ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก
ราธเถราปทานที่ ๙
ว่าด้วยบุพจริยาของพระราธเถระ
[๑๒๙] ในกัปนับจากภัทรกัปนี้ไปแสนหนึ่ง พระพิชิตมารพระนามว่า ปทุมุตระ ผู้ทรงรู้แจ้งโลกทั้งปวงเป็นนักปราชญ์ มีจักษุได้เสด็จอุบัติ ขึ้นแล้ว พระองค์เป็นผู้ตรัสสอน ทรงแสดงให้สัตว์รู้ชัดได้ ยัง สรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นวัฏสงสาร ทรงฉลาดในเทศนา เป็นผู้เบิกบาน ทรงช่วยประชุมชนให้ข้ามพ้นไปเสียเป็นอันมาก พระองค์เป็นผู้ อนุเคราะห์ ประกอบด้วยพระกรุณาแสวงหาประโยชน์ให้สรรพสัตว์ ยังเดียรถีย์ที่มาเฝ้าให้ดำรงอยู่ในเบญจศีลได้ทุกคน เมื่อเป็นเช่นนี้ พระศาสนาจึงไม่มีความอากูลว่างสูญจากเดียรถีย์ วิจิตรด้วยพระ อรหันต์ผู้คงที่ มีความชำนิชำนาญ พระมหามุนี พระองค์นั้นสูง ประมาณ ๕๘ ศอก มีพระฉวีวรรณงามคล้ายทองคำอันล้ำค่า มีพระ ลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ ประการ ครั้งนั้น อายุของสัตว์แสนปี พระชินสีห์พระองค์นั้น เมื่อดำรงพระชนม์อยู่โดยกาลประมาณเท่า นั้น ได้ยังประชุมชนเป็นอันมากให้ข้ามพ้นวัฏสงสารไปได้ ครั้งนั้น เราเป็นพราหมณ์ชาวพระนครหงสวดี ผู้เรียนจบไตรเพท ได้เข้าไป เฝ้าพระผู้มีพระภาค ผู้ประเสริฐกว่านรชน ทรงมีความเพียรใหญ่ ทรงแกล้วกล้าในบริษัท กำลังทรงแต่งตั้งภิกษุผู้มีปฏิภาณไว้ใน ตำแหน่งเอตทัคคะ แล้วได้ฟังพระธรรมเทศนา ครั้งนั้น เราทำ สักการะในพระโลกนายกพร้อมทั้งพระสงฆ์ แล้วหมอบศีรษะลง แทบพระบาทปรารถนาฐานันดรนั้น ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาค ผู้มีพระรัศมีซ่านออกจากพระองค์ ดุจลิ่มทองสิงคี ได้ตรัสกะ เราด้วยพระสุรเสียงอันเป็นที่ตั้งแห่งความยินดี มีปรกตินำไปซึ่ง มลทินคือกิเลสว่า ท่านจงเป็นผู้มีความสุขมีอายุยืนเถิด ปณิธาน ความปรารถนาของท่านจงสำเร็จเถิด สักการะที่ท่านทำในเรากับ พระสงฆ์ ก็จงมีผลไพบูลย์ยิ่งเถิด ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ พระศาสดา มีพระนามชื่อว่าโคดมซึ่งสมภพในวงศ์พระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จ อุบัติขึ้นในโลก พราหมณ์นี้ จักได้เป็นธรรมทายาทของพระศาสดา พระองค์นั้นเป็นโอรสอันธรรมเนรมิต เป็นสาวกของพระศาสดา มีนามชื่อว่าราธะ พระนายกจักทรงแต่งตั้งท่านว่า เป็นผู้เลิศกว่า ภิกษุทั้งหลายผู้มีปฏิภาณ เราได้สดับพุทธพยากรณ์นั้นแล้วก็เป็นผู้ เบิกบาน มีจิตประกอบด้วยเมตตาบำรุงพระพิชิตมารในกาลนั้นตลอด ชีวิต เพราะเราเป็นผู้ประกอบด้วยปัญญา ด้วยกรรมที่เราได้ทำไว้ดี แล้วนั้น และด้วยการตั้งเจตน์จำนงไว้ เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไป สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้เสวยราชสมบัติในเทวโลก ๓๐๐ ครั้ง ได้เป็น พระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ ครั้ง และเป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์ โดยคณนานับมิได้ เพราะกรรมนั้นนำไปเราจึงเป็นผู้ถึงความสุขใน ทุกภพ เมื่อถึงภพสุดท้ายเราเกิดในสกุลที่ยากจนขาดเครื่องนุ่งห่ม และอาหาร ในพระนครราชคฤห์อันอุดม ได้ถวายภิกษาทัพพีหนึ่งแก่ ท่านพระสารีบุตรผู้คงที่ ในเวลาเราแก่เฒ่าเราอาศัยวัดอยู่ ใครๆ ไม่ ยอมบวชให้เราผู้ชราหมดกำลังเรี่ยวแรง เพราะฉะนั้นครั้งนั้น เราผู้ เป็นคนยากเข็ญจึงเป็นผู้ปราศจากผิวพรรณ เศร้าโศก พระมหามุนีผู้ ประกอบด้วยพระมหากรุณาทอดพระเนตรเห็นเข้าจึงตรัสถามเราว่าลูก ไฉนจึงเศร้าโศก จงบอกถึงโรคที่เกิดในจิตของเจ้า เราได้กราบทูล ว่าข้าแต่พระองค์ผู้มีความเพียรข้าพระองค์ไม่ได้บวชในศาสนาของ พระองค์ ซึ่งพระองค์ตรัสดีแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพระองค์จึงมีความ เศร้าโศก ข้าแต่พระนายก ขอพระองค์จงเป็นที่พึ่งของข้าพระองค์ ด้วยเถิด ครั้งนั้น พระมหามุนีผู้สูงสุดได้รับสั่งให้เรียกภิกษุมาประชุม พร้อมแล้วตรัสถามว่า ผู้ที่นึกถึงอธิการของพราหมณ์นี้ได้มีอยู่ จง บอกมาเวลานั้น พระสารีบุตรได้กราบทูลว่า ข้าพระองค์นึกถึงอธิการ ของเขาได้อยู่ พราหมณ์ผู้นี้ได้ถวายภิกษาทัพพีหนึ่งแก่ข้าพระองค์ผู้ กำลังเที่ยวบิณฑบาต พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดีละๆ สารีบุตร เธอเป็นคนกตัญญู เธอจงยังพราหมณ์นี้ให้บวช พราหมณ์ นี้จักเป็นผู้ควรบูชา ลำดับนั้นเราได้การบรรพชาและอุปสมบทด้วย กรรมวาจา โดยเวลาไม่นานเลย เราก็ได้บรรลุธรรมเป็นที่สิ้นไป แห่งอาสวะเพราะเราเป็นผู้เพลิดเพลิน สดับพระพุทธดำรัสโดย เคารพ ฉะนั้น พระพิชิตมารจึงทรงแต่งตั้งเราว่า เป็นผู้เลิศกว่า ทั้งหลายผู้มีปฏิภาณ เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนา เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระราธเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ ราธเถราปทาน.

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ บรรทัดที่ ๓๒๙๘-๓๓๕๘ หน้าที่ ๑๔๓-๑๔๕. http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=33&A=3298&Z=3358&pagebreak=0 http://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=33&A=3298&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=33&siri=129              ศึกษาอรรถกถาได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33&i=129              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=33&A=4208              อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=50&A=6417              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=33&A=4208              The Pali Atthakatha in Roman :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=50&A=6417              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ http://84000.org/tipitaka/read/?index_33              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/tha-ap541/en/walters

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]