ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
 ฉบับหลวง   บาลีอักษรไทย    PaliRoman 
อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๓ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๑๐ ปัฏฐานปกรณ์ ภาค ๔
             [๓๒๑] ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยเหตุปัจจัย
             คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐาน-
*รูปทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยเหตุปัจจัย คือ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
             ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทาธรรม โดยเหตุปัจจัย
             คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลายที่เป็น
อุปาทาธรรม โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
             ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทาธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม
โดยเหตุปัจจัย
             คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป
ทั้งหลายที่เป็นอุปาทาธรรม และไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
             [๓๒๒] อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอารัมมณปัจจัย
             คือ จักขุ ฯลฯ กาย ฯลฯ รูป ฯลฯ รส ฯลฯ บุคคลพิจารณาเห็น
หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสเกิดขึ้น
             บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
             รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ รสายตนะ เป็นปัจจัยแก่ชิวหาวิญญาณ โดย
อารัมมณปัจจัย
             ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ
แก่อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ โดยอารัมมณปัจจัย.
             ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอารัมมณปัจจัย
             คือ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ บุคคลกระทำอุโบสถกรรม แล้วพิจารณาซึ่งกุศลธรรมนั้น
ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภกุศลธรรมนั้น ราคะเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัสเกิดขึ้น
             กุศลที่ได้สร้างไว้ในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌาน ฯลฯ
             พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค แล้วพิจารณามรรค ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ
             นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่โวทาน แก่มรรค แก่ผล แก่อาวัชชนะ โดย
อารัมมณปัจจัย
             พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ได้ละแล้ว กิเลสที่ข่มแล้ว กิเลสที่เคยเกิดขึ้นในกาล
ก่อน ฯลฯ โผฏฐัพพะ ฯลฯ
             บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ
โทมนัสเกิดขึ้น
             บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยเจโตปริยญาณ
             อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เป็นปัจจัย
แก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ โดยอารัมมณปัจจัย
             ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโตปริยญาณ แก่
บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมุปคญาณ แก่อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ โดยอารัมมณ-
*ปัจจัย.
             [๓๒๓] อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอธิปติปัจจัย
             มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ จักขุ ฯลฯ กาย รูป รส ฯลฯ บุคคลกระทำ
หทัยวัตถุให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักขุ
เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะเกิดขึ้น ทิฏฐิเกิดขึ้น.
             ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอธิปติปัจจัย
             มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ.
             ที่เป็นอารัมมณาธิปติ ได้แก่ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ บุคคลกระทำอุโบสถกรรมแล้ว
กระทำกุศลธรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง
เพราะกระทำกุศลธรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น  ราคะเกิดขึ้น ทิฏฐิเกิดขึ้น
             กุศลธรรมที่สั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌาน ฯลฯ
             พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว ทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ  ผล ฯลฯ
นิพพาน ฯลฯ
             นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่โวทาน แก่มรรค แก่ผล โดยอธิปติปัจจัย
             โผฏฐัพพะ ฯลฯ บุคคลกระทำขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรมให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น แล้วย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
ราคะเกิดขึ้น ทิฏฐิเกิดขึ้น.
             ที่เป็นสหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอธิปติปัจจัย.
             ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทาธรรม โดยอธิปติปัจจัย
             มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัย
แก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลายที่เป็นอุปาทาธรรม โดยอธิปติปัจจัย.
             ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทาธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดย
อธิปติปัจจัย
             มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอุปาทาธรรม และไม่ใช่อุปาทาธรรม โดย
อธิปติปัจจัย.
             [๓๒๔] ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอนันตร-
*ปัจจัย
             คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่
อุปาทาธรรม ที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย
             อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่ผลสมาบัติ โดยอนันตรปัจจัย.
             ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยสมนันตรปัจจัย
             ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยสหชาตปัจจัย เหมือนกับปฏิจจวาร.
             ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยอัญญมัญญปัจจัย เหมือนกับปฏิจจวาร.
             ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยนิสสยปัจจัย
             ในปัจจยวาร เหมือนกับนิสสยวาร.
             [๓๒๕] อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย
             มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ
             ฯลฯ ที่เป็นปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยซึ่งความถึงพร้อมด้วยจักขุ ฯลฯ
ซึ่งความถึงพร้อมด้วยกาย ซึ่งความถึงพร้อมด้วยวรรณะ ซึ่งความถึงพร้อมด้วยคันธะ ซึ่งความถึง
พร้อมด้วยรส ฯลฯ ซึ่งโภชนะ แล้วให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์
             ความถึงพร้อมด้วยจักขุ ฯลฯ ความถึงพร้อมด้วยกาย ฯลฯ ความถึงพร้อมด้วยวรรณะ
ความถึงพร้อมด้วยคันธะ ความถึงพร้อมด้วยรส ฯลฯ โภชนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา แก่ผลสมาบัติ
โดยอุปนิสสยปัจจัย.
             ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย
             มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ
             ฯลฯ ที่เป็นปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธา แล้วให้ทาน ฯลฯ ยัง
สมาบัติให้เกิด ก่อมานะ ถือทิฏฐิ
             ศีล ฯลฯ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย
ฤดู ฯลฯ เสนาสนะ แล้วให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์
             ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ โดยอุปนิสสยปัจจัย.
             [๓๒๖] อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย
             มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาต วัตถุปุเรชาต.
             ที่เป็นอารัมมณปุเรชาต ได้แก่ บุคคลพิจารณาเห็นจักขุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็น
ของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสเกิดขึ้น
             บุคคลเห็นรูป ด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
             รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ รสายตนะเป็นปัจจัยแก่ชิวหาวิญญาณ.
             ที่เป็นวัตถุปุเรชาต ได้แก่ จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ กายายตนะ ฯลฯ
หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย.
             ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย
             มีอย่างเดียวคือ อารัมมณปุเรชาต ได้แก่ บุคคลพิจารณาเห็นโผฏฐัพพะ โดยความเป็น
ของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสเกิดขึ้น
             โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ โดยปุเรชาตปัจจัย.
             อุปาทาธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดย
ปุเรชาตปัจจัย
             มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาต วัตถุปุเรชาต.
             คือ โผฏฐัพพายตนะ และหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดย
ปุเรชาตปัจจัย
             โผฏฐัพพายตนะ และกายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ โดยปุเรชาตปัจจัย.
             [๓๒๗] ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดย
ปัจฉาชาตปัจจัย
             คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายที่ไม่ใช่อุปาทา-
*ธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยปัจฉาชาตปัจจัย.
พึงถามถึงมูล
ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็นอุปาทาธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยปัจฉาชาตปัจจัย.
พึงถามถึงมูล
ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็นอุปาทาธรรม และกายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยปัจฉาชาตปัจจัย. ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยอาเสวนปัจจัย. [๓๒๘] ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดย กัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต นานาขณิก. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ เจตนาที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ. ที่เป็นนานาขณิก ได้แก่ เจตนาที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ กฏัตตารูปทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยกัมมปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทาธรรม โดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต นานาขณิก. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ เจตนาที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป ทั้ง หลายที่เป็นอุปาทาธรรม โดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ. ที่เป็นนานาขณิก ได้แก่ เจตนาที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่ เป็นอุปาทาธรรม โดยกัมมปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทาธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดย กัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต นานาขณิก. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ เจตนาที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต- *สมุฏฐานรูปทั้งหลายที่เป็นอุปาทาธรรม และที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ. ที่เป็นนานาขณิก ได้แก่ เจตนาที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นอุปาทาธรรม และไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยกัมมปัจจัย. [๓๒๙] ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดย วิปากปัจจัย คือ ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัย แก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ปฏิสนธิ มี ๓ นัย. [๓๓๐] อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทาธรรม โดยอาหารปัจจัย คือ กวฬิงการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็นอุปาทาธรรมนี้ โดยอาหารปัจจัย.
พึงถามถึงมูล
กวฬิงการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรมนี้ โดยอาหารปัจจัย.
พึงถามถึงมูล
กวฬิงการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็นอุปาทาธรรม และไม่ใช่อุปาทาธรรมนี้ โดย อาหารปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอาหารปัจจัย คือ อาหารที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอาหารปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ในธรรมที่มีธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นมูล มี ๓ นัย ปฏิสนธิ [๓๓๑] อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทาธรรม โดยอินทริยปัจจัย คือ รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทาธรรม โดยอินทริยปัจจัย.
พึงถามถึงมูล
จักขุนทรีย์ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ กายินทรีย์ ฯลฯ รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่ กฏัตตารูปทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอินทริยปัจจัย.
พึงถามถึงมูล
รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นอุปาทาธรรม และไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอินทริยปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอินทริยปัจจัย มี ๓ นัย ปฏิสนธิ. อุปาทาธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดย อินทริยปัจจัย คือ จักขุนทรีย์ และจักขุวิญญาณ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ โดยอินทริยปัจจัย กายินทรีย์ ฯลฯ. [๓๓๒] ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดย ฌานปัจจัย มี ๓ นัย. ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยมัคคปัจจัย มี ๓ นัย พึงกระทำถึงปฏิสนธิ. ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ นัย. [๓๓๓] อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ อุปาทาธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย. ที่เป็นปุเรชาต ได้แก่ จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ กายายตนะ ฯลฯ หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปัจฉาชาต. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่ ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่กายที่ไม่ใช่ อุปาทาธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยวิปปยุตตปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทาธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปัจฉาชาต. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป ทั้งหลายที่เป็นอุปาทาธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็น อุปาทาธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยวิปปยุตตปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทาธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดย วิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปัจฉาชาต. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป ทั้งหลายที่เป็นอุปาทาธรรม และไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็น อุปาทาธรรม และไม่ใช่อุปาทาธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยวิปปยุตตปัจจัย. [๓๓๔] อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทาธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อาหาร อินทรีย์. ได้แก่ กพฬิงการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็น อุปาทาธรรมนี้ โดยอินทริยปัจจัย รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นอุปาทาธรรม โดยอัตถิปัจจัย. อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๔ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต อาหาร อินทรีย์. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่ไม่ใช่ อุปาทาธรรม โดยอัตถิปัจจัย. ที่เป็นปุเรชาต ได้แก่ บุคคลพิจารณาเห็นจักขุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ. ฯลฯ เหมือนกับปุเรชาต ไม่มีแตกต่างกัน. กวฬิงการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรมนี้ โดยอัตถิปัจจัย รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอัตถิปัจจัย. อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทาธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อาหาร อินทรีย์. คือ กวฬิงการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็นอุปาทาธรรม และไม่ใช่อุปาทาธรรมนี้ โดย อัตถิปัจจัย รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นอุปาทาธรรมและไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอัตถิปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต ปัจฉาชาต. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต- *สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ มหาภูตรูป ๑ เป็นปัจจัยแก่มหาภูตรูป ๓ โดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ เป็นปัจจัยแก่ มหาภูตรูป ๒ โดยอัตถิปัจจัย ตลอดถึงอสัญญสัตว์. ที่เป็นปุเรชาต ได้แก่ บุคคลพิจารณาเห็นโผฏฐัพพะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสเกิดขึ้น โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ โดยอัตถิปัจจัย. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่กายที่ไม่ใช่ อุปาทาธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยอัตถิปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทาธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปัจฉาชาต. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป ทั้งหลาย ที่เป็นอุปาทาธรรม โดยอัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็น อุปาทาธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยอัตถิปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทาธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปัจฉาชาต. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต- *สมุฏฐานรูปทั้งหลายที่เป็นอุปาทาธรรม และไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็น อุปาทาธรรม และไม่ใช่อุปาทาธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยอัตถิปัจจัย. อุปาทาธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทาธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ ปัจฉาชาต อาหาร อินทรีย์. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม และกวฬิงการาหาร เป็น ปัจจัยแก่กายที่เป็นอุปาทาธรรม โดยอัตถิปัจจัย. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม และรูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัย แก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นอุปาทาธรรม โดยอัตถิปัจจัย. อุปาทาธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดย อัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต ปัจฉาชาต อาหาร อินทรีย์. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ และจักขายตนะเป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ ๓ โดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๑ ที่ ไม่ใช่อุปาทาธรรม และหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม และ หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ ๓ โดยอัตถิปัจจัย. ที่เป็นปุเรชาต ได้แก่ โผฏฐัพพายตนะ และ หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอัตถิปัจจัย คือ โผฏฐัพพายตนะ และ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่ กายวิญญาณ โดยอัตถิปัจจัย. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม และกวฬิงการาหารเป็นปัจจัย แก่กายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรมนี้ โดยอัตถิปัจจัย. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม และรูปชีวิตินทรีย์ เป็น ปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอัตถิปัจจัย. อุปาทาธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทาธรรม และธรรม ที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ ปัจฉาชาต อาหาร อินทรีย์. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม และกวฬิงการาหาร เป็น ปัจจัยแก่กายที่เป็นอุปาทาธรรม และไม่ใช่อุปาทาธรรมนี้ โดยอัตถิปัจจัย. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม และ รูปชีวิตินทรีย์ เป็น ปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นอุปาทาธรรม และไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอัตถิปัจจัย. [๓๓๕] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๓ ในอารัมมณปัจจัย มี " ๒ ในอธิปติปัจจัย มี " ๔ ในอนันตรปัจจัย มีวาระ ๑ ในสมนันตรปัจจัย มี " ๑ ในสหชาตปัจจัย มี " ๕ ในอัญญมัญญปัจจัย มี " ๕ ในนิสสยปัจจัย มี " ๕ ในอุปนิสสยปัจจัย มี " ๒ ในปุเรชาตปัจจัย มี " ๓ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี " ๓ ในอาเสวนปัจจัย มี " ๑ ในกัมมปัจจัย มี " ๓ ในวิปากปัจจัย มี " ๓ ในอาหารปัจจัย มี " ๖ ในอินทริยปัจจัย มี " ๗ ในฌานปัจจัย มี " ๓ ในมัคคปัจจัย มี " ๓ ในสัมปยุตตปัจจัย มี " ๑ ในวิปปยุตตปัจจัย มี " ๔ ในอัตถิปัจจัย มี " ๙ ในนัตถิปัจจัย มี " ๑ ในวิคตปัจจัย มี " ๑ ในอวิคตปัจจัย มี " ๙. [๓๓๖] อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทาธรรม โดยอาหารปัจจัย เป็นปัจจัยโดย อินทริยปัจจัย อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัยโดย สหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดย อาหารปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอินทริยปัจจัย. อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทาธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอาหารปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอินทริยปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย เป็น ปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยกัมมปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทาธรรม โดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดย ปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยกัมมปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทาธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดย สหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยกัมมปัจจัย. อุปาทาธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทาธรรม โดยปัจฉาชาต- *ปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอินทริยปัจจัย. อุปาทาธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดย สหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดย อาหารปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอินทริยปัจจัย. อุปาทาธรรม และ ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทาธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทาธรรม และธรรมที่ ไม่ใช่อุปาทาธรรม โดยปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอินทริยปัจจัย. [๓๓๗] ในปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีวาระ ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย มี " ๙ ในปัจจัยทั้งปวง มี " ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย มี " ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย มี " ๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อัตถิปัจจัย มี " ๔ ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย มี " ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย มี " ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อวิคตปัจจัย มี " ๔. [๓๓๘] ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มีวาระ ๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อธิปติปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สมนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อัญญมัญญปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อุปนิสสยปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในปัจจัยทั้งปวง กับ ฯลฯ มี " ๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓. [๓๓๙] ในอารัมมณปัจจัยกับปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีวาระ ๒ ในอธิปติปัจจัย กับ ฯลฯ มีวาระ ๔ ฯลฯ.
พึงจำแนกอนุโลมมาติกาให้พิสดาร.
ในอวิคตปัจจัย กับปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีวาระ ๙.
อุปาทาทุกะ จบ
อุปาทินนทุกะ
ปัจจยวาร


             เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๓ บรรทัดที่ ๕๒๕๐-๕๕๘๘ หน้าที่ ๒๐๕-๒๑๘. http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=43&A=5250&Z=5588&pagebreak=0 http://84000.org/tipitaka/read/byitem_s.php?book=43&item=321&items=19&mode=bracket              อ่านโดยใช้เนื้อความเป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :- http://84000.org/tipitaka/read/byitem_s.php?book=43&item=321&items=19              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลี อักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=43&item=321&items=19&mode=bracket              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับภาษาบาลีอักษรโรมัน :- http://84000.org/tipitaka/read/roman_item_s.php?book=43&item=321&items=19&mode=bracket              ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=43&i=321              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๓ http://84000.org/tipitaka/read/?index_43

อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย

บันทึก ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :