ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับภาษาไทย   บาลีอักษรไทย   บาลีอักษรโรมัน 
อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก
             [๒๐] 	ในกัปต่อมาจากพระปุสสพุทธเจ้า มีพระสัมพุทธเจ้าผู้สูงสุดกว่า
                          สัตว์ ผู้มีจักษุ มีพระนามว่าวิปัสสี เสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระองค์
                          ทรงทำลายกระเปาะฟองไข่คืออวิชชาแล้ว ทรงบรรลุสัมโพธิญาณ
                          อันอุดม เสด็จไปยังพระนครพันธุมดี เพื่อทรงประกาศพระธรรม-
                          จักร ทรงประกาศพระธรรมจักรให้เทวดาและมนุษย์ได้ตรัสรู้ ธรรมาภิ
                          สมัยครั้งที่ ๑ จะพึงกล่าวด้วยการนับมิได้ ทรงประกาศจตุราริยสัจ
                          ในพระนครนั้น ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๒ ได้มีแก่สัตว์แปดหมื่นสี่พัน
                          มนุษย์แปดหมื่นสี่พันออกบวชตาม พระสัมพุทธเจ้าพระองค์ทรงแสดง
                          ธรรมแก่เขาผู้มาถึงอาราม พระชินเจ้าทรงตั้งอยู่ในเหตุโดยการตรัส
                          ด้วยอาการทั้งปวง แม้มนุษย์เหล่านั้นได้บรรลุธรรมอันประเสริฐ
                          เป็นธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๓ พระวิปัสสีบรมศาสดา ทรงมีการประชุม
                          พระภิกษุขีณาสพผู้ปราศจากมลทิน ผู้มีจิตสงบระงับ ผู้คงที่ ๓ ครั้ง
                          ครั้งที่ ๑ พระภิกษุขีณาสพมาประชุมกันหนึ่งแสนหกหมื่นแปดพัน ครั้งที่ ๒
                          หนึ่งแสน ครั้งที่ ๓ แปดหมื่น พระสัมพุทธเจ้าทรงรุ่งเรืองอย่างยิ่ง
                          ในท่ามกลางหมู่พระภิกษุขีณาสพนั้น สมัยนั้น เราเป็นพระยานาคราช
                          ผู้มีฤทธิ์มาก มีบุญ ทรงความรุ่งเรือง มีนามชื่อว่าอตุละ ในกาลนั้น
                          เราแวดล้อมด้วยนาคหลายโกฏิเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าผู้เป็นเชษฐบุรุษ
                          ของโลก ประโคมดนตรีทิพย์ถวาย ครั้นเข้าเฝ้าพระองค์ผู้เป็นนายก
                          ของโลกแล้ว เรานิมนต์พระองค์แล้ว ได้ถวายตั่งทองอันวิจิตรด้วย
                          แก้วมณีและแก้วมุกดา ประดับด้วยอาภรณ์ทั้งปวง แก่พระองค์ผู้
                          เป็นพระธรรมราชา แม้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ประทับนั่งท่าม
                          กลางสงฆ์แล้ว ก็ทรงพยากรณ์เราว่า ในกัปที่ ๙๑ แต่กัปนี้ ผู้นี้จัก
                          ได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก ........ ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉะนั้น เราได้ฟัง
                          พระพุทธพยากรณ์แม้นั้นแล้วยังจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง ได้อธิษฐาน
                          วัตรในการบำเพ็ญบารมี ๑๐ ประการให้ยิ่งขึ้นไป พระนครชื่อว่า
                          พันธุมดี พระบรมกษัตริย์พระนามว่าพันธุมะ เป็นพระชนกของ
                          พระวิปัสสีบรมศาสดา พระนางพันธุมดี เป็นพระชนนี พระองค์ทรง
                          ครอบครองอาคารสถานอยู่แปดพันปี ทรงมีปราสาทอันประเสริฐ ๓
                          ปราสาท ชื่อนันทะ สุนันทะ และสิริมา ทรงมีพระสนมนารีกำนัล
                          ในสี่หมื่นสามพันนาง ล้วนประดับประดาสวยงาม พระมเหสี
                          พระนามว่าสุทัสนา พระราชโอรสพระนามว่าสมวัตตขันธ์ พระองค์
                          ทรงเห็นนิมิต ๔ ประการ จึงเสด็จออกผนวชด้วยราชรถพระที่นั่ง
                          ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ ๘ เดือนเต็ม พระวิปัสสีมหาวีรเจ้าผู้เป็นนายก
                          ของโลก อุดมกว่านรชน อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศ
                          พระธรรมจักร ณ มฤคทายวัน ทรงมีพระขันธเถระและพระติสสนาม
                          เถระ เป็นพระอัครสาวก พระเถระชื่อว่าอโสก เป็นพระพุทธอุปัฏฐาก
                          พระจันทาเถรีและพระจันทมิตตาเถรี เป็นพระอัครสาวิกา ไม้โพธิ
                          พฤกษ์ของพระองค์เรียกกันว่าไม้แคฝอย ปุนัพพสุมิตตอุบาสกและ
                          นาคอุบาสก เป็นอัครอุปัฏฐาก สิริมาอุบาสิกาและอุตตราอุบาสิกา
                          เป็นอัครอุปัฏฐายิกา พระวิปัสสีสัมพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลกสูง
                          ๘๐ ศอก พระองค์มีพระรัศมีเปล่งปลั่ง แผ่ไป ๗ โยชน์ โดยรอบ
                          ครั้งนั้น พระพุทธเจ้ามีพระชนมายุแปดหมื่นปี พระองค์ทรงดำรงอยู่
                          เท่านั้น ทรงช่วยหมู่ชนให้ข้ามพ้นวัฏฏสงสารเป็นอันมาก ทรงเปลื้อง
                          เทวดาและมนุษย์เป็นอันมากให้พ้นจากเครื่องผูก ตรัสบอกทางและ
                          มิใช่ทางแก่ปุถุชนที่เหลือ ทรงแสดงแสงสว่าง ทรงแสดงอมตบท
                          ทรงรุ่งเรืองดังกองไฟ แล้วเสด็จนิพพานพร้อมด้วยพระสาวก พระฤทธิ์
                          และบุญอันประเสริฐ พระลักษณะและลายจันทรอันสวยงามทุกอย่าง
                          หายไปสิ้น สังขารทั้งปวงว่างเปล่าหนอ พระวิปัสสิวีรเจ้าผู้ประเสริฐ
                          กว่านรชน เสด็จนิพพาน ณ สุมิตตาราม พระสถูปอันประเสริฐของ
                          พระองค์สูง ๗ โยชน์ ประดิษฐานอยู่ ณ สุมิตตารามนั้น ฉะนี้แล.
จบวิปัสสีพุทธวงศ์ที่ ๑๙
สิขีพุทธวงศ์ที่ ๒๐
ว่าด้วยพระประวัติพระสิขีพุทธเจ้า

             เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ บรรทัดที่ ๘๑๙๒-๘๒๔๔ หน้าที่ ๓๕๐-๓๕๒. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=33&A=8192&Z=8244&pagebreak=0 https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=33.2&item=20&items=1&mode=bracket              อ่านโดยใช้เนื้อความเป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :- https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=33.2&item=20&items=1              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item.php?book=33.2&item=20&items=1&mode=bracket              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรโรมัน :- https://84000.org/tipitaka/read/roman_item.php?book=33.2&item=20&items=1&mode=bracket              ศึกษาอรรถกถานี้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33.2&i=20              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ https://84000.org/tipitaka/read/?index_33 https://84000.org/tipitaka/english/?index_33

อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย

บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]