ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับภาษาไทย   บาลีอักษรไทย   บาลีอักษรโรมัน 
อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก
             [๑๔๖] 	ในพระนครพันธุมดี มีพระบรมกษัตริย์พระองค์หนึ่งพระนามว่า
                          พันธุมา ดิฉันเป็นพระอัครมเหสีของท้าวเธอ ดิฉันย่อมพูดกะคน
                          บางคน ครั้งนั้น ดิฉันอยู่ในที่ลับ นั่งคิดอย่างนี้ว่า ก็กุศลที่จะพึงถือ
                          เอาไปที่เราทำไว้ไม่มีเลย เราจะต้องไปนรกที่มีความเร่าร้อนใหญ่ยิ่ง
                          เผ็ดร้อน ร้ายกาจ ทารุณ โดยแน่นอน ในข้อนี้เราไม่มีความสงสัยเลย
                          ดังนี้ ดิฉันเข้าไปเฝ้าพระราชา แล้วกราบทูลว่า ขอเดชะ ขอพระองค์
                          จงพระราชทานสมณะให้หม่อมฉันสักองค์หนึ่งเถิด หม่อมฉัน
                          จักนิมนต์ให้ท่านฉัน พระมหาราชาได้พระราชทานสมณะผู้มีอินทรีย์
                          อันอบรมแล้วให้ดิฉัน ดิฉันรับบาตรของท่านแล้ว นิมนต์ท่านให้ฉัน
                          จนอิ่มหนำ ด้วยข้าวที่ระคนด้วยน้ำนมและทธิ ดิฉันบูชาด้วยข้าวที่
                          ระคนด้วยน้ำนมและทธิแล้ว ทำของหอมและเครื่องไล้ทา เอาร่างแห
                          ปิดแล้วเอาผ้าเหลืองคลุมไว้ ดิฉันนึกถึงอารมณ์ของดิฉันนี้ตราบเท่า
                          สิ้นชีวิต ยังจิตให้เลื่อมใสในกรรมนั้นแล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
                          ดิฉันได้เป็นพระอัครมเหสีของท้าวสักรินทเทวราช ๓๐ พระองค์
                          สิ่งที่ดิฉันปรารถนาด้วยใจ ย่อมเกิดสมดังประสงค์ ดิฉันได้เป็น
                          พระอัครมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิ ๒๐ พระองค์ ดิฉันเป็นหญิงสร้าง
                          ตัวเอง ท่องเที่ยวไปในภพน้อยใหญ่ ดิฉันพ้นจากเครื่องผูกพันทุก
                          อย่างแล้ว มีการอุบัติไปปราศแล้ว มีอาสวะสิ้นไปหมดแล้ว บัดนี้
                          ภพใหม่ไม่มีอีก ในกัปที่ ๙๑ แต่กัปนี้ ดิฉันได้ให้ทานใดในกาลนั้น
                          ด้วยทานนั้น ดิฉันจึงไม่รู้จักทุคติเคย นี้เป็นผลแห่งบิณฑบาต ดิฉัน
                          เผากิเลสทั้งหลายแล้ว .... พระพุทธศาสนาดิฉันได้ทำเสร็จแล้ว.
             ทราบว่า ท่านพระเอกปิณฑปาตทายิกาภิกษุณีได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ เอกปิณฑปาตทายิกาเถริยาปทาน.
กฏัจฉุภิกขาทายิกาเถริยาปทานที่ ๗
ว่าด้วยผลแห่งการถวายภิกษาหารหนึ่งทัพพี

             เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ บรรทัดที่ ๔๑๕๒-๔๑๗๖ หน้าที่ ๑๗๙-๑๘๐. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=33&A=4152&Z=4176&pagebreak=0 https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=33.1&item=146&items=1&mode=bracket              อ่านโดยใช้เนื้อความเป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :- https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=33.1&item=146&items=1              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item.php?book=33.1&item=146&items=1&mode=bracket              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรโรมัน :- https://84000.org/tipitaka/read/roman_item.php?book=33.1&item=146&items=1&mode=bracket              ศึกษาอรรถกถานี้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33.1&i=146              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ https://84000.org/tipitaka/read/?index_33 https://84000.org/tipitaka/english/?index_33

อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย

บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]