ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
 ฉบับหลวง   บาลีอักษรไทย    PaliRoman 
อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก
ยาคุทายกเถราปทานที่ ๘
ว่าด้วยผลแห่งการถวายข้าวต้ม
[๘] ครั้งนั้น เราได้พาแขกมาบ้าน เห็นแม่น้ำที่เต็มฝั่ง จึงเข้าไปสู่ สังฆาราม ภิกษุทั้งหลายเป็นผู้ถืออยู่ป่าเป็นวัตร รักษาธุดงค์ ยินดี ในฌาน มีจีวรเศร้าหมอง ชอบสงัด เป็นนักปราชญ์ ท่านกำลัง อยู่ในสังฆาราม ท่านเหล่านั้นผู้หลุดพ้นดีแล้ว เป็นผู้คงที่ ได้ตัด คติเสียแล้ว ในเวลาที่แม่น้ำถูกกั้นด้วยน้ำ ท่านไปบิณฑบาตไม่ได้ เรามีจิตเลื่อมใสโสมนัส เกิดปีติปราโมทย์ ประนมกรอัญชลี ประคองข้าวสาร ถวายยาคุทานแล้ว เราเลื่อมใส ถวายข้าวยาคู ที่เราต้มด้วยมือทั้งสองของตน ปรารภแต่เฉพาะกรรมของตัว ได้ไป ถึงดาวดึงสพิภพแล้ว วิมานที่สำเร็จด้วยแก้วมณี ได้เกิดแก่เราใน หมู่ไตรทศ เราประกอบด้วยหมู่เทพนารี บันเทิงอยู่ในวิมานอัน อุดม เราได้เป็นจอมเทพยดาเสวยราชสมบัติในเทวโลก ๓๓ ครั้ง ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิเสวยราชสมบัติใหญ่ ๓๐ ครั้ง ได้เป็นพระเจ้า ประเทศราชอันไพบูลย์โดยคณนานับมิได้ เสวยยศ ในเทวโลก บ้าง ในมนุษย์บ้าง เมื่อถึงภพที่สุด เราได้ออกบวชเป็นบรรพชิต ได้ละทิ้งสมบัติทุกอย่าง พร้อมกับผมที่ถูกโกน เราพิจารณาร่างกาย โดยความสิ้นไปและความเสื่อมไป ก็ได้บรรลุอรหัตก่อนให้สิกขา ทานอันประเสริฐเกิดแต่มือ ซึ่งเราประกอบดีแล้ว ชื่อว่าเป็นอันให้ดี แล้ว เพราะข้าวยาคูนั้นนั่นเอง เราจึงได้บรรลุบทอันไม่หวั่นไหว เราไม่รู้สึกว่า ความโศก ความร่ำไร ความป่วยไข้ ความกระวน กระวาย ความเดือดร้อนใจเกิดขึ้นเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายข้าว ยาคู เราได้ถวายข้าวยาคูแก่สงฆ์ในบุญเขตอันยอดเยี่ยม ย่อมได้ เสวยอานิสงส์ ๕ ประการ เพราะเราเป็นผู้ถวายข้าวยาคูดีหนอ คือความเป็นผู้ไม่มีพยาธิ ๑ ความเป็นผู้มีรูปสวย ๑ ความเป็นผู้ได้ ตรัสรู้ธรรมได้เร็วพลัน ๑ ความเป็นผู้ได้ข้าวและน้ำ ๑ และอายุ เป็นที่ ๕ ผู้ใดผู้หนึ่ง เมื่อจะให้เกิดโสมนัส ผู้นั้นควรถวายข้าวยาคู ในสงฆ์ บัณฑิตพึงถือเอาเฉพาะฐานะ ๕ ประการนี้ เราทำกิจที่ ควรทำทุกอย่างแล้ว เพิกถอนภพทั้งหลายแล้ว อาสวะสิ้นไปหมด แล้ว บัดนี้ภพใหม่ไม่มีอีก เราจักเที่ยวไปนมัสการพระสัมพุทธเจ้า และพระธรรมอันดี จากบ้านหนึ่งยังบ้านหนึ่ง จากบุรีหนึ่งยังบุรีหนึ่ง ในกัปที่สามหมื่น เราได้ถวายทานใดในกาลนั้น ด้วยทานนั้น เรา ไม่รู้ทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายข้าวยาคู เราเผากิเลสทั้งหลาย แล้ว ... พระพุทธศาสนา เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระยาคุทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ ยาคุทายกเถราปทาน


             เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ บรรทัดที่ ๒๘๓-๓๑๘ หน้าที่ ๑๒-๑๓. http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=33&A=283&Z=318&pagebreak=0 http://84000.org/tipitaka/read/byitem_s.php?book=33&item=8&items=1              อ่านโดยใช้เครื่องหมาย [เลขข้อ] เป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :- http://84000.org/tipitaka/read/byitem_s.php?book=33&item=8&items=1&mode=bracket              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลี อักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=33&item=8&items=1              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับภาษาบาลีอักษรโรมัน :- http://84000.org/tipitaka/read/roman_item_s.php?book=33&item=8&items=1              ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33&i=8              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ http://84000.org/tipitaka/read/?index_33

อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย

บันทึก ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :