ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับภาษาไทย   บาลีอักษรไทย   บาลีอักษรโรมัน 
อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๗ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๔ กถาวัตถุปกรณ์
             [๑๐๓๕] สกวาที ผู้เข้าสมาบัติมีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์ มีความรู้วิปริตหรือ?
             ปรวาที ถูกแล้ว
             ส. มีความเห็นผิดในสภาวะที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง หรือ?
             ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
             ส. มีความเห็นผิดในสภาวะที่เป็นทุกข์ว่าเป็นสุขหรือ ฯลฯ มีความเห็นผิด
ในสภาวะที่เป็นอนัตตาว่าเป็นอัตตาหรือ ฯลฯ มีความเห็นผิดในสภาวะที่
ไม่งามว่างาม หรือ?
             ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
             [๑๐๓๖] ส. ผู้เข้าสมาบัติมีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์ มีความรู้วิปริต หรือ?
             ป. ถูกแล้ว
             ส. เป็นอกุศล หรือ?
             ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
             ส. เป็นกุศลไม่ใช่ หรือ?
             ป. ถูกแล้ว
             ส. หากว่าเป็นกุศล ก็ต้องไม่กล่าวว่า ผู้เข้าสมาบัติมีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์
ความรู้วิปริต
             [๑๐๓๗] ส. สภาวะที่ไม่เที่ยงเห็นว่าเที่ยง เป็นความเห็นผิดและนั้นเป็นอกุศล หรือ?
             ป. ถูกแล้ว
             ส. ผู้เข้าสมาบัติมีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์ มีความรู้วิปริต และนั้นเป็นอกุศล
หรือ?
             ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
             ส. สภาวะที่เป็นทุกข์เห็นว่าเป็นสุข ฯลฯ สภาวะที่เป็นอนัตตา เห็นว่าเป็น
อัตตา ฯลฯ สภาวะที่ไม่งามเห็นว่างาม เป็นความเห็นผิด และนั้นเป็น
อกุศล หรือ?
             ป. ถูกแล้ว
             ส. ผู้เข้าสมาบัติมีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์ มีความรู้วิปริต และนั้นเป็นอกุศล
หรือ?
             ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
             [๑๐๓๘] ส. ผู้เข้าสมาบัติมีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์ มีความรู้วิปริต และนั้นเป็นกุศล
หรือ?
             ป. ถูกแล้ว
             ส. สภาวะที่ไม่เที่ยงเห็นว่าเที่ยง และนั้นเป็นกุศล หรือ?
             ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
             ส. ผู้เข้าสมาบัติมีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์ มีความรู้วิปริต และนั้นเป็นกุศล
หรือ?
             ป. ถูกแล้ว
             ส. สภาวะที่เป็นทุกข์เห็นว่าเป็นสุข ฯลฯ สภาวะที่เป็นอนัตตา เห็นว่าเป็น
อัตตา ฯลฯ สภาวะที่ไม่งามเห็นว่างาม เป็นความเห็นผิด และนั้นเป็น
กุศล หรือ?
             ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
             [๑๐๓๙] ส. ผู้เข้าสมาบัติมีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์ มีความรู้วิปริต หรือ
             ป. ถูกแล้ว
             ส. พระอรหันต์พึงเข้าสมาบัติมีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์ หรือ?
             ป. ถูกแล้ว
             ส. หากว่า พระอรหันต์พึงเข้าสมาบัติมีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์ ก็ต้องไม่
กล่าวว่า ผู้ที่เข้าสมาบัติมีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์ มีความรู้วิปริต
             [๑๐๔๐] ส. ผู้เข้าสมาบัติมีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์ มีความรู้วิปริต พระอรหันต์พึงเข้า
สมาบัติมีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์ หรือ?
             ป. ถูกแล้ว
             ส. พระอรหันต์ยังมีความเห็นผิดอยู่ หรือ?
             ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
             [๑๐๔๑] ส. พระอรหันต์ ยังมีความเห็นผิดอยู่ หรือ?
             ป. ถูกแล้ว
             ส. พระอรหันต์ ยังมีความสำคัญผิด มีความคิดผิด มีความเห็นผิดอยู่ หรือ?
             ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
             [๑๐๔๒] ส. พระอรหันต์ไม่มีความสำคัญผิด ความคิดผิด ความเห็นผิดหรือ?
             ป. ถูกแล้ว
             ส. หากว่า พระอรหันต์ ไม่มีความสำคัญผิด ความคิดผิด ความเห็นผิด
ก็ต้องไม่กล่าวว่า พระอรหันต์ยังมีความเห็นผิดอยู่
             [๑๐๔๓] ป. ไม่พึงกล่าวว่า ผู้เข้าสมาบัติมีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์ มีความรู้วิปริต หรือ?
             ส. ถูกแล้ว
             ป. ปฐวีกสิณปรากฏแก่ท่านผู้เข้าสมาบัติมีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์อยู่ เป็นดิน
ล้วนเทียว หรือ?
             ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
             ป. ถ้าอย่างนั้น ผู้เข้าสมาบัติมีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์ ก็มีความรู้วิปริตน่ะสิ
             [๑๐๔๔] ส. ผู้เข้าสมาบัติมีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์ มีความรู้วิปริต หรือ?
             ป. ถูกแล้ว
             ส. ดินมีอยู่ และบางคนที่เข้าปฐวีกสิณจากดินก็มีอยู่ มิใช่หรือ?
             ป. ถูกแล้ว
             ส. หากว่า ดินมีอยู่ และบางคนที่ถ้าปฐวีกสิณจากดินก็มีอยู่ ก็ต้องไม่กล่าวว่า
ผู้เข้าสมาบัติมีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์ มีความรู้วิปริต
             [๑๐๔๕] ส. ดินมีอยู่ แต่ความรู้ของผู้เข้าปฐวีกสิณจากดิน เป็นความรู้วิปริต หรือ?
             ป. ถูกแล้ว
             ส. นิพพานมีอยู่ แต่ความรู้ของผู้เข้าสมาบัติมีนิพพานเป็นอารมณ์จากนิพพาน
ก็เป็นความรู้วิปริต หรือ?
             ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
             ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า ผู้เข้าสมาบัติมีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์มีความ
รู้วิปริต
วิปรีตกถา จบ
-----------------------------------------------------
นิยามกถา

             เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๗ บรรทัดที่ ๙๙๘๘-๑๐๐๖๘ หน้าที่ ๔๑๔-๔๑๘. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=37&A=9988&Z=10068&pagebreak=0 https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=37&item=1035&items=11&mode=bracket              อ่านโดยใช้เนื้อความเป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :- https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=37&item=1035&items=11              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item.php?book=37&item=1035&items=11&mode=bracket              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรโรมัน :- https://84000.org/tipitaka/read/roman_item.php?book=37&item=1035&items=11&mode=bracket              ศึกษาอรรถกถานี้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=37&i=1035              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๗ https://84000.org/tipitaka/read/?index_37 https://84000.org/tipitaka/english/?index_37

อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย

บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]