ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๓ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๑๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ปัฏฐานปกรณ์ ภาค ๔
๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๐๑] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้ เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้ เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ใน ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (เหมือนกับปฏิจจวาร) (๑) สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็น ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปทำจิตให้เป็น ปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิ- ขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ) (๒) สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่มี จิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตและสัมปยุตตขันธ์ทำ หทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ มี ๒ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) (๓) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า : ๑๑๒}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร

[๒๐๒] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและ ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะพึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาร) (๑) สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มี จิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตทำขันธ์ที่มีจิตเป็น สมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๓ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาร) (๒) สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิต เป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตทำขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระเหมือนกับปฏิจจวาร) (๓)
อารัมมณปัจจัย
[๒๐๓] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้ เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็น ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็น ปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ จิตทำ หทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑) สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็น ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณทำ จักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณทำกายายตนะ ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น สัมปยุตตขันธ์ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่มีจิตเป็น สมุฏฐานทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ) (๒) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า : ๑๑๓}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร

สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่มี จิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณและ สัมปยุตตขันธ์ทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำกายายตนะ ฯลฯ จิตและ สัมปยุตตขันธ์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓) [๒๐๔] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและ ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ) (๑) สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มี จิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณทำ ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ จิตทำขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้ เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒) สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มี จิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจักขุวิญญาณทำขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและทำ จักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ ๒ และจิตทำขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓) (ย่อ)
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
[๒๐๕] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ (ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ) อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า : ๑๑๔}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๒๐๖] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย (พึงเพิ่มเป็น ๙ วาระทั้งหมดเหมือนกับ ปฏิจจวาร พึงเพิ่มปัญจวิญญาณ ๓ วาระเท่านั้นที่มีโมหะ)
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย
[๒๐๗] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ นอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ นอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ นสมนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ นอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ นอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ นฌานปัจจัย มี ๙ วาระ นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ นสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า : ๑๑๕}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ โนนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ โนวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ
(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และนิสสยวารพึงทำอย่างนี้)


                  เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๔๓ หน้าที่ ๑๑๒-๑๑๖. http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=43&siri=18              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2].                   อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=43&A=2524&Z=2606                   ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=43&i=0              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=43&item=161&items=5              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=43&item=161&items=5                   สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๓ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu43



บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :