ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับภาษาไทย   บาลีอักษรไทย   บาลีอักษรโรมัน 
แสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๙ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๖ ยมกปกรณ์ ภาค ๒
พระอภิธรรมปิฎก
เล่ม ๖
ยมกปกรณ์ ภาค ๒
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จิตตยมกที่ ๘
อุทเทสวาร
อุทเทสแห่งปุคคลวาร
[๑] จิตของบุคคลใดเกิดขึ้นยังไม่ดับ จิตของบุคคลนั้น จักดับจักไม่ เกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใด จักดับ จักไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น ยังไม่ดับ จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น ดับ จิตของบุคคลนั้นจักไม่ดับ จักเกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่ดับ จักเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นไม่ เกิดขึ้น ดับ [๒] จิตของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น [๓] จิตของบุคคลใดดับ จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นดับ จิตของบุคคลใดไม่ดับ จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่ดับ [๔] จิตของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นเคยเกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นจักเกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดจักเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นจักไม่เกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักเกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดจักเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักไม่เกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว [๕] จิตของบุคคลใดดับ จิตของบุคคลนั้นเคยดับแล้วหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดเคยดับแล้ว จิตของบุคคลนั้นดับ จิตของบุคคลใดไม่ดับ จิตของบุคคลนั้นไม่เคยดับแล้วหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เคยดับแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่ดับ จิตของบุคคลใดดับ จิตของบุคคลนั้นจักดับหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นดับ จิตของบุคคลใดไม่ดับ จิตของบุคคลนั้นจักไม่ดับหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่ดับ จิตของบุคคลนั้นไม่ดับ จิตของบุคคลใดเคยดับแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักดับหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นเคยดับแล้ว จิตของบุคคลใดไม่เคยดับแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักไม่ดับหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่ดับ จิตของบุคคลนั้นไม่เคยดับไปแล้ว [๖] จิตของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นเคยดับแล้วหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดเคยดับแล้ว จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นไม่เคยดับไปแล้วหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เคยดับแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นจักดับหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นจักไม่ดับไปหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่ดับไป จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักดับหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักไม่ดับไปหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่ดับ จิตของบุคคลนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว [๗] จิตของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นไม่ดับหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่ดับ จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นดับหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดดับ จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น [๘] จิตของบุคคลใดกำลังเกิดขึ้นอยู่ จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นกำลังเกิดขึ้นอยู่ จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นอยู่ จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้นอยู่ [๙] จิตของบุคคลใดกำลังดับอยู่ จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นกำลังดับอยู่ จิตของบุคคลใดไม่ดับอยู่ จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่ดับอยู่ [๑๐] จิตของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นเคยเกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักเกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดจักเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น- *แล้ว จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักไม่เกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้นแล้ว [๑๑] จิตของบุคคลใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้นแล้วก็- *หาไม่ จิตของบุคคลนั้นจักเกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดจักเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตของบุคคลนั้นเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วก็- *หาไม่ จิตของบุคคลนั้นจักไม่เกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้นแล้ว ก็หาไม่ จิตของบุคคลนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว [๑๒] จิตเกิดขึ้นแล้ว กำลังเกิดขึ้นอยู่หรือ จิตกำลังเกิดขึ้นอยู่ เกิดขึ้น แล้วหรือ จิตไม่เกิดขึ้นแล้ว ไม่เกิดขึ้นอยู่หรือ จิตไม่เกิดขึ้นอยู่ ไม่เกิดขึ้น- *แล้วหรือ [๑๓] จิตที่ดับแล้ว กำลังดับอยู่หรือ จิตกำลังดับอยู่ ดับแล้วหรือ จิตไม่ดับแล้ว กำลังไม่ดับอยู่หรือ จิตไม่ดับอยู่ ไม่ดับแล้วหรือ [๑๔] จิตของบุคคลใดเมื่อเกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาลอัน ก้าวล่วงแล้ว จิตของบุคคลนั้น เมื่อดับไป ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาล อันก้าวล่วงแล้วหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดเมื่อดับไป ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาล อันก้าวล่วงแล้ว จิตของบุคคลนั้นเมื่อเกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาล อันก้าวล่วงแล้ว จิตของบุคคลใดเมื่อไม่เกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาลอัน ก้าวล่วงแล้ว จิตของบุคคลนั้นเมื่อไม่ดับไป ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาลอัน ก้าวล่วงแล้วหรือ หรือว่า จิตของบุคคลใดเมื่อไม่ดับไป ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาล อันก้าวล่วงแล้ว จิตของบุคคลนั้นเมื่อไม่เกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมี- *กาลอันก้าวล่วงแล้ว
อุทเทสแห่งปุคคลวาร จบ
อุทเทสแห่งธรรมวาร
[๑๕] จิตใดเกิดขึ้น ยังไม่ดับ จิตนั้นจักดับ จักไม่เกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตใดจักดับ จักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นเกิดขึ้น ไม่ดับ จิตใดไม่เกิดขึ้น ดับ จิตนั้นจักไม่ดับ จักเกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตใดจักไม่ดับ จักเกิดขึ้น จิตนั้น ไม่เกิดขึ้น ดับ [๑๖] จิตใดเกิดขึ้น จิตนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้น เกิดขึ้น จิตใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นไม่เกิดขึ้น [๑๗] จิตใดดับ จิตนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นดับ จิตใดไม่ดับ จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นไม่ดับ [๑๘] จิตใดเกิดขึ้น จิตนั้นเคยเกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นเกิดขึ้น จิตใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นไม่เกิดขึ้น จิตใดเกิดขึ้น จิตนั้นจักเกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตใดจักเกิดขึ้น จิตนั้นเกิดขึ้น จิตใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นจักไม่เกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตใดจักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นไม่เกิดขึ้น จิตใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นจักเกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตใดจักเกิดขึ้น จิตนั้นเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นจักไม่เกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตใดจักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว [๑๙] จิตใดดับ จิตนั้นเคยดับแล้วหรือ หรือว่า จิตใดเคยดับแล้ว จิตนั้นดับ จิตใดไม่ดับ จิตนั้นไม่เคยดับแล้วหรือ หรือว่า จิตใดไม่เคยดับแล้ว จิตนั้นไม่ดับ จิตใดดับ จิตนั้นจักดับหรือ หรือว่า จิตใดจักดับ จิตนั้นดับ จิตใดไม่ดับ จิตนั้นจักไม่ดับหรือ หรือว่า จิตใดจักไม่ดับ จิตนั้นไม่ดับ จิตใดเคยดับแล้ว จิตนั้นจักดับหรือ หรือว่า จิตใดจักดับ จิตนั้นเคยดับแล้ว จิตใดไม่เคยดับแล้ว จิตนั้นจักไม่ดับหรือ หรือว่า จิตใดจักไม่ดับ จิตนั้นไม่เคยดับแล้ว [๒๐] จิตใดเกิดขึ้น จิตนั้นเคยดับแล้วหรือ หรือว่า จิตใดเคยดับแล้ว จิตนั้นเกิดขึ้น จิตใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นไม่เคยดับแล้วหรือ หรือว่า จิตใดไม่เคยดับแล้ว จิตนั้นไม่เกิดขึ้น จิตใดเกิดขึ้น จิตนั้นจักดับหรือ หรือว่า จิตใดจักดับ จิตนั้นเกิดขึ้น จิตใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นจักไม่ดับหรือ หรือว่า จิตใดจักไม่ดับ จิตนั้นไม่เกิดขึ้น จิตใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นจักดับหรือ หรือว่า จิตใดจักดับ จิตนั้นเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นจักไม่ดับหรือ หรือว่า จิตใดจักไม่ดับ จิตนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว [๒๑] จิตใดเกิดขึ้น จิตนั้นยังไม่ดับหรือ หรือว่า จิตใดไม่ดับ จิตนั้นเกิดขึ้น จิตใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นดับหรือ หรือว่า จิตใดดับ จิตนั้นไม่เกิดขึ้น [๒๒] จิตใดกำลังเกิดขึ้นอยู่ จิตนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นเกิดขึ้นอยู่ จิตใดไม่เกิดขึ้นอยู่ จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นไม่เกิดขึ้นอยู่ [๒๓] จิตใดกำลังดับอยู่ จิตนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นดับอยู่ จิตใดไม่ดับอยู่ จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นไม่ดับอยู่ [๒๔] จิตใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นเคยเกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นเกิดขึ้นแล้ว จิตใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นจักเกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตใดจักเกิดขึ้น จิตนั้นเกิดขึ้นแล้ว จิตใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นจักไม่เกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตใดจักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้ว [๒๕] จิตใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นเกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตนั้นจักเกิด- *ขึ้นหรือ หรือว่า จิตใดจักเกิดขึ้น จิตนั้นเกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตนั้นเคย เกิดขึ้นแล้ว จิตใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตนั้นจักไม่ เกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตใดจักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตนั้นไม่เคย เกิดขึ้นแล้ว [๒๖] จิตที่เกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นอยู่หรือ จิตที่เกิดขึ้นอยู่ เกิดขึ้น- *แล้วหรือ จิตที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่เกิดขึ้นอยู่หรือ จิตที่ไม่เกิดขึ้นอยู่ ไม่เกิดขึ้น- *แล้วหรือ [๒๗] จิตที่ดับแล้ว กำลังดับอยู่หรือ จิตที่ดับอยู่ ดับแล้วหรือ จิตที่ไม่ดับแล้ว ไม่ดับอยู่หรือ จิตที่ไม่ดับอยู่ ไม่ดับแล้วหรือ [๒๘] จิตใดเมื่อเกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาลก้าวล่วงแล้ว จิตนั้นเมื่อดับ ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาลอันก้าวล่วงแล้วหรือ หรือว่า จิตใดเมื่อดับ ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาลก้าวล่วงแล้ว จิตนั้นเมื่อเกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาลอันก้าวล่วงแล้วหรือ จิตใดเมื่อไม่เกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาลอันก้าวล่วงแล้ว จิตนั้นเมื่อดับ ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาลอันก้าวล่วงแล้วหรือ หรือว่า จิตใดเมื่อยังไม่ดับ ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาลอันก้าวล่วง- *แล้ว จิตนั้นเมื่อยังไม่เกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาลอันก้าวล่วง- *แล้วหรือ
อุทเทสแห่งธรรมวาร จบ
อุทเทสแห่งปุคคลธรรมวาร
[๒๙] จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้น ยังไม่ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นจักดับ จักไม่เกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใด จักดับ จักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้น เกิดขึ้นไม่ดับ จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้น จักไม่ดับ จักเกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักไม่ดับ จักเกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่เกิดขึ้น ดับ [๓๐] จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นเกิดขึ้น จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่- *เกิดขึ้น [๓๑] จิตใดของบุคคลใดดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นดับ จิตใดของบุคคลใดไม่ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่ดับ [๓๒] จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นเคยเกิดขึ้น- แล้วหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นเกิดขึ้น จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่เกิดขึ้น จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นจักเกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักเกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นเกิดขึ้น จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นจักไม่เกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น จิตใดของบุคคลใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นจักเกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักเกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นเคยเกิดขึ้น- *แล้ว จิตใดของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นจักไม่เกิดขึ้น- *หรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เคย- *เกิดขึ้นแล้ว [๓๓] จิตใดของบุคคลใดดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นเคยดับแล้วหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดเคยดับแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นดับ จิตใดของบุคคลใดไม่ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เคยดับแล้วหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดไม่เคยดับแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่ดับ จิตใดของบุคคลใดดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นจักดับหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นดับ จิตใดของบุคคลใดไม่ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นจักไม่ดับหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักไม่ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่ดับ จิตใดของบุคคลใดเคยดับแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นจักดับหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นเคยดับแล้ว จิตใดของบุคคลใดไม่เคยดับแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นจักไม่ดับหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักไม่ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เคยดับแล้ว [๓๔] จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นเคยดับแล้วหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดเคยดับแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นเกิดขึ้น จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เคยดับแล้วหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดไม่เคยดับแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่- *เกิดขึ้น จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นจักดับหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นเกิดขึ้น จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นจักไม่ดับหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักไม่ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น จิตใดของบุคคลใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นจักดับหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตใดของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นจักไม่ดับหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักไม่ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เคย เกิดขึ้นแล้ว [๓๕] จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่ดับหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดไม่ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นเกิดขึ้น จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นเกิดขึ้น หรือว่า จิตใดของบุคคลใดดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น [๓๖] จิตใดของบุคคลใดกำลังเกิดขึ้นอยู่ จิตนั้นของบุคคลนั้นเกิดขึ้น- *แล้วหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นเกิดขึ้นอยู่ จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นอยู่ จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่- *เกิดขึ้นอยู่ [๓๗] จิตใดของบุคคลใดกำลังดับอยู่ จิตนั้นของบุคคลนั้นเกิดขึ้น- *แล้วหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นดับอยู่ จิตใดของบุคคลใดไม่ดับอยู่ จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่ดับอยู่ [๓๘] จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นเคยเกิดขึ้น- *แล้วหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้น เกิดขึ้นแล้ว จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นจักเกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักเกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นเกิดขึ้นแล้ว จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เคยเกิดขึ้น- *แล้วหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นจักไม่เกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่ เกิดขึ้นแล้ว [๓๙] จิตใดของบุคคลใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นเกิดขึ้น แล้วก็หาไม่ จิตนั้นของบุคคลนั้นจักเกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักเกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นเกิดขึ้นแล้ว ก็หาไม่ จิตนั้นของบุคคลนั้นเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตใดของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้นแล้ว ก็หาไม่ จิตนั้นของบุคคลนั้นจักไม่เกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น แล้วก็หาไม่ จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว [๔๐] จิตที่เกิดขึ้นแล้ว กำลังเกิดขึ้นอยู่หรือ จิตที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ เกิดขึ้นแล้วหรือ? จิตที่ไม่เกิดขึ้นแล้ว ไม่เกิดขึ้นอยู่หรือ จิตที่ไม่เกิดขึ้นอยู่ ไม่เกิดขึ้น- *แล้วหรือ [๔๑] จิตที่ดับแล้ว กำลังดับอยู่หรือ จิตที่กำลังดับอยู่ ดับไปแล้วหรือ จิตที่ไม่ดับแล้ว ไม่ดับอยู่หรือ จิตที่ไม่ดับอยู่ ไม่ดับแล้วหรือ [๔๒] จิตใดของบุคคลใดเมื่อกำลังเกิดขึ้นอยู่ ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาลอันก้าวล่วงแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้น เมื่อดับ ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาลอันก้าวล่วงแล้วหรือ หรือว่า จิตใดของบุคคลใด เมื่อดับ ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาล- *อันก้าวล่วงแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้น เมื่อเกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาล- *อันก้าวล่วงแล้ว จิตใดของบุคคลใด เมื่อยังไม่เกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมี- *กาลอันก้าวล่วงแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้น เมื่อยังไม่ดับ ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาลอันก้าวล่วงแล้วหรือๆ หรือว่า จิตใดของบุคคลใด เมื่อยังไม่ดับ ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิต- *มีกาลอันก้าวล่วงแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้น จิตนั้นยังไม่เกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่ง ขณะๆ เป็นจิตมีกาลอันก้าวล่วงแล้ว
อุทเทสแห่งปุคคลธรรมวาร จบ
อุทเทสแห่งมิสสกวาร
[๔๓] จิตมีราคะของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตปราศจากราคะของบุคคลใด- *เกิดขึ้น จิตมีโทสะของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตปราศจากโทสะของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตมีโมหะของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตปราศจากโมหะของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตหดหู่ ของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตฟุ้งซ่านของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตเป็นมหัคคตะของบุคคลใด เกิดขึ้น จิตไม่เป็นมหัคคตะของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตมีธรรมอื่นยิ่งกว่าของบุคคลใด เกิดขึ้น จิตไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตเป็นสมาธิของบุคคลใด เกิดขึ้น จิตไม่เป็นสมาธิของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตหลุดพ้นแล้วของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตไม่หลุดพ้นแล้วของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตเป็นกุศลของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตเป็น อกุศลของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตเป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตสัมปยุต ด้วยสุขเวทนาของบุคคลใดเกิดขึ้น (พึงยกบาลีอุเทสโดยวิธีนี้ ตลอดจนถึงจิตที่มี กิเลสและไม่มีกิเลส) จิตที่ไม่มีกิเลสของบุคคลเกิดขึ้น ยังไม่ดับ จิตที่ไม่มีกิเลส ของบุคคลนั้น จักดับ จักไม่เกิดขึ้นหรือ หรือว่า จิตที่ไม่มีกิเลสของบุคคลใด จักดับ จักไม่เกิดขึ้น จิตที่ไม่มี กิเลสของบุคคลนั้น เกิดขึ้น ไม่ดับ
อุทเทสแห่งมิสสกวาร จบ
อุทเทสวาร จบ
นิทเทสวาร
นิทเทสแห่งปุคคลวาร
[๔๔] จิตของบุคคลใดเกิดขึ้น ยังไม่ดับ จิตของบุคคลนั้น จักดับ จักไม่เกิดขึ้นหรือ ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้น ยังไม่ดับ จักดับจักไม่เกิดขึ้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลนอกนี้ จิตของบุคคล เหล่านั้นเกิดขึ้น ยังไม่ดับ จักดับด้วยนั่นเทียว จักเกิดขึ้นด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดจักดับ จักไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น ไม่ดับไป ถูกแล้ว จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น ดับ จิตของบุคคลนั้น จักไม่ดับ จักเกิดขึ้นหรือ หามิได้ หรือว่า จิตของบุคคลใด จักไม่ดับ จักเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้น ไม่เกิดขึ้น ดับ ไม่มี [๔๕] จิตของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคล เหล่านั้นเกิดขึ้นก็หาไม่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้ว ด้วย นั่นเทียว เกิดขึ้นด้วย จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น ไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคล เหล่านั้นไม่เกิดขึ้นก็หาไม่ จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น ถูกแล้ว [๔๖] จิตของบุคคลใดดับ จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นดับ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้ว จิตของ บุคคลเหล่านั้น ดับ ก็หาไม่ ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้น แล้วด้วยนั่นเทียว ดับด้วย จิตของบุคคลใดไม่ดับ จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ? ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น ไม่ดับ จิตของบุคคล- *เหล่านั้นไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็น- *อสัญญสัตว์ ไม่ดับด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่ดับ? ถูกแล้ว [๔๗] จิตของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นเคยเกิดขึ้น แล้วหรือ ถูกแล้ว จิตของบุคคลใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ เคยเกิดแล้ว แต่จิตของบุคคลเหล่านั้น เกิดขึ้นก็หาไม่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นด้วย จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว หรือ เคยเกิดขึ้นแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้น ไม่เกิดขึ้น ไม่มี จิตของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้น จักเกิดขึ้นหรือ ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้น แต่จิตของ บุคคลเหล่านั้น จักเกิดขึ้นก็หาไม่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต ของบุคคลนอกนี้ จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว จักเกิดขึ้นด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดจักเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักเกิดขึ้น แต่จิตของบุคคลเหล่านั้น เกิดขึ้นก็หาไม่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น จักเกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นด้วย จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นจักไม่เกิดขึ้นหรือ ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ไม่เกิดขึ้น แต่จิตของบุคคลเหล่านั้น จักไม่เกิดขึ้นก็หาไม่ ในภังคขณะแห่ง ปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว จักไม่เกิดขึ้นด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นจักไม่เกิดขึ้น แต่ จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่เกิดขึ้นก็หาไม่ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคล เหล่านั้น จักไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นด้วย จิตของบุคคลใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักเกิดขึ้นหรือ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดขึ้นแล้ว แต่ จิตของบุคคลเหล่านั้น จักเกิดขึ้นก็หาไม่ จิตของบุคคลเหล่านั้นนอกนี้ เคย เกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว จักเกิดขึ้นด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดจักเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นเคยเกิดขึ้น แล้ว ถูกแล้ว จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักไม่เกิดขึ้น หรือ ไม่มี หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นไม่เคย เกิดขึ้นแล้ว เคยเกิดขึ้นแล้ว [๔๘] จิตของบุคคลใดดับ จิตของบุคคลนั้นเคยดับแล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดเคยดับแล้ว จิตของบุคคลนั้นดับ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็น อสัญญสัตว์ เคยดับแล้ว แต่จิตของบุคคลเหล่านั้นดับก็หาไม่ ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับแล้วด้วยนั่นเทียว ย่อมดับด้วย จิตของบุคคลใดไม่ดับ จิตของบุคคลนั้นไม่เคยดับแล้วหรือ เคยดับแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เคยดับแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่ดับ ไม่มี จิตของบุคคลใดดับ จิตของบุคคลนั้นจักดับหรือ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นดับ แต่จิตของบุคคล เหล่านั้นจักดับก็หาไม่ ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลนอกนี้ จิตของบุคคลเหล่า นั้น ดับด้วยนั่นเทียว จักดับด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นดับ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็น อสัญญสัตว์ จักดับ แต่จิตของบุคคลเหล่านั้นดับก็หาไม่ ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นจักดับด้วยนั่นเทียว ดับด้วย จิตของบุคคลใดไม่ดับ จิตของบุคคลนั้นจักไม่ดับหรือ จักดับ หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่ดับ จิตของบุคคลนั้นไม่ดับ ดับ จิตของบุคคลใดเคยดับแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักดับหรือ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับแล้ว แต่จิต ของบุคคลเหล่านั้นจักดับก็หาไม่ จิตของบุคคลเหล่านั้นนอกนี้ เคยดับแล้วด้วย นั่นเทียว จักดับด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นเคยดับแล้ว ถูกแล้ว จิตของบุคคลใดไม่เคยดับแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักไม่ดับหรือ ไม่มี หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่ดับ จิตของบุคคลนั้นไม่เคยดับแล้ว เคยดับแล้ว [๔๙] จิตของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นเคยดับแล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดเคยดับแล้ว จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ เคยดับแล้ว แต่จิตของบุคคลเหล่านั้น เกิดขึ้นก็หาไม่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับแล้วด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นด้วย จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นไม่เคยดับแล้วหรือ เคยดับแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เคยดับแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น ไม่มี จิตของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นจักดับหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักดับ แต่จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้นก็หาไม่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของ บุคคลเหล่านั้นจักดับด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นด้วย จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นจักไม่ดับหรือ ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ไม่เกิดขึ้น แต่จิตของบุคคลเหล่านั้น จักไม่ดับก็หาไม่ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว จักไม่ดับด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่ดับ จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น ถูกแล้ว จิตของบุคคลใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักดับหรือ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดขึ้นแล้ว แต่ จิตของบุคคลเหล่านั้น จักดับก็หาไม่ จิตของบุคคลเหล่านั้นนอกนี้ เคยเกิดขึ้น แล้วด้วยนั่นเทียว จักดับด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นเคยเกิดขึ้นแล้ว ถูกแล้ว จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักไม่ดับ ไปหรือ ไม่มี หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่ดับ จิตของบุคคลนั้นไม่เคยเกิดขึ้น แล้ว เคยเกิดขึ้นแล้ว [๕๐] จิตของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นไม่ดับหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่ดับ จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ไม่ดับ แต่จิตของบุคคลเหล่านั้น เกิดขึ้นก็หาไม่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคล เหล่านั้นไม่ดับด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นด้วย จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นดับหรือ จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ไม่เกิดขึ้น แต่จิตของบุคคลเหล่านั้นดับก็หาไม่ ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น ไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ดับด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดดับ จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น ถูกแล้ว [๕๑] จิตของบุคคลใดกำลังเกิดขึ้นอยู่ จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น แล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นกำลัง เกิดขึ้นอยู่ ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตของบุคคล เหล่านั้นกำลังเกิดขึ้นอยู่ก็หาไม่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น เกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว กำลังเกิดขึ้นอยู่ด้วย จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นอยู่ จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่เกิดขึ้นอยู่ แต่จิตของ บุคคลเหล่านั้น ไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ไม่เกิดขึ้นอยู่ด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้น ไม่เกิดขึ้นอยู่ ถูกแล้ว [๕๒] จิตของบุคคลใดดับอยู่ จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นดับอยู่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตของ บุคคลเหล่านั้นดับอยู่ก็หาไม่ ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น เกิดขึ้น แล้วด้วยนั่นเทียว ดับอยู่ด้วย จิตของบุคคลใดไม่ดับอยู่ จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่ดับอยู่ แต่จิตของบุคคล เหล่านั้นไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ไม่ดับอยู่ด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่ดับอยู่ ถูกแล้ว [๕๓] จิตของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นเคยเกิดขึ้น แล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น แล้ว จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ เคยเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้มีความ พร้อมเพรียงด้วยจิต เคยเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นแล้วด้วย จิตของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักเกิดขึ้นหรือ จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต เกิดขึ้นแล้ว แต่จิตของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดขึ้นก็หาไม่ จิตของบุคคลเหล่านั้นนอกนี้ ผู้มีความ พร้อมเพรียงด้วยจิต เกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว จักเกิดขึ้นด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดจักเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักเกิดขึ้น แต่จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้มีความ พร้อมเพรียงด้วยจิต จักเกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นแล้วด้วย จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่เคยเกิดขึ้น แล้วหรือ เคยเกิดขึ้นแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่ เกิดขึ้นแล้ว ไม่มี จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักไม่เกิดขึ้น หรือ จักเกิดขึ้น หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น แล้ว เกิดขึ้นแล้ว [๕๔] จิตของบุคคลใดเคยเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น แล้วก็หาไม่ จิตของบุคคลนั้น จักเกิดขึ้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดจักเกิดขึ้น แต่จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น แล้วก็หาไม่ จิตของบุคคลนั้นเคยเกิดขึ้นแล้ว ถูกแล้ว จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น แล้วก็หาไม่ จิตของบุคคลนั้นจักไม่เกิดขึ้นหรือ ไม่มี หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่เกิดขึ้น แต่จิตของบุคคลนั้น ไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตของบุคคลนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว เคยเกิดขึ้นแล้ว [๕๕] จิตที่เกิดขึ้นแล้ว กำลังเกิดขึ้นอยู่หรือ ในภังคขณะ เกิดขึ้นแล้ว แต่จะเกิดขึ้นอยู่ก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นอยู่ด้วย จิตเกิดขึ้นอยู่ เกิดขึ้นแล้วหรือ ถูกแล้ว จิตที่ไม่เกิดขึ้นแล้ว ไม่เกิดขึ้นอยู่หรือ ถูกแล้ว จิตที่ไม่เกิดขึ้นอยู่ ไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ ในภังคขณะ ไม่เกิดขึ้นอยู่ แต่ไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตเป็นอดีตและ อนาคต ไม่เกิดขึ้นอยู่ด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย [๕๖] จิตที่ดับแล้ว ดับอยู่หรือ หามิได้ จิตดับอยู่ ดับแล้วหรือ หามิได้ จิตไม่ดับแล้ว ไม่ดับอยู่หรือ ในภังคขณะไม่ดับแล้ว แต่จะไม่ดับอยู่ก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตที่ เป็นอนาคตเท่านั้น ไม่ดับแล้วด้วยนั่นเทียว ไม่ดับอยู่ด้วย จิตไม่ดับอยู่ ไม่ดับแล้วหรือ จิตเป็นอดีตไม่ดับอยู่ แต่ไม่ดับแล้วก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเป็น อนาคต ไม่ดับอยู่นั่นเทียว ไม่ดับแล้วด้วย [๕๗] จิตของบุคคลใด เมื่อเกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ มีกาล อันก้าวล่วงแล้ว จิตของบุคคลนั้น เมื่อดับไป ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ มีกาล อันก้าวล่วงแล้วหรือ ในภังคขณะ จิตก้าวล่วงอุปปาทขณะ จิตเป็นอดีตก้าวล่วงอุปปาทขณะ ด้วย ก้าวล่วงภังคขณะด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใด เมื่อดับไป ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิต มีกาลอันก้าวล่วงแล้ว จิตของบุคคลนั้น เมื่อเกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาลอันก้าวล่วงแล้ว จิตเป็นอดีต จิตของบุคคลใดเมื่อไม่เกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาล อันก้าวล่วงแล้ว จิตของบุคคลนั้นเมื่อไม่ดับ ก้าวล่วงขณะๆ เป็นจิตมีกาล อันก้าวล่วงแล้วหรือ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ในอุปปาทขณะ หรือว่า จิตของบุคคลใด เมื่อไม่ดับ ก้าวล่วงขณะๆ เป็นจิตมี กาลอันก้าวล่วงแล้ว จิตของบุคคลนั้น เมื่อไม่เกิดขึ้น ก้าวล่วงขณะๆ เป็นจิตมีกาลอันก้าวล่วงแล้ว ในภังคขณะ จิตไม่ก้าวล่วงภังคขณะ แต่ไม่ก้าวล่วงอุปปาทขณะก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่ก้าวล่วงภังคขณะด้วย ไม่ก้าวล่วง อุปปาทขณะด้วย
นิทเทสแห่งปุคคลวาร จบ
นิทเทสแห่งธรรมวาร
[๕๘] จิตใดเกิดขึ้น ยังไม่ดับไป จิตนั้นจักดับไป จักไม่เกิดขึ้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตใดจักดับ จักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นเกิดขึ้น ไม่ดับ ถูกแล้ว จิตใดไม่เกิดขึ้น ดับ จิตนั้นจักไม่ดับ จักเกิดขึ้นหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดจักไม่ดับ จักเกิดขึ้น จิตนั้นไม่เกิดขึ้น ดับ ไม่มี [๕๙] จิตใดเกิดขึ้น จิตนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นเกิดขึ้น ในภังคขณะ จิตเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นเกิดขึ้นก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นด้วย จิตใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ ในภังคขณะ จิตไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตเป็น อดีตและอนาคต ไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นไม่เกิดขึ้นหรือ ถูกแล้ว [๖๐] จิตใดดับ จิตนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นดับ ในอุปปาทขณะ จิตเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นดับก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว ดับด้วย จิตใดไม่ดับ จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ ในอุปปาทขณะจิตไม่ดับ แต่จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตเป็น อดีตและอนาคต ไม่ดับด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นไม่ดับ ถูกแล้ว [๖๑] จิตใดเกิดขึ้น จิตนั้นเคยเกิดขึ้นแล้วหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นเกิดขึ้น หามิได้ จิตใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้วหรือ จิตเป็นอดีตไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นไม่เกิดขึ้น ในอุปปาทขณะ จิตไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นไม่เกิดขึ้นก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นด้วย จิตใดเกิดขึ้น จิตนั้นจักเกิดขึ้นหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดจักเกิดขึ้น จิตนั้นเกิดขึ้น หามิได้ จิตใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นจักไม่เกิดขึ้นหรือ จิตเป็นอนาคตไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นจักไม่เกิดขึ้นก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเป็นอดีตเท่านั้น ไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว จักไม่เกิดขึ้นด้วย หรือว่า จิตใดจักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นไม่เกิดขึ้น ในอุปปาทขณะ จิตจักไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นไม่เกิดขึ้นก็หาไม่ ใน ภังคขณะ จิตเป็นอดีตเท่านั้น จักไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นด้วย จิตใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นจักเกิดขึ้นหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดจักเกิดขึ้น จิตนั้นเคยเกิดขึ้นแล้ว หามิได้ จิตใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นจักไม่เกิดขึ้นหรือ จิตเป็นอนาคตไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นจักไม่เกิดขึ้นก็หาไม่ จิต เป็นปัจจุบันไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว จักไม่เกิดขึ้นด้วย หรือว่า จิตใดจักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตเป็นอดีตจักไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตเป็น ปัจจุบัน จักไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วย [๖๒] จิตใดดับ จิตนั้นเคยดับแล้วหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดเคยดับแล้ว จิตนั้นไม่ดับ หามิได้ จิตใดไม่ดับ จิตนั้นไม่เคยดับแล้วหรือ จิตที่เป็นอดีตไม่ดับ แต่จิตนั้นไม่เคยดับแล้วก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่ดับด้วยนั่นเทียว ไม่เคยดับแล้วด้วย หรือว่า จิตใดไม่เคยดับแล้ว จิตนั้นไม่ดับ ในภังคขณะ จิตไม่เคยดับแล้ว แต่จิตนั้นไม่ดับก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่เคยดับแล้วด้วยนั่นเทียว ไม่ดับด้วย จิตใดดับ จิตนั้นจักดับหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดจักดับ จิตนั้นดับ หามิได้ จิตใดไม่ดับ จิตนั้นจักไม่ดับหรือ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่ดับ แต่จิตนั้นไม่ดับก็หาไม่ จิตเป็นอดีตไม่ดับด้วยนั่นเทียว จักไม่ดับด้วย หรือว่า จิตใดจักไม่ดับ จิตนั้นไม่ดับ ในภังคขณะ จิตจักไม่ดับ แต่จิตนั้นไม่ดับก็หาไม่ จิตเป็นอดีต จักไม่ดับด้วยนั่นเทียว ไม่ดับด้วย จิตใดเคยดับแล้ว จิตนั้นจักดับหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดจักดับ จิตนั้นเคยดับแล้ว หามิได้ จิตใดไม่เคยดับแล้ว จิตนั้นจักไม่ดับหรือ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่เคยดับแล้ว แต่จิตนั้น จักไม่ดับก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตไม่เคยดับแล้วด้วยนั่นเทียว จักไม่ดับด้วย หรือว่า จิตใดจักไม่ดับ จิตนั้นไม่เคยดับแล้ว จิตเป็นอดีตจักไม่ดับ แต่จิตนั้นไม่เคยดับก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตจัก ไม่ดับด้วยนั่นเทียว ไม่เคยดับแล้ว [๖๓] จิตใดเกิดขึ้น จิตนั้นเคยดับแล้วหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดเคยดับแล้ว จิตนั้นเกิดขึ้น หามิได้ จิตใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นไม่เคยดับแล้วหรือ จิตเป็นอดีตไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นไม่เคยดับแล้วก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้นไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เคยดับแล้วด้วย หรือว่า จิตใดไม่เคยดับแล้ว จิตนั้นไม่เกิดขึ้น ในอุปปาทขณะ จิตไม่เคยดับแล้ว แต่จิตนั้นไม่เกิดขึ้นก็หาไม่ ใน ภังคขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่เคยดับแล้วด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นด้วย จิตใดเกิดขึ้น จิตนั้นจักดับหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตใดจักดับ จิตนั้นเกิดขึ้น จิตเป็นอนาคตจักดับ แต่จิตนั้นเกิดขึ้นก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิต จักดับด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นด้วย จิตใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นจักไม่ดับหรือ จิตเป็นอนาคตไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นจักไม่ดับก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเป็นอดีตเท่านั้น ไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว จักไม่ดับด้วย หรือว่า จิตใดจักไม่ดับ จิตนั้นไม่เกิดขึ้น ถูกแล้ว จิตใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นจักดับหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดจักดับ จิตนั้นเคยเกิดขึ้นแล้ว หามิได้ จิตใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นจักไม่ดับหรือ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้น จักไม่ดับก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว จักไม่ดับด้วย หรือว่า จิตใดจักไม่ดับ จิตนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตเป็นอดีตจักไม่ดับ แต่จิตนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตจักไม่ดับด้วยนั่นเทียว ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วย [๖๔] จิตใดเกิดขึ้น จิตนั้นไม่ดับหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตใดไม่ดับ จิตนั้นเกิดขึ้น จิตเป็นอดีตและอนาคตเท่านั้น ไม่ดับ แต่จิตนั้นเกิดขึ้นก็หาไม่ ใน อุปปาทขณะ จิตนั้นไม่ดับด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นด้วย จิตใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นดับหรือ จิตเป็นอดีตและอนาคตไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นดับก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ดับด้วย หรือว่า จิตใดดับ จิตนั้นไม่เกิดขึ้น ถูกแล้ว [๖๕] จิตใดเกิดขึ้นอยู่ จิตนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นเกิดขึ้นอยู่ ในภังคขณะ จิตเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นเกิดขึ้นอยู่ก็หาไม่ ในอุปปาท ขณะ จิตเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นอยู่ด้วย จิตใดไม่เกิดขึ้นอยู่ จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ ในภังคขณะ จิตไม่เกิดขึ้นอยู่ แต่จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตเป็นอดีตและอนาคต ไม่เกิดขึ้นอยู่ด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นไม่เกิดขึ้นอยู่ ถูกแล้ว [๖๖] จิตใดดับอยู่ จิตนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นดับอยู่ ในอุปปาทขณะ จิตเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นดับอยู่ก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว ดับอยู่ด้วย จิตใดไม่ดับอยู่ จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ ในอุปปาทขณะ จิตไม่ดับอยู่ แต่จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตเป็น อดีตและอนาคต ไม่ดับอยู่ด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นไม่ดับอยู่ ถูกแล้ว [๖๗] จิตใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นเคยเกิดขึ้นแล้วหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นเกิดขึ้นแล้ว หามิได้ จิตใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นจักเกิดขึ้นหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดจักเกิดขึ้น จิตนั้นเกิดขึ้นแล้ว หามิได้ จิตใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นเคยเกิดขึ้นแล้วหรือ จิตเป็นอดีตไม่เกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิต เป็นอนาคต ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตเป็นปัจจุบัน ไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตเป็นอนาคต ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย จิตใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นจักไม่เกิดขึ้นหรือ จิตเป็นอนาคตไม่เกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นจักไม่เกิดขึ้นก็หาไม่ จิตเป็นอดีต ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว จักไม่เกิดขึ้นด้วย หรือว่า จิตใดจักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตเป็นปัจจุบันจักไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นจักไม่เกิดขึ้นก็หาไม่ จิตเป็นอดีต จักไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย [๖๘] จิตใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นเกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตนั้น จักเกิดขึ้นหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดจักเกิดขึ้น แต่จิตนั้นเกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตนั้น เคยเกิดขึ้นแล้ว หามิได้ จิตใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตนั้น จักไม่เกิดขึ้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตใดจักไม่เกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว ถูกแล้ว [๖๙] จิตที่เกิดขึ้นแล้ว กำลังเกิดขึ้นอยู่หรือ ในภังคขณะ จิตเกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นอยู่ก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นอยู่ด้วย จิตเกิดขึ้นอยู่ เกิดขึ้นแล้วหรือ ถูกแล้ว จิตไม่เกิดขึ้นแล้ว ไม่เกิดขึ้นอยู่หรือ ถูกแล้ว จิตไม่เกิดขึ้นอยู่ ไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ ในภังคขณะ จิตไม่เกิดขึ้นอยู่ แต่ไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตเป็นอดีต และอนาคต ไม่เกิดขึ้นอยู่ด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย [๗๐] จิตที่ดับแล้ว ดับอยู่หรือ หามิได้ จิตดับอยู่ ดับแล้วหรือ หามิได้ จิตไม่ดับแล้ว ไม่ดับอยู่หรือ ในภังคขณะ จิตไม่ดับแล้ว แต่ไม่ดับอยู่ก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่ดับแล้วด้วยนั่นเทียว ไม่ดับอยู่ด้วย จิตไม่ดับอยู่ ไม่ดับแล้วหรือ จิตเป็นอดีตไม่ดับอยู่ แต่ไม่ดับแล้วก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเป็น- *อนาคตเท่านั้น ไม่ดับอยู่ด้วยนั่นเทียว ไม่ดับแล้วด้วย [๗๑] จิตใด เมื่อเกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาล อันก้าวล่วงแล้ว จิตนั้นเมื่อดับไป ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาล อันก้าวล่วงแล้วหรือ ในภังคขณะ จิตก้าวล่วงอุปปาทขณะ ไม่ก้าวล่วงภังคขณะ จิตเป็นอดีต ก้าวล่วงอุปปาทขณะด้วย ก้าวล่วงภังคขณะด้วย หรือว่า จิตใด เมื่อดับไป ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาล อันก้าวล่วงแล้ว จิตนั้นเมื่อเกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาล อันก้าวล่วงแล้ว จิตเป็นอดีต จิตใด เมื่อไม่เกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาลอันก้าวล่วง แล้ว จิตนั้นเมื่อไม่ดับไป ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาลอันก้าวล่วง แล้วหรือ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ในอุปปาทขณะ หรือว่า จิตใดเมื่อยังไม่ดับไป ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาล อันก้าวล่วงแล้ว จิตนั้นเมื่อไม่เกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาล อันก้าวล่วงแล้ว ในภังคขณะ จิตไม่ก้าวล่วงภังคขณะ แต่ไม่ก้าวล่วงอุปปาทขณะก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่ก้าวล่วงภังคขณะด้วย ไม่ก้าวล่วง- *อุปปาทขณะด้วย
นิทเทสแห่งธรรมวาร จบ
นิทเทสแห่งปุคคลธรรมวาร
[๗๒] จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้น ยังไม่ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้น จักดับ จักไม่เกิดขึ้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักไม่ดับ จักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นของ บุคคลนั้นเกิดขึ้น ไม่ดับ ถูกแล้ว จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นจักไม่ดับ จักเกิดขึ้นหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักไม่ดับ จักเกิดขึ้น จิตนั้นของ บุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น ดับ ไม่มี [๗๓] จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นเกิดขึ้น แล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นเกิด ขึ้น ในภังคขณะ จิตเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นของบุคคลนั้นเกิดขึ้นก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นด้วย จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น แล้วหรือ ในภังคขณะ จิตไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตเป็นอดีตและอนาคต ไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่เกิดขึ้น ถูกแล้ว [๗๔] จิตใดของบุคคลใดดับ จิตนั้นของบุคคลนั้น เกิดขึ้น แล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นดับ ในอุปปาทขณะ จิตเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นของบุคคลนั้นดับก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเกิดแล้วด้วยนั่นเทียว ดับด้วย จิตใดของบุคคลใดไม่ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่เกิดขึ้น แล้วหรือ ในอุปปาทขณะ จิตไม่ดับ แต่จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่เกิดขึ้นแล้ว ก็หาไม่ จิตเป็นอดีตและอนาคต ไม่ดับด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่ดับ ถูกแล้ว [๗๕] จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นเคยเกิดขึ้น แล้วหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้น เกิดขึ้น หามิได้ จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เคยเกิดขึ้น แล้วหรือ จิตเป็นอดีตไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตใดของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคล นั้น ไม่เกิดขึ้น ในอุปปาทขณะ จิตไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่เกิดขึ้น ก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นด้วย จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นจักเกิดขึ้นหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักเกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นเกิดขึ้น หามิได้ จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นจักไม่เกิดขึ้นหรือ จิตเป็นอนาคตไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นของบุคคลนั้นจักไม่เกิดขึ้นก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเป็นอดีตเท่านั้นไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว จักไม่เกิดขึ้นด้วย หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่เกิดขึ้น ในอุปปาทขณะ จิตจักไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น ก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเป็นอดีตเท่านั้น จักไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เกิด ขึ้นด้วย จิตใดของบุคคลใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นจักเกิด ขึ้นหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักเกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นเคย เกิดขึ้นแล้ว หามิได้ จิตใดของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้น จักไม่ เกิดขึ้นหรือ จิตเป็นอนาคตไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นของบุคคลนั้นจักไม่เกิดขึ้น ก็หาไม่ จิตเป็นปัจจุบัน ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว จักไม่เกิดขึ้นด้วย หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตเป็นอดีต จักไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว ก็หาไม่ จิตเป็นปัจจุบัน จักไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วย [๗๖] จิตใดของบุคคลใดดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นเคยดับแล้ว หรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดเคยดับแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นดับ หามิได้ จิตใดของบุคคลใดไม่ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เคยดับแล้วหรือ จิตเป็นอดีตไม่ดับ แต่จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่เคยดับแล้วก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่ดับด้วยนั่นเทียว ไม่เคยดับแล้วด้วย หรือว่า จิตใดของบุคคลใด ไม่เคยดับแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่ดับ ในภังคขณะ จิตไม่เคยดับแล้ว แต่จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่ดับก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่เคยดับแล้วด้วยนั่นเทียว ไม่ดับด้วย จิตใดของบุคคลใดดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นจักดับหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นดับ หามิได้ จิตใดของบุคคลใดไม่ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นจักไม่ดับหรือ หามิได้ จิตใดของบุคคลใดไม่ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นจักไม่ดับหรือ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้นไม่ดับ แต่จิตนั้นของบุคคลนั้น จักไม่ดับก็หาไม่ จิตเป็นอดีตไม่ดับด้วยนั่นเทียว จักไม่ดับด้วย หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักไม่ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่ดับ ในภังคขณะ จิตจักไม่ดับ แต่จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่ดับก็หาไม่ จิต เป็นอดีตจักไม่ดับด้วยนั่นเทียว ไม่ดับด้วย จิตใดของบุคคลใดเคยดับแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นจักดับหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นเคยดับ แล้ว หามิได้ จิตใดของบุคคลใดไม่เคยดับแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นจักไม่ดับ หรือ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่เคยดับแล้ว แต่จิตนั้นของ บุคคลนั้น จักไม่ดับก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตไม่เคยดับแล้วด้วยนั่นเทียว จักไม่ ดับด้วย หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักไม่ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เคย ดับแล้ว จิตเป็นอดีตจักไม่ดับ แต่จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่เคยดับแล้วก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตจักไม่ดับด้วยนั่นเทียว ไม่เคยดับแล้วด้วย.
นิทเทสแห่งปุคคลธรรมวาร จบ
นิทเทสแห่งมิสสกวาร
[๗๗] ในข้อที่ว่า จิตของบุคคลใด ท่านแสดงไว้โดยภาวะแห่งตน ในข้อที่ว่า ในจิตใดแล ในจิตของบุคคลใด ท่านแสดงไว้โดยอรรถอันเดียวกัน จิตมีราคะของบุคคลใด ฯลฯ กุศลธรรม อกุศลธรรม อัพยากตธรรม สุขายเวทนายสัมปยุตธรรม ทุกขายเวทนายสัมปยุตธรรม อทุกขมสุขายเวทนาย- *สัมปยุตธรรม ฯลฯ สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อนิ- *ทัสสนายปฏิฆธรรม เหตุธรรม นเหตุธรรม ฯลฯ สรณธรรม อรณธรรม ธรรมเหล่านี้ ตลอดจนถึงสรณธรรม และอรณธรรม ย่อมถึงซึ่งความเป็นยมก ๓ คือ มูลยมก จิตตยมก ธรรมยมก.
นิทเทสแห่งมิสสกวาร จบ
จิตตยมก จบ
ธรรมยมก
ปัณณัตติวาร
อุทเทสวาร
[๗๘] กุศลคือกุศลธรรมหรือ กุศลธรรมคือกุศลหรือ อกุศลคืออกุศลธรรมหรือ อกุศลธรรมคืออกุศลหรือ อัพยากตะคืออัพยากตธรรมหรือ อัพยากตธรรมคืออัพยากตะหรือ [๗๙] ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่กุศลธรรมหรือ ไม่ใช่กุศลธรรม ไม่ใช่ อกุศลหรือ ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่อกุศลธรรมหรือ ไม่ใช่อกุศลธรรม ไม่ใช่อกุศล หรือ ไม่ใช่อัพยากตะ ไม่ใช่อัพยากตธรรมหรือ ไม่ใช่อัพยากตธรรม ไม่ใช่อัพยากตะหรือ [๘๐] กุศลคือกุศลธรรมหรือ ธรรมคืออกุศลธรรมหรือ กุศลคือกุศลธรรมหรือ ธรรมคืออัพยากตธรรมหรือ อกุศลคืออกุศลธรรมหรือ ธรรมคือกุศลธรรมหรือ อกุศลคืออกุศลธรรมหรือ ธรรมคืออัพยากตธรรมหรือ อัพยากตะคืออัพยากตธรรมหรือ ธรรมคือกุศลธรรมหรือ อัพยากตะคืออัพยากตธรรมหรือ ธรรมคืออกุศลธรรมหรือ [๘๑] ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่กุศลธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อกุศลธรรม หรือ ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่กุศลธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อัพยากตธรรม หรือ ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่อกุศลธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่กุศลธรรม หรือ ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่อกุศลธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อัพยากตธรรม หรือ ไม่ใช่อัพยากตะ ไม่ใช่อัพยากตธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่ กุศลธรรมหรือ ไม่ใช่อัพยากตะ ไม่ใช่อัพยากตธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่ อกุศลธรรมหรือ [๘๒] กุศลคือธรรมหรือ ธรรมคือกุศลหรือ อกุศลคือธรรมหรือ ธรรมคืออกุศลหรือ อัพยากตะคือธรรมหรือ ธรรมคืออัพยากตะหรือ [๘๓] ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่ธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่กุศลหรือ ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่ธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อกุศลหรือ ไม่ใช่อัพยากตะ ไม่ใช่ธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อัพยากตะหรือ [๘๔] กุศลคือธรรมหรือ ธรรมคืออกุศลหรือ กุศลคือธรรมหรือ ธรรมคืออัพยากตะหรือ อกุศลคือธรรมหรือ ธรรมคือกุศลหรือ อกุศลคือธรรมหรือ ธรรมคืออัพยากตะหรือ อัพยากตะคือธรรมหรือ ธรรมคือกุศลหรือ อัพยากตะคือธรรมหรือ ธรรมคืออกุศลหรือ [๘๕] ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่ธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อกุศลหรือ ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่ธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อัพยากตะหรือ ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่ธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่กุศลหรือ ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่ธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อัพยากตะหรือ ไม่ใช่อัพยากตะ ไม่ใช่ธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่กุศลหรือ ไม่ใช่อัพยากตะ ไม่ใช่ธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อกุศลหรือ
อุทเทสวาร จบ
นิทเทสวาร
[๘๖] กุศลคือกุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว กุศลธรรมคือกุศลหรือ ถูกแล้ว อกุศลคืออกุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว อกุศลธรรมคืออกุศลหรือ ถูกแล้ว อัพยากตะคืออัพยากตธรรมหรือ ถูกแล้ว อัพยากตธรรมคืออัพยากตะหรือ ถูกแล้ว [๘๗] ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่กุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว ไม่ใช่กุศลธรรม ไม่ใช่กุศลหรือ ถูกแล้ว ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่อกุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว ไม่ใช่อกุศลธรรม ไม่ใช่อกุศลหรือ ถูกแล้ว ไม่ใช่อัพยากตะ ไม่ใช่อัพยากตธรรมหรือ ถูกแล้ว ไม่ใช่อัพยากตธรรม ไม่ใช่อัพยากตะหรือ ถูกแล้ว [๘๘] กุศลคือกุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว ธรรมคืออกุศลธรรมหรือ อกุศลธรรม เป็นธรรมด้วยนั่นเทียว เป็นอกุศลธรรมด้วย ธรรมที่เหลือ ไม่ใช่อกุศลธรรม กุศลคือกุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว ธรรมคืออัพยากตธรรมหรือ อัพยากตธรรมเป็นธรรมด้วยนั่นเทียว คือเป็นอัพยากตธรรมด้วย ธรรมที่เหลือไม่ใช่อัพยากตธรรม กุศลคือกุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว ธรรมคือกุศลธรรมหรือ กุศลธรรมเป็นธรรมด้วยนั่นเทียว เป็นกุศลธรรมด้วย ธรรมที่เหลือ ไม่ใช่กุศลธรรม อกุศลคืออกุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว ธรรมคืออัพยากตธรรมหรือ อัพยากตธรรมเป็นธรรมด้วยนั่นเทียว เป็นอัพยากตธรรมด้วย ธรรม ที่เหลือไม่ใช่อัพยากตธรรม อัพยากตะคืออัพยากตธรรมหรือ ถูกแล้ว ธรรมคือกุศลธรรมหรือ กุศลธรรมเป็นธรรมด้วยนั่นเทียว เป็นกุศลธรรมด้วย ธรรมที่เหลือ ไม่ใช่กุศลธรรม อัพยากตะคืออัพยากตธรรมหรือ ถูกแล้ว ธรรมคืออกุศลธรรมหรือ อกุศลธรรมเป็นธรรมด้วยนั่นเทียว เป็นอกุศลธรรมด้วย ธรรมที่เหลือ ไม่ใช่อกุศลธรรม [๘๙] ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่กุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อกุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่กุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อัพยากตธรรมหรือ ถูกแล้ว ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่อกุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อกุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่อกุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อัพยากตธรรมหรือ ถูกแล้ว ไม่ใช่อัพยากตะ ไม่ใช่อัพยากตธรรมหรือ ถูกแล้ว ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่กุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว ไม่ใช่อัพยากตะ ไม่ใช่อัพยากตธรรมหรือ ถูกแล้ว ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อกุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว [๙๐] กุศลคือธรรมหรือ ถูกแล้ว ธรรมคือกุศลธรรมหรือ กุศลธรรม เป็นธรรมด้วยนั่นเทียว เป็นกุศลธรรมด้วย ธรรมที่เหลือ ไม่ใช่กุศลธรรม อกุศลเป็นธรรมหรือ ถูกแล้ว ธรรมคืออกุศลธรรมหรือ อกุศลธรรมเป็นธรรมด้วยนั่นเทียว เป็นอกุศลธรรมด้วย ธรรมที่เหลือ ไม่ใช่อกุศลธรรม อัพยากตะคือธรรมหรือ ถูกแล้ว ธรรมคืออัพยากตธรรมหรือ อัพยากตธรรม เป็นธรรมด้วยนั่นเทียว เป็นอัพยากตธรรมด้วย ธรรม ที่เหลือ มิใช่อัพยากตธรรม [๙๑] ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่ธรรมหรือ ธรรมที่เหลือ เว้นกุศล ไม่ใช่กุศลธรรม ธรรมที่เหลือ เว้นกุศลด้วย ธรรมด้วย ไม่ใช่กุศลด้วยนั่นเทียว ไม่ใช่ธรรมด้วย ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่กุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่ธรรมหรือ ธรรมที่เหลือ เว้นอกุศล ไม่ใช่อกุศลธรรม ธรรมที่เหลือ เว้น อกุศลด้วย ธรรมด้วย ไม่ใช่อกุศลด้วยนั่นเทียว ไม่ใช่ธรรมด้วย ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อกุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว ไม่ใช่อัพยากตะ ไม่ใช่ธรรมหรือ ธรรมที่เหลือ เว้นอัพยากตะ ไม่ใช่อัพยากตธรรม ธรรมที่เหลือ เว้นอัพยากตะด้วย ธรรมด้วย ไม่ใช่อัพยากตะด้วยนั่นเทียว ไม่ใช่ธรรมด้วย ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อัพยากตธรรมหรือ ถูกแล้ว [๙๒] กุศลคือธรรมหรือ ถูกแล้ว ธรรมคือกุศลธรรมหรือ อกุศลธรรม เป็นธรรมด้วยนั่นเทียว เป็นอกุศลธรรมด้วย ธรรมที่เหลือ ไม่ใช่อกุศลธรรม กุศลคือธรรมหรือ ถูกแล้ว ธรรมคืออัพยากตธรรมหรือ อัพยากตธรรมเป็นธรรมด้วยนั่นเทียว เป็นอัพยากตธรรมด้วย ธรรม ที่เหลือ ไม่ใช่อัพยากตธรรม อกุศลคือธรรมหรือ ถูกแล้ว ธรรมคือกุศลธรรมหรือ กุศลธรรมเป็นธรรมด้วยนั่นเทียว เป็นกุศลธรรมด้วย ธรรมที่เหลือ ไม่ใช่กุศลธรรม อกุศลคือธรรมหรือ ถูกแล้ว ธรรมคืออัพยากตธรรมหรือ อัพยากตธรรมเป็นธรรมด้วยนั่นเทียว เป็นอัพยากตธรรมด้วย ธรรม ที่เหลือ ไม่ใช่อัพยากตธรรม อัพยากตะคือธรรมหรือ ถูกแล้ว ธรรมคือกุศลธรรมหรือ กุศลธรรม เป็นธรรมด้วยนั่นเทียว เป็นกุศลธรรมด้วย ธรรมที่เหลือ ไม่ใช่กุศลธรรม อัพยากตะคือธรรมหรือ ถูกแล้ว ธรรมคืออกุศลธรรมหรือ อกุศลธรรม เป็นธรรมด้วยนั่นเทียว เป็นอกุศลธรรมด้วย ธรรมที่เหลือ ไม่ใช่กุศลธรรม [๙๓] ไม่ใช่กุศลธรรม ไม่ใช่ธรรมหรือ ธรรมทั้งหลายที่เหลือ เว้นกุศล ไม่ใช่กุศลธรรม ธรรมที่เหลือ เว้น กุศลด้วย ธรรมด้วย ไม่ใช่กุศลด้วยนั่นเทียว ไม่ใช่ธรรมด้วย ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อกุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่ธรรมหรือ ธรรมที่เหลือ เว้นกุศล ไม่ใช่กุศลธรรม ธรรมที่เหลือ เว้นกุศลด้วย ธรรมด้วย ไม่ใช่กุศลด้วยนั่นเทียว ไม่ใช่ธรรมด้วย ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อัพยากตธรรมหรือ ถูกแล้ว ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่ธรรมหรือ ธรรมที่เหลือ เว้นอกุศล ไม่ใช่อกุศลธรรม ธรรมที่เหลือ เว้น อกุศลธรรมด้วย ธรรมด้วย ไม่ใช่กุศลด้วยนั่นเทียว ไม่ใช่ธรรมด้วย ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่กุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่ธรรมหรือ ธรรมที่เหลือ เว้นอกุศล ไม่ใช่อกุศลธรรม ธรรมที่เหลือเว้นอกุศลด้วย ธรรมด้วย ไม่ใช่อกุศลด้วยนั่นเทียว ไม่ใช่ธรรมด้วย ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อัพยากตธรรมหรือ ถูกแล้ว ไม่ใช่อัพยากตะ ไม่ใช่ธรรมหรือ ธรรมที่เหลือ เว้นอัพยากตะ ไม่ใช่อัพยากตธรรม ธรรมที่เหลือ เว้นอัพยากตะด้วย ธรรมด้วย ไม่ใช่อัพยากตะด้วยนั่นเทียว ไม่ใช่ธรรมด้วย ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่กุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว ไม่ใช่อัพยากตะ ไม่ใช่ธรรมหรือ ธรรมที่เหลือ เว้นอัพยากตะ ไม่ใช่อัพยากตธรรม ธรรมที่เหลือ เว้นอัพยากตะด้วย ธรรมด้วย ไม่ใช่อัพยากตะด้วยนั่นเทียว ไม่ใช่ธรรมด้วย ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อกุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว
นิทเทสวาร จบ
ปัณณัตติวาร จบ
ปวัตติวาร
[๙๔] กุศลธรรมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อกุศลธรรมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น หรือ? หามิได้ หรือว่า อกุศลธรรมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด กุศลธรรมเกิดขึ้น แก่สัตว์นั้น? หามิได้ [๙๕] กุศลธรรมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรมเกิดขึ้นแก่ สัตว์นั้นหรือ? ในอรูปภูมิ กุศลย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งกุศล ทั้งหลาย แต่อัพยากตธรรมจะเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ ในปัญจโวการภูมิ อกุศลธรรมย่อมเกิดขึ้น และอัพยากตธรรมก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ใน อุปปาทขณะแห่งกุศลทั้งหลาย หรือว่า อัพยากตธรรมย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด กุศลธรรมเกิดขึ้น แก่สัตว์นั้น? อัพยากตธรรมย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ในอุปปาทขณะแห่งกุศลวิปปยุตจิต ในปวัตติกาล แต่กุศลธรรมจะเกิดขึ้นแก่ สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ ในปัญจโวการภูมิ อัพยากตธรรมย่อมเกิดขึ้น และกุศลธรรม ย่อมเกิดขึ้น และกุศลธรรมก็ย่อมเกิดขึ้น แก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะ แห่งกุศลทั้งหลาย [๙๖] อกุศลธรรมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรมเกิดขึ้นแก่ สัตว์นั้นหรือ? ในอรูปภูมิ อกุศลธรรมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่ง อกุศลทั้งหลาย แต่อัพยากตธรรมจะเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ ในปัญจโวการ ภูมิ อกุศลธรรมย่อมเกิดขึ้น และอัพยากตธรรมก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอกุศลทั้งหลาย หรือว่า อัพยากตธรรมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อกุศลธรรมเกิดขึ้นแก่ สัตว์นั้น? อัพยากตธรรมย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ใน อุปปาทขณะแห่งอกุศลวิปปยุตจิต ในปวัตติกาล แต่อกุศลธรรมจะเกิดขึ้นแก่ สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ ในปัญจโวการภูมิ อัพยากตธรรมย่อมเกิดขึ้น และ อกุศลธรรมก็ย่อมเกิดขึ้น แก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอกุศลทั้งหลาย [๙๗] กุศลธรรมเกิดขึ้นในภูมิใด อกุศลธรรมเกิดขึ้นในภูมินั้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า อกุศลเกิดขึ้นในภูมิใด กุศลธรรมเกิดขึ้นในภูมินั้น? ถูกแล้ว [๙๘] กุศลธรรมเกิดขึ้นในภูมิใด อัพยากตธรรมเกิดขึ้นในภูมินั้น หรือ? ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมเกิดขึ้นในภูมิใด กุศลธรรมเกิดขึ้นในภูมิ นั้น? อัพยากตธรรมเกิดขึ้นในภูมินั้น ซึ่งเป็นอสัญญสัตตภูมิ แต่กุศลธรรม จะเกิดขึ้นในภูมินั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมย่อมเกิดขึ้น และกุศลธรรมก็ย่อม เกิดขึ้นในภูมินั้น ซึ่งเป็นจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ [๙๙] อกุศลธรรมเกิดขึ้นในภูมิใด อัพยากตธรรมเกิดขึ้นในภูมิ นั้นหรือ? ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมเกิดขึ้นในภูมิใด อกุศลธรรมเกิดขึ้น ในภูมินั้น? อัพยากตธรรมเกิดขึ้นในภูมินั้น ซึ่งเป็นอสัญญสัตตภูมิ แต่อกุศลธรรม จะเกิดขึ้นในภูมินั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมย่อมเกิดขึ้น และอกุศลธรรมก็ย่อม เกิดขึ้นในภูมินั้น ซึ่งเป็นจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ [๑๐๐] กุศลธรรมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อกุศลธรรมเกิดขึ้น แก่สัตว์นั้นในภูมินั้นหรือ? หามิได้ หรือว่า อกุศลธรรมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศลธรรม ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นในภูมินั้น? หามิได้ [๑๐๑] กุศลธรรมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยากตธรรม เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นในภูมินั้นหรือ? กุศลธรรมย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือในอรูปภูมิ ใน- *อุปปาทขณะแห่งกุศลทั้งหลาย แต่อัพยากตธรรมจะเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ใน ภูมินั้นก็หาไม่ กุศลธรรมย่อมเกิดขึ้น และอัพยากตธรรมก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ เหล่านั้น ในภูมินั้น คือในปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งกุศลทั้งหลาย หรือว่า อัพยากตธรรมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศลธรรม เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นในภูมินั้น? อัพยากตธรรมย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือสัตว์ทั้งหมด ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในอุปปาทขณะแห่งกุศลวิปปยุตจิต ในปวัตติกาล แต่กุศลธรรม จะเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมย่อมเกิดขึ้น และ กุศลธรรมก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น คือในปัญจโวการภูมิ ใน อุปปาทขณะแห่งกุศลทั้งหลาย [๑๐๒] อกุศลธรรมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยากตธรรม เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นในภูมินั้นหรือ? อกุศลธรรมย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือในอรูปภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งอกุศลทั้งหลาย แต่อัพยากตธรรมจะเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อกุศลธรรมย่อมเกิดขึ้น และอัพยากตธรรมก็ย่อมเกิดขึ้น แก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือในปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งอกุศล ทั้งหลาย หรือว่า อัพยากตธรรมย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อกุศลธรรมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น? อัพยากตธรรมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือสัตว์ทั้งหมดที่กำลัง เกิดขึ้นอยู่ในอุปปาทขณะแห่งอกุศลวิปปยุตจิต ในปวัตติกาล แต่อกุศลธรรม จะเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมย่อมเกิดขึ้น และ อกุศลธรรมก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือในปัญจโวการภูมิ ใน อุปปาทขณะแห่งอกุศลทั้งหลาย [๑๐๓] กุศลธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อกุศลธรรมไม่เกิดขึ้นแก่ สัตว์นั้นหรือ? กุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแต่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอกุศล ทั้งหลาย แต่อกุศลธรรมจะไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ กุศลธรรมย่อมไม่ เกิดขึ้น และอกุศลธรรมก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น คือสัตว์ทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งกุศลวิปปยุตจิต และอกุศลวิปปยุตจิต ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ หรือว่า อกุศลธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด กุศลธรรมไม่เกิดขึ้น แก่สัตว์นั้น? อกุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งกุศล ทั้งหลาย แต่กุศลธรรม จะไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ อกุศลธรรมย่อม ไม่เกิดขึ้น และกุศลธรรมก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น คือสัตว์ทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งอกุศลวิปปยุตจิต และกุศลวิปปยุตจิต ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ [๑๐๔] กุศลธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรมไม่เกิดขึ้น แก่สัตว์นั้นหรือ? กุศลธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ในอุปปาท- *ขณะแห่งกุศลวิปปยุตจิต ในปวัตติกาล แต่อัพยากตธรรมจะไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ เหล่านั้นก็หาไม่ กุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้น และอัพยากตธรรมก็ย่อมไม่เกิดขึ้น แก่สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ที่กำลังจุติอยู่ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ใน อรูปภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งกุศลทั้งหลาย หรือว่า อัพยากตธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด กุศลธรรมไม่เกิดขึ้น แก่สัตว์นั้น? ในอรูปภูมิ อัพยากตธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะ แห่งกุศลทั้งหลาย แต่กุศลธรรมจะไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ อัพยากต- *ธรรมย่อมไม่เกิดขึ้น และกุศลธรรมก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ที่กำลังจุติอยู่ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในอรูปภูมิ ในอุปปาทขณะ แห่งกุศลทั้งหลาย [๑๐๕] อกุศลธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรมไม่เกิดขึ้น แก่สัตว์นั้นหรือ? อกุศลธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ใน อุปปาทขณะแห่งอกุศลวิปปยุตจิต ในปวัตติกาล แต่อัพยากตธรรมจะไม่เกิดขึ้น แก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ อกุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้น และอัพยากตธรรมก็ย่อม ไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ที่กำลังจุติอยู่ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในอรูปภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งกุศลทั้งหลาย หรือว่า อัพยากตธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อกุศลธรรมไม่เกิดขึ้น แก่สัตว์นั้น? อัพยากตธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอกุศล ทั้งหลาย ในอรูปภูมิ แต่อกุศลธรรมจะไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมไม่เกิดขึ้น และอกุศลธรรมก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ที่กำลังจุติอยู่ ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในอรูปภูมิ ในอุปปาทขณะ แห่งกุศลทั้งหลาย [๑๐๖] กุศลธรรมไม่เกิดขึ้นในภูมิใด อกุศลธรรมไม่เกิดขึ้นในภูมิ นั้นหรือ? ถูกแล้ว หรือว่า อกุศลธรรมไม่เกิดขึ้นในภูมิใด กุศลธรรมไม่เกิดขึ้นใน ภูมินั้น? ถูกแล้ว [๑๐๗] กุศลธรรมไม่เกิดขึ้นในภูมิใด อัพยากตธรรมไม่เกิดขึ้น ในภูมินั้นหรือ? ย่อมเกิดขึ้น หรือว่า อัพยากตธรรมไม่เกิดขึ้นในภูมิใด กุศลธรรมย่อมไม่ เกิดขึ้นในภูมินั้น? ไม่มี [๑๐๘] อกุศลธรรมไม่เกิดขึ้นในภูมิใด อัพยากตธรรมไม่เกิดขึ้น ในภูมินั้นหรือ ย่อมเกิดขึ้น หรือว่า อัพยากตธรรมไม่เกิดขึ้นในภูมิใด อกุศลธรรมไม่เกิดขึ้น ในภูมินั้น? ไม่มี [๑๐๙] กุศลธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อกุศลธรรม ไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ? กุศลธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งกุศล ทั้งหลาย แต่อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ กุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้น และอกุศลธรรมก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมิ นั้น คือสัตว์ทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งกุศลวิปปยุตจิต อกุศลวิปปยุตจิต และอสัญญสัตว์ หรือว่า อกุศลธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศลธรรม ไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น? อกุศลธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่ง กุศลทั้งหลาย แต่กุศลธรรมจะไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อกุศลธรรมไม่เกิดขึ้น และกุศลธรรมก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือสัตว์ทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งอกุศลวิปปยุตจิตและ กุศลวิปปยุตจิต และแก่อสัญญสัตว์ [๑๑๐] กุศลธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยากตธรรม ไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ? กุศลธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือสัตว์ทั้งหมดที่กำลัง เกิดขึ้นอยู่ ในอุปปาทขณะแห่งกุศลวิปปยุตจิต ในปวัตติกาล แต่อัพยากตธรรม จะไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ กุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้น และ อัพยากตธรรมก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือสัตว์ทั้งหมดที่กำลัง จุติอยู่ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในอรูปภูมิ และในอุปปาทขณะแห่ง อกุศลทั้งหลาย หรือว่า อัพยากตธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศลธรรม ไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น? อัพยากตธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือในอรูปภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งกุศลทั้งหลาย แต่กุศลธรรมจะไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมย่อมไม่เกิดขึ้น และกุศลธรรมก็ย่อมไม่เกิดขึ้น แก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือสัตว์ทั้งหมดที่กำลังจุติอยู่ ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในอรูปภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งอกุศลทั้งหลาย [๑๑๑] อกุศลธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยากตธรรม ไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ? อกุศลธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น คือสัตว์ทั้งหมดที่กำลัง เกิดขึ้นอยู่ ในอุปปาทขณะแห่งอกุศลวิปปยุตจิต ในปวัตติกาล แต่อัพยากตธรรม จะไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อกุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้น และ อัพยากตธรรม ก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือสัตว์ทั้งหมดที่กำลัง จุติอยู่ ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในอรูปภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งกุศล ทั้งหลาย หรือว่า อัพยากตธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อกุศลธรรม ไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น? อัพยากตธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น ในอรูปภูมิ ในอุปปาท- *ขณะแห่งอกุศลทั้งหลาย แต่อกุศลธรรมจะไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ก็หาไม่ อัพยากตธรรมย่อมไม่เกิดขึ้น และอกุศลธรรมก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ เหล่านั้น ในภูมินั้น คือสัตว์ทั้งหมดที่กำลังจุติอยู่ ในภังคขณะแห่งจิต ใน ปวัตติกาล ในอรูปภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งกุศลทั้งหลาย [๑๑๒] กุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด อกุศลธรรมเคยเกิด ขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้นหรือ? ถูกแล้ว หรือว่า อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด กุศลธรรมเคยเกิด ขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น? ถูกแล้ว [๑๑๓] กุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรมเคย เกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้นหรือ? ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด กุศลธรรมเกิด ขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น? ถูกแล้ว [๑๑๔] อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรมเคย เกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้นหรือ? ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อกุศลธรรมเคยเกิด ขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น? ถูกแล้ว [๑๑๕] กุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วในภูมิใด อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้น แล้วในภูมินั้นหรือ? ถูกแล้ว หรือว่า อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วในภูมิใด กุศลธรรมเคยเกิด ขึ้นแล้วในภูมินั้น? ถูกแล้ว [๑๑๖] กุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วในภูมิใด อัพยากตธรรมเคยเกิด ขึ้นแล้วในภูมินั้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วในภูมิใด กุศลธรรม เคยเกิดขึ้นแล้วในภูมินั้น? อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วในภูมินั้น ซึ่งเป็นอสัญญสัตตภูมิ แต่ กุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วในภูมินั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้ว กุศล- *ธรรมก็เคยเกิดขึ้นแล้วในภูมินั้น ซึ่งเป็นจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ [๑๑๗] อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วในภูมิใด อัพยากตธรรมเคย เกิดขึ้นแล้วในภูมินั้นหรือ? ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วในภูมิใด อกุศลธรรมเคย เกิดขึ้นแล้วในภูมินั้น? อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วในภูมินั้น ซึ่งเป็นอสัญญสัตตภูมิ แต่ อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้ว ในภูมินั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วใน ภูมินั้น ซึ่งเป็นจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ [๑๑๘] กุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อกุศลธรรม เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ? ถูกแล้ว หรือว่า อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศล- *ธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น? อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น คือสัตว์ชั้นสุทธาวาส ในเมื่ออกุศลจิตดวงที่ ๒ เป็นไปอยู่ แต่กุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วและกุศลธรรมก็เคยเกิดขึ้นแล้วแก่ สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือสัตว์ผู้มีขันธ์ ๔ ขันธ์ ๕ นอกนี้ [๑๑๙] กุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยากต- *ธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ? ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น? อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น คือสัตว์ชั้น สุทธาวาส ในเมื่อทุติยจิตเป็นไปอยู่ แต่กุศลธรรมจะเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้ว และกุศลธรรมก็เคยเกิดขึ้นแล้ว แก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้มีขันธ์ ๔ ผู้มีขันธ์ ๕ นอกนี้ [๑๒๐] อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยากต- *ธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ? ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น? อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือสัตว์ชั้น สุทธาวาส ในเมื่อทุติยจิตเป็นไปอยู่ และอสัญญสัตว์ แต่อกุศลธรรมเคยเกิด ขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้ว และ อกุศลธรรมก็เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้มีขันธ์ ๔ ผู้มีขันธ์ ๕ นอกนี้ [๑๒๑] กุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด อกุศลธรรม ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้นหรือ? ไม่มี หรือว่า อกุศลธรรมไม่เคยขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด กุศลธรรมไม่เคย เกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น? ไม่มี [๑๒๒] กุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรม ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้นหรือ? ไม่มี หรือว่า อัพยากตธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด กุศลธรรม ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น? ไม่มี [๑๒๓] อกุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรม ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้นหรือ? ไม่มี หรือว่า อัพยากตธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด อกุศลธรรม ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น? ไม่มี [๑๒๔] กุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วในภูมิใด อกุศลธรรมไม่เคย เกิดขึ้นแล้วในภูมินั้นหรือ? ถูกแล้ว หรือว่า อกุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วในภูมิใด กุศลธรรมไม่เคย เกิดขึ้นแล้วในภูมินั้น? ถูกแล้ว [๑๒๕] กุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วในภูมิใด อัพยากตธรรม ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วในภูมินั้นหรือ เคยเกิดขึ้นแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วในภูมิใด กุศลธรรม ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วในภูมินั้น? ไม่มี [๑๒๖] อกุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วในภูมิใด อัพยากตธรรม ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วในภูมินั้นหรือ เคยเกิดขึ้นแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วในภูมิใด อกุศลธรรม ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วในภูมินั้น? ไม่มี [๑๒๗] กุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อกุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ? กุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือสัตว์ชั้น สุทธาวาส ในเมื่ออกุศลจิตดวงที่ ๒ เป็นไปอยู่ แต่อกุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้น แล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ กุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว และ อกุศลธรรมก็ไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว แก่สัตว์นั้น คือสัตว์ชั้นสุทธาวาส ในเมื่อ ทุติยจิตเป็นไปอยู่ และอสัญญสัตว์ หรือว่า อกุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น? ถูกแล้ว [๑๒๘] กุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยากตธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ? กุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือสัตว์ชั้น สุทธาวาส ในเมื่อทุติยจิตเป็นไปอยู่ และอสัญญสัตว์ อัพยากตธรรมไม่เคย เกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ กุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว และอัพยากตธรรมก็ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ซึ่งกำลังเข้าถึง ซึ่งสุทธาวาส หรือว่า อัพยากตธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น? ถูกแล้ว [๑๒๙] อกุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยากตธรรม ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ? อกุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือสัตว์ชั้น สุทธาวาส ในเมื่อทุติยจิตเป็นไปอยู่ และอสัญญสัตว์ แต่อัพยากตธรรมไม่เคย เกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อกุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว และอัพยากตธรรมก็ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ที่กำลังเข้าถึง ซึ่งสุทธาวาส หรือว่า อัพยากตธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อกุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น? ถูกแล้ว [๑๓๐] กุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อกุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่ สัตว์นั้นหรือ? สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด กุศลธรรม จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น แต่อกุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ กุศล ธรรมจักเกิดขึ้น และอกุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น นอกนี้ หรือว่า อกุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด กุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่ สัตว์นั้น? ถูกแล้ว [๑๓๑] กุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรมเกิดขึ้นแก่ สัตว์นั้นหรือ? ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด กุศลธรรมจักเกิดขึ้น แก่สัตว์นั้น? อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วย อรหัตมรรค ผู้เป็นพระอรหันต์ แต่กุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรม และอกุศลธรรม ก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น นอกนี้ [๑๓๒] อกุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้น แก่สัตว์นั้นหรือ? ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อกุศลธรรมจักเกิดขึ้น แก่สัตว์นั้น? อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น คือผู้มีความพร้อมเพรียงด้วย อรหัตมรรค ผู้เป็นพระอรหันต์ ผู้จักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิต แต่อกุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้น และ อกุศลธรรมก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น นอกนี้ [๑๓๓] กุศลธรรมจักเกิดขึ้นในภูมิใด อกุศลธรรมจักเกิดขึ้นใน ภูมินั้นหรือ? ถูกแล้ว หรือว่า อกุศลธรรมจักเกิดขึ้นในภูมิใด กุศลธรรมจักเกิดขึ้น ในภูมินั้น? ถูกแล้ว [๑๓๔] กุศลธรรมจักเกิดขึ้นในภูมิใด อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้น ในภูมินั้นหรือ? ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นในภูมิใด กุศลธรรมจักเกิดขึ้น ในภูมินั้น? อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นในภูมินั้น ซึ่งเป็นอสัญญสัตตภูมิ แต่กุศลธรรม จักเกิดขึ้นในภูมินั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้น และกุศลธรรมก็จักเกิด ขึ้นในภูมินั้น ซึ่งเป็นจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ [๑๓๕] อกุศลธรรมจักเกิดขึ้นในภูมิใด อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้น ในภูมินั้นหรือ? ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นในภูมิใด อกุศลธรรมจักเกิดขึ้น ในภูมินั้น? อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นในภูมินั้น ซึ่งเป็นอสัญญสัตตภูมิ แต่อกุศลธรรม จักเกิดขึ้นในภูมินั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้น และอกุศลธรรมก็จักเกิดขึ้น ในภูมินั้น ซึ่งเป็นจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ [๑๓๖] กุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อกุศลธรรม จักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ? กุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือจตุโวการภูมิ ปัญจ โวการภูมิ ผู้ที่จักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด แต่อกุศลธรรม จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ กุศลธรรมจักเกิดขึ้น และอกุศลธรรม ก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้มีขันธ์ ๔ ผู้มีขันธ์ ๕ นอกนี้ หรือว่า อกุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศลธรรม จักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น? ถูกแล้ว [๑๓๗] กุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยากตธรรม จักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ? ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศลธรรม จักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น? อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้มีความ พร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค ผู้เป็นพระอรหันต์ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ แต่กุศลธรรม จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้น และ กุศลธรรมก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้มีขันธ์ ๔ ผู้มีขันธ์ ๕ นอกนี้ [๑๓๘] อกุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยากตธรรม จักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อกุศลธรรม จักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น? อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือผู้มีความ พร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค ผู้เป็นพระอรหันต์ ผู้ที่จักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ผู้เป็นอสัญญสัตว์ แต่อกุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้น และอกุศลธรรมก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์ เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้มีขันธ์ ๔ ผู้มีขันธ์ ๕ นอกนี้ [๑๓๙] กุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อกุศลธรรมจักไม่ เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ? ถูกแล้ว หรือว่า อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด กุศลธรรมจักไม่ เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด อกุศลธรรม จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น แต่กุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้น และกุศลธรรมก็จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ผู้มีความ พร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค ผู้เป็นพระอรหันต์ [๑๔๐] กุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรม จัก ไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ กุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วย อรหัตมรรค ผู้เป็นพระอรหันต์ แต่อัพยากตธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ก็หาไม่ กุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้น และอัพยากตธรรมก็จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต หรือว่า อัพยากตธรรม จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด กุศลธรรม จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ถูกแล้ว [๑๔๑] อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรม จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น คือ ผู้มีความเพรียงด้วย อรหัตมรรค ผู้เป็นพระอรหันต์ ผู้ที่จักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด แต่อัพยากตธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้น และอัพยากตธรรมก็จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วย ปัจฉิมจิต หรือว่า อัพยากตธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อกุศลธรรม จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ถูกแล้ว [๑๔๒] กุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นในภูมิใด อกุศลธรรม จักไม่เกิดขึ้นในภูมินั้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นในภูมิใด กุศลธรรมจักไม่ เกิดขึ้นในภูมินั้น ถูกแล้ว [๑๔๓] กุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นในภูมิใด อัพยากตธรรมจักไม่ เกิดขึ้นในภูมินั้นหรือ จักเกิดขึ้น หรือว่า อัพยากตธรรมจักไม่เกิดขึ้นในภูมิใด กุศลธรรมจักไม่ เกิดขึ้นในภูมินั้นหรือ ไม่มี [๑๔๔] อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นในภูมิใด อัพยากตธรรม จักไม่เกิดขึ้นในภูมินั้นหรือ จักเกิดขึ้น หรือว่า อัพยากตธรรมจักไม่เกิดขึ้นในภูมิใด อกุศลธรรม จักไม่เกิดขึ้นในภูมินั้น ไม่มี [๑๔๕] กุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด อกุศลธรรม จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นในภูมินั้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศล- *ธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นในภูมินั้น สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด อกุศลธรรม จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น แต่กุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้น และกุศลธรรมก็จักไม่ เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค ผู้เป็น พระอรหันต์ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ [๑๔๖] กุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยา- *กตธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ กุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือ ผู้มีความพร้อม เพรียงด้วยอรหัตมรรค ผู้เป็นพระอรหันต์ และอสัญญสัตว์ แต่อัพยากตธรรม จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ กุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้น และ อัพยากตธรรมก็จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้มีความพร้อมเพรียง ด้วยปัจฉิมจิต หรือว่า อัพยากตธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น ถูกแล้ว [๑๔๗] อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยา- *กตธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือ ผู้มีความ พร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค ผู้เป็นพระอรหันต์ ผู้ที่จักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด และอสัญญสัตว์ แต่อัพยากตธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้น และอัพยากตธรรมก็จักไม่ เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต หรือว่า อัพยากตธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น ถูกแล้ว [๑๔๘] กุศลธรรมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้น แก่สัตว์นั้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด กุศลธรรม เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น คือ สัตว์ทั้งหมดในภังคขณะ แห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งกุศลวิปปยุตตจิต ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ แต่กุศลธรรมจะเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้ว และกุศลธรรมก็ย่อมเกิดขึ้น แก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งกุศลทั้งหลาย [๑๔๙] กุศลธรรมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้น แล้วแก่สัตว์นั้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด กุศลธรรม เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น คือ สัตว์ทั้งหมดใน ภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งกุศลวิปปยุตตจิต ผู้เข้านิโรธ และอสัญญสัตว์ แต่กุศลธรรมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้ว และ กุศลธรรมก็เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งกุศลทั้งหลาย [๑๕๐] อกุศลธรรมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรมเคย เกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด อกุศลธรรม เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น คือ สัตว์ทั้งหมด ในภังค- *ขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งอกุศลวิปปยุตตจิต ผู้เข้านิโรธ และอสัญญสัตว์ แต่อกุศลธรรมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้ว และอกุศลธรรมก็เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอกุศลทั้งหลาย [๑๕๑] กุศลธรรมเกิดขึ้นในภูมิใด ฯลฯ [๑๕๒] กุศลธรรมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อกุศลธรรม เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศลธรรมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือ สัตว์ทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งกุศลวิปปยุตตจิต แต่กุศลธรรมจะเกิดขึ้น แก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้ว และกุศลธรรม ก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งกุศลทั้งหลาย [๑๕๓] กุศลธรรมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยากตธรรม เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศลธรรมย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น คือ สัตว์ทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งกุศลวิปปยุตตจิต และอสัญญสัตว์ แต่กุศลธรรมจะเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมเคย เกิดขึ้นแล้ว และกุศลธรรมก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะ แห่งกุศลทั้งหลาย [๑๕๔] อกุศลธรรมย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยา- *กตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อกุศลธรรมย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น อัพยากตธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือ สัตว์ทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งอกุศลวิปปยุตตจิต และอสัญญสัตว์ แต่อกุศลธรรมย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมเคย เกิดขึ้นแล้ว และอกุศลธรรมก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ใน อุปปาทขณะแห่งอกุศล [๑๕๕] กุศลธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อกุศลธรรมไม่เคย เกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้นหรือ เคยเกิดขึ้นแล้ว หรือว่า อกุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด กุศลธรรม ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ไม่มี [๑๕๖] กุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรม ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้นหรือ เคยเกิดขึ้นแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด กุศลธรรม ไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ไม่มี [๑๕๗] อกุศลธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรมไม่เคย เกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้นหรือ เคยเกิดขึ้นแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด อกุศลธรรม ไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ไม่มี [๑๕๘] กุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นในภูมิใด ฯลฯ [๑๕๙] กุศลธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อกุศลธรรม ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ กุศลธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือ สัตว์ทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งกุศลวิปปยุตตจิต แต่อกุศลธรรมไม่เคย เกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ กุศลธรรมไม่เกิดขึ้น และอกุศล- *ธรรมก็ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือ สัตว์ชั้นสุทธาวาส ในเมื่อทุติยจิตเป็นไปอยู่ และอสัญญสัตว์ หรือว่า อกุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น ถูกแล้ว [๑๖๐] กุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยา- *กตธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ กุศลธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือ สัตว์ทั้งหมด ใน ภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งกุศลวิปปยุตตจิต และอสัญญสัตว์ แต่ อัพยากตธรรม ไม่เคยเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ กุศลธรรม ย่อมไม่เกิดขึ้น และอัพยากตธรรมก็ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าถึงสุทธาวาส หรือว่า อัพยากตธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น ถูกแล้ว [๑๖๑] อกุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยา- *กตธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ อกุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือ สัตว์ทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งอกุศลวิปปยุตตจิต และอสัญญสัตว์ แต่อัพยากตธรรม ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อกุศลธรรม ย่อมไม่เกิดขึ้น และอัพยากตธรรมก็ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ใน ภูมินั้น ผู้เข้าถึงสุทธาวาส หรือว่า อัพยากตธรรม ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิ ใด อกุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น ถูกแล้ว [๑๖๒] กุศลธรรมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อกุศลธรรมจักเกิดขึ้น แก่สัตว์นั้นหรือ กุศลธรรมย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค สัตว์จักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น แต่อกุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ กุศลธรรมย่อมเกิดขึ้น และ อกุศลธรรมก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นนอกนี้ ในอุปปาทขณะแห่งกุศล หรือว่า อกุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด กุศลธรรมย่อมเกิด ขึ้นแก่สัตว์นั้น อกุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น คือ สัตว์ทั้งหมด ในภังคขณะ แห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งกุศลวิปปยุตตจิต ผู้เข้านิโรธ และอสัญญสัตว์ แต่กุศลธรรมจะเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ อกุศลธรรมจักเกิดขึ้น และกุศล- *ธรรมก็จะเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งกุศล [๑๖๓] กุศลธรรมย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรม จักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด กุศลธรรมย่อมเกิด ขึ้นแก่สัตว์นั้น อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น คือ สัตว์ทั้งหมด ในภังคขณะ แห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งกุศลวิปปยุตตจิต ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ แต่กุศลธรรมจะเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้น และกุศล- *ธรรมก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งกุศล [๑๖๔] อกุศลธรรมย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรม จักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อกุศลธรรมย่อม เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น คือ สัตว์ทั้งหมด ในภังคขณะ แห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งกุศลวิปปยุตตจิต ผู้เข้านิโรธ และอสัญญสัตว์ แต่อกุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้น และ อกุศลธรรมก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งกุศล [๑๖๕] กุศลธรรมย่อมเกิดขึ้นในภูมิใด ฯลฯ [๑๖๖] กุศลธรรมย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อกุศลธรรม จักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ กุศลธรรมย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่ง อรหัตมรรค สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ใน อุปปาทขณะแห่งจิตนั้น แต่อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็ หาไม่ กุศลธรรมย่อมเกิดขึ้น และอกุศลธรรมก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ใน ภูมินั้น นอกนี้ ในอุปปาทขณะแห่งกุศล หรือว่า อกุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศลธรรม ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น อกุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือ สัตว์ทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งกุศลวิปปยุตจิต แต่กุศลธรรมจะเกิดขึ้น แก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อกุศลธรรมจักเกิดขึ้น และกุศลธรรมก็จะเกิด ขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งกุศล [๑๖๗] กุศลธรรมย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยา- *กตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศล- *ธรรมย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือ สัตว์ทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งกุศลวิปปยุตจิต และอสัญญสัตว์ แต่ กุศลธรรมจะเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้น และกุศลธรรมก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งกุศล [๑๖๘] อกุศลธรรมย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยา- *กตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นในภูมินั้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อกุศล- *ธรรมย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือสัตว์ทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งอกุศลวิปปยุตจิต และอสัญญสัตว์ แต่ อกุศลธรรมจะเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้น และอกุศลธรรมก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่ง อกุศล [๑๖๙] กุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อกุศลธรรมจักไม่ เกิดแก่สัตว์นั้นหรือ กุศลธรรมย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น คือ สัตว์ทั้งหมด ในภังคขณะแห่ง จิต ในอุปปาทขณะแห่งกุศลวิปปยุตจิต ผู้เข้านิโรธ และอสัญญสัตว์ แต่ อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ กุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้น และ อกุศลธรรมก็จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค ผู้เป็น พระอรหันต์ สัตว์ใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะ แห่งจิตนั้น หรือว่า อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด กุศลธรรมย่อมไม่ เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค สัตว์ใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น แต่กุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้น และ กุศลธรรมก็ย่อมไม่เกิดขึ้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค ผู้เป็นพระอรหันต์ สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น [๑๗๐] กุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรมจัก ไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ กุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งกุศลวิปปยุตจิต ผู้เข้านิโรธ และอสัญญสัตว์ แต่อัพยากต- *ธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ กุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้น และอัพยา- *กตธรรมก็จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต หรือว่า อัพยากตธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด กุศลธรรม ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ถูกแล้ว [๑๗๑] อกุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรมจัก ไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ อกุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น คือ สัตว์ทั้งหมด ในภังคขณะ แห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งอกุศลวิปปยุตตจิต ผู้เข้านิโรธ และอสัญญสัตว์ แต่ อัพยากตธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ อกุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้น และ อัพยากตธรรมก็จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต หรือว่า อัพยากตธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อกุศลธรรม ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ถูกแล้ว [๑๗๒] กุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นในภูมิใด ฯลฯ [๑๗๓] กุศลธรรมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อกุศลธรรม จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ กุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือสัตว์ทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งกุศลวิปปยุตจิต แต่อกุศลธรรมจักไม่ เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ กุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้น และอกุศล- *ธรรมก็จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค ผู้เป็น พระอรหันต์ สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ใน ภังคขณะแห่งจิตนั้น หรือว่า อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศล- *ธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่ง อรหัตมรรค สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ใน อุปปาทขณะแห่งจิตนั้น แต่กุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ก็หาไม่ อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้น และกุศลธรรมก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค ผู้เป็นพระอรหันต์ สัตว์เหล่าใดจักได้ เฉพาะซึ่งอรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น [๑๗๔] กุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยา- *กตธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ กุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือ สัตว์ทั้งปวง ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งกุศลวิปปยุตตจิต และอสัญญสัตว์ แต่ อัพยากตธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ กุศลธรรมย่อมไม่ เกิดขึ้น และอัพยากตธรรมก็จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้มีความ พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต หรือว่า อัพยากตธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศล ธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น ถูกแล้ว [๑๗๕] อกุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยา- *กตธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ อกุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือ สัตว์ทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งอกุศลวิปปยุตจิต และอสัญญสัตว์ แต่ อัพยากตธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อกุศลธรรมย่อม ไม่เกิดขึ้น และอัพยากตธรรมก็จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้มี ความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต หรือว่า อัพยากตธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อกุศลธรรมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นในภูมินั้น ถูกแล้ว [๑๗๖] กุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด อกุศลธรรมจัก เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ กุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น คือ ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วย อรหัตมรรค ผู้เป็นพระอรหันต์ และผู้จักได้เฉพาะอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด แต่อกุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ กุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้ว และ อกุศลธรรมก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น นอกนี้ หรือว่า อกุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด กุศลธรรมเคยเกิดขึ้น แล้วแก่สัตว์นั้น ถูกแล้ว [๑๗๗] กุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรม จักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ กุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วย ปัจฉิมจิต แต่อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ กุศลธรรมเคย เกิดขึ้นแล้ว และอัพยากตธรรมก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น นอกนี้ หรือว่า อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด กุศลธรรมเคย เกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ถูกแล้ว [๑๗๘] อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรม จักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วย ปัจฉิมจิต แต่อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ อกุศลธรรมเคย เกิดขึ้นแล้ว และอัพยากตธรรมก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น นอกนี้ หรือว่า อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อกุศลธรรมเคย เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ถูกแล้ว [๑๗๙] กุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วในภูมิใด ฯลฯ [๑๘๐] กุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อกุศล- *ธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ กุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น คือ ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วย อรหัตมรรค ผู้เป็นพระอรหันต์ ผู้ที่จักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด แต่อกุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ กุศลธรรมเคยเกิดขึ้น แล้ว และอกุศลธรรมก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้มีขันธ์ ๔ ผู้มีขันธ์ ๕ นอกนี้ หรือว่า อกุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศลธรรม เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น อกุศลธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือสัตว์ชั้นสุทธาวาส ในเมื่อทุติยจิตเป็นไปอยู่ แต่กุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ก็หาไม่ อกุศลธรรมจักเกิดขึ้น และกุศลธรรมก็เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้มีขันธ์ ๔ ผู้มีขันธ์ ๕ นอกนี้ [๑๘๑] กุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยา- *กตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ กุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้มีความพร้อม เพรียงด้วยปัจฉิมจิต แต่อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็ หาไม่ กุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้ว และอัพยากตธรรมก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้มีขันธ์ ๔ ผู้มีขันธ์ ๕ นอกนี้ หรือว่า อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศล- *ธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือสัตว์ชั้นสุทธาวาส ในเมื่อทุติยจิตเป็นไปอยู่ และอสัญญสัตว์ แต่กุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้น และกุศลธรรมก็เคยเกิดขึ้น แล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้มีขันธ์ ๔ ผู้มีขันธ์ ๕ นอกนี้ [๑๘๒] อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยา- *กตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้มีความพร้อม เพรียงด้วยปัจฉิมจิต แต่อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้ว และอัพยากตธรรมก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ใน ภูมินั้น ผู้มีขันธ์ ๔ ผู้มีขันธ์ ๕ นอกนี้ หรือว่า อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อกุศล ธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือสัตว์ชั้นสุทธาวาส ในเมื่อทุติยจิตเป็นไปอยู่ และอสัญญสัตว์ แต่อกุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ นั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นและอกุศลธรรมก็เคยเกิดขึ้นแล้ว แก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้มีขันธ์ ๔ ผู้มีขันธ์ ๕ นอกนี้ [๑๘๓] กุศลธรรมเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด อกุศลธรรมจักไม่ เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ ไม่มี หรือว่า อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด กุศลธรรมไม่เคย เกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น เคยเกิดขึ้นแล้ว [๑๘๔] กุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรม จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ ไม่มี หรือว่า อัพยากตธรรมจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด กุศลธรรมไม่เคย เกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น เคยเกิดขึ้นแล้ว [๑๘๕] อกุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด อัพยากตธรรม จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ ไม่มี หรือว่า อัพยากตธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด อกุศลธรรมไม่ เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น เคยเกิดขึ้นแล้ว [๑๘๖] กุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วในภูมิใด ฯลฯ [๑๘๗] กุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ กุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น คือสัตว์ชั้น สุทธาวาส ในเมื่อทุติยจิตเป็นไปอยู่ แต่อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ กุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว และอกุศลธรรมก็จักไม่เกิดขึ้นแก่ สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คืออสัญญสัตว์ หรือว่า อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศล- *ธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือผู้มีความพร้อม เพรียงด้วยอรหัตมรรค ผู้เป็นพระอรหันต์ ผู้จักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับ แห่งจิตใด แต่กุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ อกุศลธรรมจักไม่เกิดขึ้น และกุศลธรรมก็ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คืออสัญญสัตว์ [๑๘๘] กุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยากตธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ จักเกิดขึ้น หรือว่า อัพยากตธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด กุศล- *ธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น เคยเกิดขึ้นแล้ว [๑๘๙] อกุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อัพยากตธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้นหรือ จักเกิดขึ้น หรือว่า อัพยากตธรรมจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด อกุศลธรรมไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น เคยเกิดขึ้นแล้ว
อุปปาทวาร จบ
นิโรธวาร
[๑๙๐] กุศลธรรมของสัตว์ใดย่อมดับไป อกุศลธรรมของสัตว์ นั้นย่อมดับไปหรือ หามิได้ หรือว่า อกุศลธรรมของสัตว์ใดย่อมดับไป กุศลธรรมของสัตว์ นั้น ย่อมดับไป หามิได้ [๑๙๑] กุศลธรรมของสัตว์ใดย่อมดับไป อัพยากตธรรมของ สัตว์นั้น ย่อมดับไปหรือ ในอรูปภูมิ กุศลธรรมของสัตว์เหล่านั้นย่อมดับไป ในภังคขณะแห่งกุศล แต่อัพยากตธรรมของสัตว์เหล่านั้นย่อมดับไปก็หาไม่ ในปัญจโวการภูมิ กุศลธรรม และอัพยากตธรรมของสัตว์เหล่านั้น ย่อมดับไป ในภังคขณะแห่งกุศล หรือว่า อัพยากตธรรมของสัตว์ใดย่อมดับไป กุศลธรรมของ สัตว์นั้น ย่อมดับไป อัพยากตธรรมของสัตว์เหล่านั้น คือสัตว์ทั้งหมด ที่กำลังจุติอยู่ในภังคขณะ แห่งกุศลวิปปยุตจิต ย่อมดับไป แต่กุศลธรรมของสัตว์เหล่านั้น ย่อมดับไปก็ หาไม่ ในปัญจโวการภูมิ อัพยากตธรรมของสัตว์เหล่านั้น จักดับไป และกุศล- *ธรรมก็จะดับไป ในภังคขณะแห่งกุศล [๑๙๒] อกุศลธรรมของสัตว์ใดย่อมดับไป อัพยากตธรรมของ สัตว์นั้น ย่อมดับไปหรือ ในอรูปภูมิ อกุศลธรรมของสัตว์เหล่านั้น ย่อมดับไปในภังคขณะแห่ง กุศล แต่อัพยากตธรรมของสัตว์เหล่านั้นย่อมดับไปก็หาไม่ ในปัญจโวการภูมิ อกุศลธรรมของสัตว์เหล่านั้น ย่อมดับไป และอัพยากตธรรมก็ย่อมดับไป ใน ภังคขณะแห่งอกุศล หรือว่า อัพยากตธรรมของสัตว์ใด ย่อมดับไป อกุศลธรรม ของสัตว์นั้น ย่อมดับไป อัพยากตธรรมของสัตว์เหล่านั้น คือ สัตว์ทั้งหมด ที่กำลังจุติอยู่ ย่อม ดับไป ในภังคขณะแห่งกุศลวิปปยุตตจิต ในปวัตติกาล แต่อกุศลธรรมของสัตว์ เหล่านั้น ย่อมดับไปก็หาไม่ ในปัญจโวการภูมิ อัพยากตธรรมย่อมดับไป และ อกุศลธรรมย่อมดับไป ในภังคขณะแห่งอกุศล [๑๙๓] กุศลธรรมในภูมิใด ย่อมดับไป อกุศลธรรมในภูมินั้น ย่อมดับไปหรือ ถูกแล้ว หรือว่า อกุศลธรรมในภูมิใด ย่อมดับไป กุศลธรรมในภูมิ นั้น ย่อมดับไป ถูกแล้ว [๑๙๔] กุศลธรรมในภูมิใด ย่อมดับไป อัพยากตธรรม ในภูมินั้น ย่อมดับไปหรือ ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมในภูมิใด ย่อมดับไป กุศลธรรม ในภูมินั้น ย่อมดับไป อัพยากตธรรมย่อมดับไปในภูมินั้น ซึ่งเป็นอสัญญสัตตภูมิ แต่กุศลธรรม ย่อมดับไปในภูมินั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมย่อมเกิดขึ้น และกุศลธรรมก็ย่อม เกิดขึ้น ในภูมินั้น ซึ่งเป็นจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ [๑๙๕] อกุศลธรรมย่อมดับไปในภูมิใด อัพยากตธรรมย่อม ดับไปในภูมินั้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า อัพยากตธรรมย่อมดับไป ในภูมิใด อกุศลธรรมย่อม ดับไปในภูมินั้น อัพยากตธรรมย่อมดับไปในภูมินั้น ซึ่งเป็นอสัญญสัตตภูมิ แต่อกุศล- *ธรรมย่อมดับไปในภูมินั้นก็หาไม่ อัพยากตธรรมย่อมดับไป และอกุศลธรรม ก็ย่อมดับไปในภูมินั้น ซึ่งเป็นจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ [๑๙๖] กุศลธรรมของสัตว์ใด ในภูมิใด ย่อมดับไป อกุศล- *ธรรมของสัตว์นั้น ในภูมินั้น ย่อมดับไปหรือ หามิได้ หรือว่า อกุศลธรรมของสัตว์ใด ในภูมิใด ย่อมดับไป กุศล- *ธรรมของสัตว์นั้น ในภูมินั้น ย่อมดับไป หามิได้ [๑๙๗] กุศลธรรมของสัตว์ใด ในภูมิใด ย่อมดับไป อัพยากต- *ธรรมของสัตว์นั้น ในภูมินั้น ย่อมดับไปหรือ ในอรูปภูมิ ในภังคขณะแห่งกุศล กุศลธรรมของสัตว์เหล่านั้น ใน ภูมินั้น ย่อมดับไป แต่อัพยากตธรรมของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นย่อมดับไป ก็หาไม่ ในปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่งกุศล กุศลธรรมของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ย่อมดับไป และอัพยากตธรรมก็ย่อมดับไป หรือว่า อัพยากตธรรมของสัตว์ใด ในภูมิใด ย่อมดับไป กุศลธรรมของสัตว์นั้น ในภูมินั้น ย่อมดับไป อัพยากตธรรมของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือ สัตว์ทั้งหมดที่กำลังจุติอยู่ ในภังคขณะแห่งกุศลวิปปยุตตจิต ในปวัตติกาล ย่อมดับไป แต่กุศลธรรม ของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ย่อมดับไปก็หาไม่ ในปัญจโวการภูมิ ใน ภังคขณะแห่งกุศล อัพยากตธรรมของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ย่อมดับไป และกุศลธรรมก็ย่อมดับไป [๑๙๘] อกุศลธรรมของสัตว์ใด ในภูมิใด ย่อมดับไป อัพยากตธรรมของสัตว์นั้น ในภูมินั้น ย่อมดับไปหรือ ในอรูปภูมิ ในภังคขณะแห่งอกุศล อกุศลธรรมของสัตว์เหล่านั้น ใน ภูมินั้น ย่อมดับไป แต่อัพยากตธรรมของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นย่อมดับไป ก็หาไม่ ในปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่งอกุศล อกุศลธรรมของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ย่อมดับไป อัพยากตธรรมก็ย่อมดับไป หรือว่า อัพยากตธรรมของสัตว์ใด ในภูมิใด ย่อมดับไป อกุศลธรรมของสัตว์นั้น ในภูมินั้น ย่อมดับไป อัพยากตธรรมของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือ ผู้กำลังจุติอยู่ในภังคขณะ แห่งอกุศลวิปปยุตตจิต ในปวัตติกาล ย่อมดับไป แต่อกุศลธรรมของสัตว์ เหล่านั้น ในภูมินั้น ย่อมดับไปก็หาไม่ ในปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่ง อกุศล อัพยากตธรรมของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ย่อมดับไป และอกุศลธรรม ก็ย่อมดับไป [๑๙๙] กุศลธรรมของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป อกุศลธรรมของ สัตว์นั้น ย่อมไม่ดับไปหรือ ในภังคขณะแห่งอกุศล กุศลธรรมของสัตว์เหล่านั้น ย่อมไม่ดับไป แต่อกุศลธรรมของสัตว์เหล่านั้น ย่อมไม่ดับก็หาไม่ กุศลธรรมของสัตว์เหล่านั้น คือ สัตว์ทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในภังคขณะแห่งกุศลวิปปยุตตจิต และ อกุศลวิปปยุตตจิต ผู้เข้านิโรธ และอสัญญสัตว์ ย่อมไม่ดับไป และอกุศลธรรม ก็ย่อมไม่ดับไป หรือว่า อกุศลธรรมของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป กุศลธรรม ของสัตว์นั้น ย่อมไม่ดับไป ในภังคขณะแห่งกุศล อกุศลธรรมของสัตว์เหล่านั้น ย่อมไม่ดับไป แต่กุศลธรรมของสัตว์เหล่านั้น ย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ อกุศลธรรมของสัตว์ เหล่านั้น คือ สัตว์ทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในภังคขณะแห่งอกุศล- *วิปปยุตตจิต และกุศลวิปปยุตตจิต ผู้เข้านิโรธ และอสัญญสัตว์ ย่อมดับไป และกุศลธรรมก็ย่อมดับไป [๒๐๐] กุศลธรรมของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป อัพยากตธรรม ของสัตว์นั้น ย่อมไม่ดับไปหรือ กุศลธรรมของสัตว์เหล่านั้น คือ สัตว์ทั้งหมดที่กำลังจุติอยู่ ในภังคขณะ แห่งกุศลวิปปยุตตจิต ในปวัตติกาล ย่อมไม่ดับไป แต่อัพยากตธรรมของสัตว์ เหล่านั้น ย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ กุศลธรรมของสัตว์เหล่านั้น คือสัตว์ทั้งปวง ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในอรูปภูมิ ในภังคขณะ แห่งกุศล ย่อมไม่ดับไป และอัพยากตธรรมก็ย่อมไม่ดับไป หรือว่า อัพยากตธรรมของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป กุศลธรรม ของสัตว์นั้น ย่อมไม่ดับไป ในอรูปภูมิ ในภังคขณะแห่งกุศล อัพยากตธรรมของสัตว์เหล่านั้น ย่อมไม่ดับไป แต่กุศลธรรมของสัตว์เหล่านั้น ย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ อัพยากต- *ธรรมของสัตว์เหล่านั้น คือสัตว์ทั้งปวงที่กำลังจุติอยู่ในอุปปาทขณะแห่งจิต ใน ปวัตติกาล ในอรูปภูมิ ในภังคขณะแห่งอกุศล ย่อมไม่ดับไป และกุศลธรรม ก็ย่อมไม่ดับไป

             เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๙ บรรทัดที่ ๑-๒๑๐๔ หน้าที่ ๑-๘๖. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=39&A=1&Z=2104&pagebreak=0 https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=39&item=1&items=1454              อ่านโดยใช้เครื่องหมาย [เลขข้อ] เป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :- https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=39&item=1&items=1454&mode=bracket              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item.php?book=39&item=1&items=1454              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรโรมัน :- https://84000.org/tipitaka/read/roman_item.php?book=39&item=1&items=1454              ศึกษาอรรถกถานี้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=39&i=1              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๙ https://84000.org/tipitaka/read/?index_39 https://84000.org/tipitaka/english/?index_39

แสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย

บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]