ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๖ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๓ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ธาตุกถา-ปุคคลบัญญัติปกรณ์

พระอภิธรรมปิฎก ธาตุกถา [๑๐. ทสมนัย]

๑๐. วิปปยุตเตนวิปปยุตตปทนิทเทส

๑๐. ทสมนัย
๑๐. วิปปยุตเตนวิปปยุตตปทนิทเทส
[๓๕๓] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากรูปขันธ์ สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจาก สภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ อายตนะ และธาตุเท่าไร สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๔ อายตนะ ๑ ธาตุ ๗ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๕๔] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ มนายตนะ สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรม เหล่านั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๐ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๕๕] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากจักขายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ จักขุ- ธาตุ ฯลฯ โผฏฐัพพธาตุ สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๔ อายตนะ ๑ ธาตุ ๗ และวิปปยุต จากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๕๖] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากจักขุวิญญาณธาตุ ฯลฯ มโนธาตุ มโน- วิญญาณธาตุ สมุทยสัจ มัคคสัจ สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจาก สภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๖ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๕๗] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากนิโรธสัจ จักขุนทรีย์ ฯลฯ กายินทรีย์ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๔ อายตนะ ๑ ธาตุ ๗ และวิปปยุต จากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๖ หน้า : ๙๐}

พระอภิธรรมปิฎก ธาตุกถา [๑๐. ทสมนัย]

๑๐. วิปปยุตเตนวิปปยุตตปทนิทเทส

[๓๕๘] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากมนินทรีย์ สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจาก สภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๐ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๕๙] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสุขินทรีย์ ทุกขินทรีย์ โสมนัสสินทรีย์ โทมนัสสินทรีย์ สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๖ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๖๐] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากอุเปกขินทรีย์ สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุต จากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๑ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๖๑] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ อัญญินทรีย์ อัญญาตาวินทรีย์ อวิชชา สังขารที่เกิดเพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย สภาว- ธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๖ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๖๒] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากวิญญาณที่เกิดเพราะมีสังขารเป็นปัจจัย ผัสสะที่เกิดเพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย เวทนาที่เกิดเพราะมีผัสสะเป็น ปัจจัย สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๐ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๖๓] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากตัณหาที่เกิดเพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย อุปาทานที่เกิดเพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย กัมมภพ สภาวธรรมเหล่าใด วิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๖ หน้า : ๙๑}

พระอภิธรรมปิฎก ธาตุกถา [๑๐. ทสมนัย]

๑๐. วิปปยุตเตนวิปปยุตตปทนิทเทส

สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๖ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๖๔] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากรูปภพ สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจาก สภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นไม่มีขันธ์และอายตนะเหล่าไหนที่จะวิปปยุต แต่ วิปปยุตจากธาตุ ๓ [๓๖๕] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากอสัญญาภพ เอกโวการภพ ปริเทวะ สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๔ อายตนะ ๑ ธาตุ ๗ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๖๖] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากอรูปภพ เนวสัญญานาสัญญาภพ จตุ- โวการภพ โสกะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส สติปัฏฐาน สัมมัปปธาน อิทธิบาท ฌาน อัปปมัญญา อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘ สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๖ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๖๗] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา จิต มนสิการ สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๐ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๖๘] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากอธิโมกข์ สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจาก สภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๕ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๖ หน้า : ๙๒}

พระอภิธรรมปิฎก ธาตุกถา [๑๐. ทสมนัย]

๑๐. วิปปยุตเตนวิปปยุตตปทนิทเทส ๑. ติกะ

๑. ติกะ
[๓๖๙] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็น อกุศล สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๖ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๗๐] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนา สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยทุกขเวทนา สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจาก สภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๕ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๗๑] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๑ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๗๒] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่เป็นวิบาก สภาวธรรม เหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๐ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๗๓] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่เป็นเหตุให้เกิดวิบาก สภาวธรรมที่กิเลสทำให้เศร้าหมองและเป็นอารมณ์ของกิเลส สภาวธรรม เหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๖ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๖ หน้า : ๙๓}

พระอภิธรรมปิฎก ธาตุกถา [๑๐. ทสมนัย]

๑๐. วิปปยุตเตนวิปปยุตตปทนิทเทส ๑. ติกะ

[๓๗๔] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่ไม่เป็นวิบากและไม่เป็นเหตุให้ เกิดวิบาก สภาวธรรมที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือ แต่เป็นอารมณ์ของอุปาทาน สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรม เหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นไม่มีขันธ์และอายตนะเหล่าไหนที่จะวิปปยุต แต่ วิปปยุตจากธาตุ ๕ [๓๗๕] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหา และทิฏฐิไม่ยึดถือและไม่เป็นอารมณ์ของอุปาทาน สภาวธรรมที่กิเลส ไม่ทำให้เศร้าหมองและไม่เป็นอารมณ์ของกิเลส สภาวธรรมเหล่าใด วิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นไม่มีขันธ์และอายตนะเหล่าไหนที่จะวิปปยุต แต่ วิปปยุตจากธาตุ ๖ [๓๗๖] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่มีทั้งวิตกและวิจาร สภาว- ธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๕ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๗๗] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่ไม่มีวิตกมีเพียงวิจาร สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๖ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๗๘] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นไม่มีขันธ์และอายตนะเหล่าไหนที่จะวิปปยุต แต่ วิปปยุตจากธาตุ ๑ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๖ หน้า : ๙๔}

พระอภิธรรมปิฎก ธาตุกถา [๑๐. ทสมนัย]

๑๐. วิปปยุตเตนวิปปยุตตปทนิทเทส ๑. ติกะ

[๓๗๙] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุข สภาวธรรม เหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๕ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๘๐] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขา สภาว- ธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๑ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๘๑] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติ- มรรค สภาวธรรมที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ สภาวธรรมที่มี เหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรค สภาวธรรมที่มีเหตุต้องประหาณ ด้วยมรรคเบื้องบน ๓ สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้ถึงปฏิสนธิและจุติ สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้ถึงนิพพาน สภาวธรรมที่เป็นของเสขบุคคล สภาวธรรมที่เป็นของอเสขบุคคล สภาวธรรมที่เป็นมหัคคตะ สภาวธรรม เหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๖ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๘๒] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่เป็นอัปปมาณะ สภาวธรรม ชั้นประณีต สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นไม่มีขันธ์และอายตนะเหล่าไหนที่จะวิปปยุต แต่ วิปปยุตจากธาตุ ๖ [๓๘๓] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่มีปริตตะเป็นอารมณ์ สภาว- ธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๐ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๖ หน้า : ๙๕}

พระอภิธรรมปิฎก ธาตุกถา [๑๐. ทสมนัย]

๑๐. วิปปยุตเตนวิปปยุตตปทนิทเทส ๑. ติกะ

[๓๘๔] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่มีมหัคคตะเป็นอารมณ์ สภาว- ธรรมที่มีอัปปมาณะเป็นอารมณ์ สภาวธรรมชั้นต่ำ สภาวธรรมที่มีสภาวะ ผิดและให้ผลแน่นอน สภาวธรรมที่มีสภาวะชอบและให้ผลแน่นอน สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นอารมณ์ สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นเหตุ สภาวธรรม ที่มีมรรคเป็นอธิบดี สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๖ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๘๕] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้น สภาวธรรม เหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นไม่มีขันธ์และอายตนะเหล่าไหนที่จะวิปปยุต แต่ วิปปยุตจากธาตุ ๕ [๓๘๖] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่มีอดีตธรรมเป็นอารมณ์ สภาวธรรมที่มีอนาคตธรรมเป็นอารมณ์ สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจาก สภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๖ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๘๗] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่มีปัจจุบันธรรมเป็นอารมณ์ สภาวธรรมที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ สภาวธรรมที่มีธรรมภาย นอกตนเป็นอารมณ์ สภาวธรรมที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตน เป็นอารมณ์ สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๐ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๘๘] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่เห็นได้และกระทบได้ สภาว- ธรรมที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรม เหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๔ อายตนะ ๑ ธาตุ ๗ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๖ หน้า : ๙๖}

พระอภิธรรมปิฎก ธาตุกถา [๑๐. ทสมนัย]

๑๐. วิปปยุตเตนวิปปยุตตปทนิทเทส ๒. ทุกะ

๒. ทุกะ
[๓๘๙] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่เป็นเหตุ สภาวธรรมที่มีเหตุ สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยเหตุ สภาวธรรมที่เป็นเหตุและมีเหตุ สภาว- ธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุ สภาวธรรมที่เป็นเหตุและสัมปยุตด้วยเหตุ สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยเหตุแต่ไม่เป็นเหตุ สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่ มีเหตุ สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๖ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๙๐] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง สภาวธรรมที่ ไม่ถูกปัจจัยปรุงแต่ง สภาวธรรมที่เห็นได้ สภาวธรรมที่กระทบได้ สภาวธรรมที่เป็นรูป สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๔ อายตนะ ๑ ธาตุ ๗ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๙๑] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่เป็นโลกุตตระ สภาวธรรม เหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นไม่มีขันธ์และอายตนะเหล่าไหนที่จะวิปปยุต แต่ วิปปยุตจากธาตุ ๖ [๓๙๒] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่เป็นอาสวะ สภาวธรรมที่ สัมปยุตด้วยอาสวะ สภาวธรรมที่เป็นอาสวะและเป็นอารมณ์ของอาสวะ สภาวธรรมที่เป็นอาสวะและสัมปยุตด้วยอาสวะ สภาวธรรมที่สัมปยุต ด้วยอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะ สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรม เหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๖ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๖ หน้า : ๙๗}

พระอภิธรรมปิฎก ธาตุกถา [๑๐. ทสมนัย]

๑๐. วิปปยุตเตนวิปปยุตตปทนิทเทส ๒. ทุกะ

[๓๙๓] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ สภาวธรรมที่วิปปยุตจากอาสวะและไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ สภาวธรรม เหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นไม่มีขันธ์และอายตนะเหล่าไหนที่จะวิปปยุต แต่ วิปปยุตจากธาตุ ๖ [๓๙๔] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่เป็นสังโยชน์ สภาวธรรมที่ เป็นคันถะ สภาวธรรมที่เป็นโอฆะ สภาวธรรมที่เป็นโยคะ สภาวธรรม ที่เป็นนิวรณ์ สภาวธรรมที่เป็นปรามาส สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย ปรามาส สภาวธรรมที่เป็นปรามาสและเป็นอารมณ์ของปรามาส สภาว- ธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๖ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๙๕] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่ไม่เป็นอารมณ์ของปรามาส สภาวธรรมที่วิปปยุตจากปรามาสและไม่เป็นอารมณ์ของปรามาส สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นไม่มีขันธ์และอายตนะเหล่าไหนที่จะวิปปยุต แต่ วิปปยุตจากธาตุ ๖ [๓๙๖] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้ สภาวธรรม ที่เป็นจิต สภาวธรรมที่เป็นเจตสิก สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิต สภาวธรรมที่ระคนกับจิต สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็น สมุฏฐาน สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและเกิดพร้อม กับจิต สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและเป็นไปตามจิต สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๐ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๖ หน้า : ๙๘}

พระอภิธรรมปิฎก ธาตุกถา [๑๐. ทสมนัย]

๑๐. วิปปยุตเตนวิปปยุตตปทนิทเทส ๒. ทุกะ

[๓๙๗] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้ สภาว- ธรรมที่วิปปยุตจากจิต สภาวธรรมที่ระคนกับจิต สภาวธรรมที่เป็น อุปาทายรูป สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๔ อายตนะ ๑ ธาตุ ๗ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๓๙๘] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่กรรมอันประกอบด้วย ตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือ สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรม เหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นไม่มีขันธ์และอายตนะเหล่าไหนที่จะวิปปยุต แต่ วิปปยุตจากธาตุ ๕ [๓๙๙] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่เป็นอุปาทาน สภาวธรรมที่ เป็นกิเลส สภาวธรรมที่กิเลสทำให้เศร้าหมอง สภาวธรรมที่สัมปยุต ด้วยกิเลส สภาวธรรมที่เป็นกิเลสและเป็นอารมณ์ของกิเลส สภาวธรรม ที่เป็นกิเลสและกิเลสทำให้เศร้าหมอง สภาวธรรมที่กิเลสทำให้ เศร้าหมองแต่ไม่เป็นกิเลส สภาวธรรมที่เป็นกิเลสและสัมปยุตด้วยกิเลส สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยกิเลสแต่ไม่เป็นกิเลส สภาวธรรมเหล่าใด วิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๖ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๔๐๐] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่ไม่เป็นอารมณ์ของกิเลส สภาวธรรมที่วิปปยุตจากกิเลสและไม่เป็นอารมณ์ของกิเลส สภาวธรรม เหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นไม่มีขันธ์และอายตนะเหล่าไหนที่จะวิปปยุต แต่ วิปปยุตจากธาตุ ๖ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๖ หน้า : ๙๙}

พระอภิธรรมปิฎก ธาตุกถา [๑๐. ทสมนัย]

๑๐. วิปปยุตเตนวิปปยุตตปทนิทเทส ๒. ทุกะ

[๔๐๑] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติ- มรรค สภาวธรรมที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ สภาวธรรมที่มี เหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรค สภาวธรรมที่มีเหตุต้องประหาณ ด้วยมรรคเบื้องบน ๓ สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๖ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๔๐๒] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่มีวิตก สภาวธรรมที่มีวิจาร สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๕ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๔๐๓] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่ไม่มีวิตก สภาวธรรมที่ไม่มี วิจาร สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นไม่มีขันธ์และอายตนะเหล่าไหนที่จะวิปปยุต แต่ วิปปยุตจากธาตุ ๑ [๔๐๔] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่มีปีติ สภาวธรรมที่สหรคต ด้วยปีติ สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๖ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๔๐๕] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุข สภาวธรรม เหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๕ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๔๐๖] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขา สภาว- ธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๖ หน้า : ๑๐๐}

พระอภิธรรมปิฎก ธาตุกถา [๑๐. ทสมนัย]

รวมทบธรรมที่ไม่ได้ในทสมนัย ๑๒๓ บท

สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๑ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน [๔๐๗] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจร สภาวธรรม ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ สภาวธรรมที่ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า สภาวธรรม เหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นไม่มีขันธ์และอายตนะเหล่าไหนที่จะวิปปยุต แต่ วิปปยุตจากธาตุ ๖ [๔๐๘] สภาวธรรมเหล่าใดวิปปยุตจากสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจร สภาวธรรมที่ เป็นอรูปาวจร สภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ สภาวธรรม ที่ให้ผลแน่นอน สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ สภาวธรรมเหล่าใด วิปปยุตจากสภาวธรรมเหล่านั้น สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ อายตนะ และธาตุเท่าไร สภาวธรรมเหล่านั้นวิปปยุตจากขันธ์ ๑ อายตนะ ๑๐ ธาตุ ๑๖ และ วิปปยุตจากอายตนะ ๑ ธาตุ ๑ บางส่วน
รวมบทธรรมที่ไม่ได้ในทสมนัย ๑๒๓ บท
ธัมมายตนะ ๑ ธัมมธาตุ ๑ ทุกขสัจ ๑ ชีวิตินทรีย์ ๑ สฬายตนะ ๑ นามรูป ๑ ภพใหญ่ ๔ ชาติ ๑ ชรา ๑ มรณะ ๑ ในติกะ ๑๙ บท ในโคจฉกะ ๕๐ บท ในจูฬันตรทุกะ ๘ บท ในมหันตรทุกะ ๑๕ บท ต่อจากนั้นอีก ๑๘ บท (ในปิฏฐิทุกะ) บทธรรม ๑๒๓ บทนี้ไม่ได้ในทสมนัย
วิปปยุตเตนวิปปยุตตปทนิทเทสที่ ๑๐ จบ
{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๖ หน้า : ๑๐๑}


                  เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๓๖ หน้าที่ ๙๐-๑๐๑. http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=36&siri=11              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3], [4].                   อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=36&A=1482&Z=1711                   ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=36&i=349              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=36&item=349&items=56              อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=55&A=504              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=36&item=349&items=56              The Pali Atthakatha in Roman :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=55&A=504                   สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๖ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu36



บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :