐
[๘๐๙] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์เวิกผ้า นั่งในละแวกบ้าน ...
พระบัญญัติ
๑๕๕. ๑๐. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่นั่งในละแวกบ้าน ด้วยทั้งเวิกผ้า.
สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุไม่พึงเวิกผ้านั่งในละแวกบ้าน. ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ เวิกผ้าขึ้นข้างเดียว ก็ดี ทั้งสองข้างก็ดี นั่งในละแวกบ้าน ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ อยู่ในที่พัก ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
ปริมัณฑลวรรค สิกขาบทที่ ๑๐ จบ.
วรรคที่ ๑ จบ.
-----------------------------------------------------

             เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒ บรรทัดที่ ๑๕๑๖๘-๑๕๓๑๗ หน้าที่ ๖๕๘-๖๖๔. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=2&A=15168&Z=15317&pagebreak=0 https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=2&item=800&items=10              อ่านโดยใช้เครื่องหมาย [เลขข้อ] เป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :- https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=2&item=800&items=10&mode=bracket              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item.php?book=2&item=800&items=10              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรโรมัน :- https://84000.org/tipitaka/read/roman_item.php?book=2&item=800&items=10              ศึกษาอรรถกถานี้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=2&i=800              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒ https://84000.org/tipitaka/read/?index_2 https://84000.org/tipitaka/english/?index_2

อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย

บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]