ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑
ภิกษุเจ้าถิ่นกับภิกษุอาคันตุกะนับวันปวารณาต่างกัน
[๒๓๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็วันปวารณาของพวกภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนานี้เป็น ๑๔ ค่ำ ของพวกภิกษุอาคันตุกะเป็น ๑๕ ค่ำ. ถ้าพวกเจ้าถิ่นมีจำนวนมากกว่าพวกภิกษุอาคันตุกะพึงอนุวัตร พวกภิกษุเจ้าถิ่น. ถ้ามีจำนวนเท่ากัน พวกภิกษุอาคันตุกะพึงอนุวัตรพวกภิกษุเจ้าถิ่น. ถ้าพวกภิกษุ อาคันตุกะมีจำนวนมากกว่า. พวกภิกษุเจ้าถิ่นพึงอนุวัตรพวกภิกษุอาคันตุกะ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็วันปวารณาของพวกภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนานี้เป็น ๑๕ ค่ำ ของ พวกภิกษุอาคันตุกะเป็น ๑๔ ค่ำ. ถ้าพวกเจ้าถิ่นมีจำนวนมากกว่า พวกภิกษุอาคันตุกะพึง อนุวัตรพวกภิกษุเจ้าถิ่น. ถ้ามีจำนวนเท่ากัน พวกภิกษุอาคันตุกะพึงอนุวัตรพวกภิกษุเจ้าถิ่น. ถ้า พวกภิกษุอาคันตุกะมีจำนวนมากกว่า. พวกภิกษุเจ้าถิ่นพึงอนุวัตรพวกภิกษุอาคันตุกะ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง วันปวารณาของพวกภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนานี้เป็นวัน ๑ ค่ำ ของ พวกภิกษุอาคันตุกะเป็น ๑๕ ค่ำ. ถ้าพวกภิกษุเจ้าถิ่นมีจำนวนมากกว่า. พวกภิกษุเจ้าถิ่นไม่ปรารถนา ก็ไม่ให้ความสามัคคีแก่พวกภิกษุอาคันตุกะ. พวกภิกษุอาคันตุกะพึงไปปวารณานอกสีมาเถิด. ถ้ามีจำนวนเท่ากัน พวกภิกษุเจ้าถิ่นไม่ปรารถนาก็ไม่ต้องให้ความสามัคคีแก่พวกภิกษุอาคันตุกะ พวกภิกษุอาคันตุกะพึงไปปวารณานอกสีมาเถิด. ถ้าพวกภิกษุอาคันตุกะมีจำนวนมากกว่า พวกภิกษุ เจ้าถิ่นพึงให้ความสามัคคีแก่พวกภิกษุอาคันตุกะ หรือพึงไปเสียนอกสีมา. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง วันปวารณาของพวกภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนานี้เป็น ๑๕ ค่ำ ของ พวกภิกษุอาคันตุกะเป็น ๑ ค่ำ. ถ้าพวกภิกษุเจ้าถิ่นมีจำนวนมากกว่า พวกภิกษุอาคันตุกะพึงให้ ความสามัคคีแก่พวกภิกษุเจ้าถิ่น หรือพึงไปเสียนอกสีมา. ถ้ามีจำนวนเท่ากัน. พวกภิกษุอาคันตุกะ พึงให้ความสามัคคีแก่พวกภิกษุเจ้าถิ่น หรือพึงไปเสียนอกสีมา. ถ้าพวกภิกษุอาคันตุกะมีจำนวน มากกว่า พวกภิกษุอาคันตุกะไม่ปรารถนาก็ไม่ต้องให้ความสามัคคีแก่พวกภิกษุเจ้าถิ่น พวกภิกษุ เจ้าถิ่นพึงไปปวารณานอกสีมาเถิด.
ปวารณาของภิกษุที่สงสัยเป็นต้น
[๒๔๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็พวกภิกษุอาคันตุกะในศาสนานี้ได้เห็นอาการเจ้าถิ่น ลักษณะ เจ้าถิ่น เครื่องหมายเจ้าถิ่น สิ่งที่แสดงเจ้าถิ่น ของพวกภิกษุเจ้าถิ่น เตียง ตั่ง ฟูก หมอน จัดไว้ได้ระเบียบ น้ำฉัน น้ำใช้ จัดหาไว้เป็นอันดี บริเวณกวาดสะอาดสะอ้าน ครั้นแล้ว มีความ สงสัยว่า พวกภิกษุเจ้าถิ่นมีหรือไม่มีหนอ? พวกเธอมีความสงสัยแต่ไม่เที่ยวค้นหา ครั้นแล้ว ขืนปวารณา ต้องอาบัติทุกกฏ. .... พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหาแล้วแต่ไม่พบ จึงปวารณา ไม่ต้องอาบัติ. .... พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหาแล้วพบ จึงปวารณาร่วมกัน ไม่ต้องอาบัติ. .... พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหาแล้วพบ ครั้นแล้วแยกกันปวารณา ต้องอาบัติทุกกฏ. .... พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหาแล้วพบ ครั้นแล้วมุ่งความแตกร้าวว่า ขอภิกษุพวก นั้นจงเสื่อมสูญ จงพินาศ จะประโยชน์อะไรด้วยภิกษุพวกนั้น ดังนี้จึงปวารณา ต้องอาบัติ ถุลลัจจัย. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง พวกภิกษุอาคันตุกะในศาสนานี้ได้ยินอาการเจ้าถิ่น ลักษณะ เจ้าถิ่น เครื่องหมายเจ้าถิ่น สิ่งที่แสดงเจ้าถิ่น ของพวกภิกษุเจ้าถิ่น ได้ยินเสียงเท้าของพวกภิกษุ เจ้าถิ่นกำลังเดินจงกรม ได้ยินเสียงท่องสาธยาย เสียงไอ เสียงจาม ครั้นแล้วมีความสงสัยว่า พวกภิกษุเจ้าถิ่นยังมีหรือไม่มีหนอ? พวกเธอมีความสงสัยแต่ไม่ค้นหา ครั้นแล้วขืนปวารณา ต้องอาบัติทุกกฏ. .... พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหา ครั้นค้นหาแล้วไม่พบ ครั้นแล้วจึงปวารณา ไม่ ต้องอาบัติ. .... พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหา ครั้นค้นหาแล้วจึงพบ ครั้นพบแล้วจึงปวารณาร่วมกัน ไม่ต้องอาบัติ. .... พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหา ครั้นค้นหาแล้วจึงพบ ครั้นพบแล้วจึงแยกกันปวารณา ต้องอาบัติทุกกฏ. .... พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหา ครั้นค้นหาแล้วจึงพบ ครั้นพบแล้วมุ่งความแตกร้าว ว่า ขอภิกษุเหล่านั้นจงเสื่อมสูญ จงพินาศ จะประโยชน์อะไรด้วยภิกษุเหล่านั้น ดังนี้ จึงปวารณา ต้องอาบัติถุลลัจจัย. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง พวกภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนานี้ได้เห็นอาการอาคันตุกะ ลักษณะ อาคันตุกะ เครื่องหมายอาคันตุกะ สิ่งที่แสดงอาคันตุกะ ของพวกภิกษุอาคันตุกะ ได้เห็น บาตร จีวร ผ้านิสีทนะ อันเป็นของภิกษุพวกอื่น ได้เห็นรอยน้ำล้างเท้า ครั้นแล้วมีความสงสัยว่า พวกภิกษุอาคันตุกะยังมีหรือไม่หนอ? .... พวกเธอมีความสงสัยแต่ไม่ค้นหา ครั้นแล้วขืนปวารณา ต้องอาบัติทุกกฏ. .... พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหา ครั้นค้นหาแล้ว ไม่พบ ครั้นแล้วจึงปวารณา ไม่ ต้องอาบัติ. .... พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหา ครั้นค้นหาแล้ว จึงพบ ครั้นพบแล้ว จึงปวารณา ร่วมกัน ไม่ต้องอาบัติ. .... พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหา ครั้นค้นหาแล้ว จึงพบ ครั้นพบแล้ว ได้แยกกัน ปวารณา ต้องอาบัติทุกกฏ. .... พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหา ครั้นค้นหาแล้วจึงพบ ครั้นพบแล้ว มุ่งความแตกร้าว ว่า ขอภิกษุเหล่านั้นจงเสื่อมสูญ จงพินาศ จะประโยชน์อะไรด้วยภิกษุเหล่านั้น ดังนี้ จึงปวารณา ต้องอาบัติถุลลัจจัย. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง พวกภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนานี้ได้ยินอาการอาคันตุกะ ลักษณะ อาคันตุกะ เครื่องหมายอาคันตุกะ สิ่งที่แสดงอาคันตุกะ ของพวกภิกษุอาคันตุกะ ได้ยิน เสียงเท้าของพวกภิกษุอาคันตุกะกำลังเดินมา ได้ยินเสียงรองเท้ากระทบ ได้ยินเสียงไอ เสียงจาม ครั้นแล้วมีความสงสัยว่า พวกภิกษุอาคันตุกะยังมีหรือไม่หนอ? พวกเธอมีความสงสัยแต่ไม่ ค้นหา ครั้นแล้วขืนปวารณา ต้องอาบัติทุกกฏ. .... พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหา ครั้นค้นหาแล้ว ไม่พบ ครั้นแล้วจึงปวารณา ไม่ ต้องอาบัติ. .... พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหา ครั้นค้นหาแล้ว จึงพบ ครั้นพบแล้ว ได้ปวารณา ร่วมกัน ไม่ต้องอาบัติ. .... พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหา ครั้นค้นหาแล้ว จึงพบ ครั้นพบแล้ว ได้แยกกัน ปวารณา ต้องอาบัติทุกกฏ. .... พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหา ครั้นค้นหาแล้วจึงพบ ครั้นพบแล้ว มุ่งความ แตกร้าวว่า ขอภิกษุเหล่านั้นจงเสื่อมสูญ จงพินาศ จะประโยชน์อะไรด้วยภิกษุเหล่านั้น ดังนี้ จึงปวารณา ต้องอาบัติถุลลัจจัย.
ภิกษุสมานสังวาสเป็นต้นปวารณา
[๒๔๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็พวกภิกษุอาคันตุกะในศาสนานี้ได้เห็นพวกภิกษุเจ้าถิ่นซึ่ง เป็นนานาสังวาส. พวกเธอกลับได้ความเห็นว่าเป็นสมานสังวาส ครั้นแล้วก็ไม่ไต่ถาม ครั้น แล้วจึงปวารณาร่วมกัน ไม่ต้องอาบัติ. .... พวกเธอได้ไต่ถาม ครั้นไต่ถามแล้วไม่รังเกียจ ครั้นแล้วปวารณาร่วมกัน ต้องอาบัติ ทุกกฏ. .... พวกเธอได้ไต่ถาม ครั้นไต่ถามแล้วไม่รังเกียจ ครั้นแล้วแยกกันปวารณา ไม่ต้อง อาบัติ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง พวกภิกษุอาคันตุกะในศาสนานี้ได้เห็นพวกภิกษุเจ้าถิ่นซึ่งเป็น สมานสังวาส. พวกเธอกลับได้ความเห็นว่าเป็นนานาสังวาส ครั้นแล้วก็ไม่ไต่ถาม ครั้นแล้ว ปวารณาร่วมกัน ต้องอาบัติทุกกฏ. .... พวกเธอได้ไต่ถาม ครั้นไต่ถามแล้วรังเกียจ ครั้นแล้วแยกกันปวารณา ต้องอาบัติ ทุกกฏ. .... พวกเธอได้ไต่ถาม ครั้นไต่ถามแล้วรังเกียจ ครั้นแล้วปวารณาร่วมกัน ไม่ต้องอาบัติ. .... พวกเธอได้ไต่ถาม ครั้นไต่ถามแล้วไม่รังเกียจ ครั้นแล้วแยกกันปวารณา ไม่ต้อง อาบัติ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง พวกภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนานี้ได้เห็นพวกภิกษุอาคันตุกะซึ่งเป็น นานาสังวาส. พวกเธอกลับได้ความเห็นว่าเป็นสมานสังวาส ครั้นแล้วก็ไม่ไต่ถาม ครั้นแล้ว ปวารณาร่วมกัน ไม่ต้องอาบัติ. .... พวกเธอได้ไต่ถาม ครั้นไต่ถามแล้ว ไม่รังเกียจ ครั้นแล้วปวารณาร่วมกัน ต้อง อาบัติทุกกฏ. .... พวกเธอได้ไต่ถาม ครั้นไต่ถามแล้วไม่รังเกียจ ครั้นแล้วแยกกันปวารณา ไม่ต้อง อาบัติ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง พวกภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนานี้เห็นพวกภิกษุอาคันตุกะซึ่งเป็น สมานสังวาส. พวกเธอกลับได้ความเห็นว่าเป็นนานาสังวาส ครั้นแล้วก็ไม่ไต่ถาม ครั้นแล้ว ปวารณาร่วมกัน ต้องอาบัติทุกกฏ. .... พวกเธอได้ไต่ถาม ครั้นไต่ถามแล้วรังเกียจ ครั้นแล้วแยกกันปวารณา ต้องอาบัติ ทุกกฏ. .... พวกเธอได้ไต่ถาม ครั้นไต่ถามแล้วรังเกียจ ครั้นแล้วปวารณาร่วมกัน ไม่ต้องอาบัติ.

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๔ บรรทัดที่ ๖๘๖๘-๖๙๗๑ หน้าที่ ๒๘๑-๒๘๕. http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=4&A=6868&Z=6971&pagebreak=0 http://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=4&A=6868&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=4&siri=74              ศึกษาอรรถกถาได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=4&i=-239              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=4&A=6945              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=4&A=6945              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๔ http://84000.org/tipitaka/read/?index_4              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/pli-tv-kd4/en/brahmali#pli-tv-kd4:13.1.0 https://suttacentral.net/pli-tv-kd4/en/horner-brahmali#Kd.4.13

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]