ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับภาษาไทย   บาลีอักษรไทย   บาลีอักษรโรมัน 
อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก
             [๑๖๖] 	ในกัปที่หนึ่งแสนแต่ภัทรกัปนี้ พระพิชิตมารผู้เป็นนายกของโลก
                          พระนามว่าปทุมุตระ ผู้ทรงรู้จบธรรมทั้งปวง เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว ครั้ง
                          นั้น ดิฉันเกิดในสกุลเศรษฐี เป็นผู้มีสุขชอบตกแต่ง เป็นที่รักของ
                          บิดา เข้าไปเฝ้าพระมุนีผู้ประเสริฐพระองค์นั้น ได้ฟังพระดำรัส
                          อันไพเราะ พระพิชิตมารทรงสรรเสริญภิกษุณีองค์หนึ่งว่า เป็นผู้เลิศ
                          กว่าภิกษุณีทั้งหลายฝ่ายผู้ปรารภความเพียร ครั้งนั้น ดิฉันได้ฟัง
                          พระพุทธพจน์นั้น แล้วมีความยินดี ได้ทำสักการะแด่พระศาสดา
                          ถวายบังคมพระพุทธเจ้าแล้วได้ปรารถนาตำแหน่งนั้น พระมหา-
                          วีรเจ้าทรงอนุโมทนาว่า ความปรารถนาของท่านจะสำเร็จในกัปที่
                          แสนหนึ่งแต่กัปนี้ พระศาสดาพระนามว่าโคดม มีสมภพในวงศ์
                          พระเจ้าโอกกากราชจักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ท่านนี้จักได้เป็นธรรม
                          ทายาทของพระศาสดาพระองค์นั้น จักเป็นโอรสอันธรรมนิรมิต
                          จักได้เป็นพระสาวิกาของพระศาสดา มีชื่อว่าโสณา ครั้งนั้น ดิฉันได้
                          ฟังพุทธานุโมทนานั้นแล้ว มีความยินดี มีจิตประกอบด้วยเมตตา
                          บำรุงพระพิชิตมารผู้เป็นนายกชั้นพิเศษด้วยปัจจัยทั้งหลายจนตลอด
                          ชีวิต ด้วยกุศลกรรมที่ทำไว้แล้วนั้น และด้วยการตั้งเจตน์จำนงไว้
                          ดิฉันละร่างกายมนุษย์แล้วได้ไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ในภพหลัง
                          ครั้งนี้ ดิฉันเกิดในสกุลเศรษฐีที่มั่งคั่งเจริญ มีทรัพย์มากในพระนคร
                          สาวัตถี เมื่อดิฉันเติบโตเป็นสาว ได้ไปสู่สกุลผัว คลอดบุตรชาย
                          ๑๐ คนล้วนแต่มีรูปงามยิ่งนักบุตรทุกคนนั้นตั้งอยู่ในความสุข จูงตา
                          และใจของชนให้นิยมแม้แต่พวกศัตรูก็ชอบใจ เป็นที่รักของดิฉัน
                          มาก ในกาลนั้นโดยที่ดิฉันไม่ปรารถนา สามีของดิฉันพร้อมด้วยบุตร
                          ทั้ง ๑๐ คน พากันไปบวช ในพระพุทธศาสนา ดิฉันอยู่ผู้เดียว
                          คิดว่า เราพลัดพรากจากสามีและบุตรเป็นกำพร้าอยู่ไม่ควรจะเป็นอยู่
                          แม้เราก็จักไปในอารามที่ภิกษุผู้เคยเป็นสามีอยู่ ครั้นคิดอย่างนี้แล้ว
                          จึงออกบวช ครั้งนั้น พวกภิกษุณีละดิฉันไว้ในสำนักที่อยู่อาศัยแต่ผู้
                          เดียว สั่งดิฉันว่าท่านจงต้มน้ำไว้แล้วก็ไปกัน เวลานั้น ดิฉันตักน้ำ
                          มาใส่ในหม้อเล็กตั้งทิ้งไว้แล้วนั่งอยู่ แต่นั้นดิฉันก็เริ่มเพียรทางจิต
                          ได้พิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายโดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์
                          และเป็นอนัตตา ยังอาสวะทั้งปวงให้สิ้นไปแล้ว ได้บรรลุอรหัตผล
                          เมื่อพวกภิกษุณีกลับมาแล้วถามถึงน้ำร้อน ดิฉันอธิษฐานเตโชธาตุ
                          ให้น้ำร้อนเร็วพลัน ภิกษุณีเหล่านั้นพากันพิศวง ไปกราบทูลพระ-
                          พิชิตมารผู้ประเสริฐ ให้ทรงทราบเรื่องนั้น พระโลกนาถทรงสดับ
                          เรื่องนั้นแล้ว ทรงชื่นชม ได้ตรัสพระคาถานี้ว่า แท้จริง บุคคลผู้
                          ปรารภความเพียรมั่น มีชีวิตเป็นอยู่เพียงวันเดียว ก็ประเสริฐกว่า
                          คนเกียจคร้านละความเพียรเป็นอยู่ ๑,๐๐๐ ปี พระมหามุนีมหาวีรเจ้า
                          อันดิฉันให้โปรดแล้วเพราะความปฏิบัติดี ตรัสว่าดิฉันเป็นผู้เลิศกว่า
                          ภิกษุณีทั้งหลายฝ่ายปรารภความเพียร ดิฉันเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ...
                          พระพุทธศาสนาดิฉันได้ทำเสร็จแล้ว.
             ทราบว่า ท่านพระโสณาภิกษุณีได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบโสณาเถริยาปทาน.
ภัททกาปิลานีเถริยาปทานที่ ๗
ว่าด้วยบุพจริยาของพระภัททกาปิลานีเถรี

             เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ บรรทัดที่ ๕๗๑๐-๕๗๕๒ หน้าที่ ๒๔๕-๒๔๗. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=33&A=5710&Z=5752&pagebreak=0 https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=33.1&item=166&items=1&mode=bracket              อ่านโดยใช้เนื้อความเป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :- https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=33.1&item=166&items=1              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item.php?book=33.1&item=166&items=1&mode=bracket              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรโรมัน :- https://84000.org/tipitaka/read/roman_item.php?book=33.1&item=166&items=1&mode=bracket              ศึกษาอรรถกถานี้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33.1&i=166              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ https://84000.org/tipitaka/read/?index_33 https://84000.org/tipitaka/english/?index_33

อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย

บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]