ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๒ วิภังคปกรณ์
จตุกกนิเทศ
[๙๖๑] ในจตุกกมาติกาเหล่านั้น อาสวะ ๔ เป็นไฉน กามาสวะ ภวาสวะ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ บรรดาอาสวะ ๔ นั้น กามาสวะ เป็นไฉน ความพอใจในกาม ฯลฯ ความหมกมุ่นในกาม อันใด นี้เรียกว่า กามาสวะ ภวาสวะ เป็นไฉน ความพอใจในภพ ฯลฯ ความหมกมุ่นในภพ อันใด นี้เรียกว่า ภวาสวะ ทิฏฐาสวะ เป็นไฉน ความเห็นว่าโลกเที่ยง ฯลฯ ความเห็นว่าสัตว์เบื้องหน้า แต่ตายแล้ว จะเกิดอีกก็หามิได้ จะไม่เกิดอีกก็หามิได้ ดังนี้ ทิฏฐิ ความเห็นไปข้างทิฏฐิ ฯลฯ การถือเอาโดยวิปลาส อันใด มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า ทิฏฐาสวะ มิจฉาทิฏฐิ แม้ทั้งหมดก็เรียกว่า ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ เป็นไฉน ความไม่รู้ในทุกข์ ฯลฯ ลิ่มคืออวิชชา อกุศลมูลคือโมหะ นี้เรียกว่า อวิชชาสวะ เหล่านี้เรียกว่า อาสวะ ๔ [๙๖๒] คันถะ ๔ เป็นไฉน อภิชฌากายคันถะ พยาปาทกายคันถะ สีลัพพตปรามาสกายคันถะ อิทัง- *สัจจาภินิเวสกายคันถะ บรรดาคันถะ ๔ นั้น อภิชฌากายคันถะ เป็นไฉน ความกำหนัด ความกำหนัดนัก ฯลฯ ความเพ่งเล็งที่จะเอาทรัพย์สมบัติ ของผู้อื่น อกุศลมูลคือโลภะ อันใด นี้เรียกว่าอภิชฌากายคันถะ พยาปาทกายคันถะ เป็นไฉน ความอาฆาตย่อมเกิดขึ้นด้วยคิดว่า ผู้นี้ได้ทำความเสื่อมเสียแก่เราแล้ว ฯลฯ ความดุร้าย ความปากร้าย ความไม่แช่มชื่นแห่งจิต อันใด นี้เรียกว่า พยาปาทกายคันถะ สีลัพพตปรามาสกายคันถะ เป็นไฉน สมณพราหมณ์ภายนอกศาสนานี้ มีความเห็นว่า ความบริสุทธิ์ ย่อมมีได้ด้วยศีล ด้วยวัตร ด้วยศีลและวัตร ดังนี้ ทิฏฐิ ความเห็นไปข้างทิฏฐิ ฯลฯ การถือเอา โดยวิปลาส อันใด มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า สีลัพพตปรามาสกายคันถะ อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ เป็นไฉน ความเห็นว่าโลกเที่ยง นี้แหละจริง อย่างอื่นไม่จริง ความเห็นว่า โลกไม่เที่ยง นี้แหละจริง อย่างอื่นไม่จริง ฯลฯ ความเห็นว่า สัตว์เบื้องหน้า แต่ตายแล้วจะเกิดอีกก็หามิได้ จะไม่เกิดอีกก็หามิได้ นี้แหละจริง อย่างอื่น ไม่จริง ทิฏฐิ ความเห็นไปข้างทิฏฐิ ฯลฯ การถือเอาโดยวิปลาส อันใด มี ลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ ยกเว้นสีลัพพตปรามาส- *กายคันถะ มิจฉาทิฏฐิแม้ทั้งหมด ก็เรียกว่า อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ เหล่านี้เรียกว่า คันถะ ๔ [๙๖๓] โอฆะ ๔ ฯลฯ โยคะ ๔ ฯลฯ อุปาทาน ๔ เป็นไฉน กามุปาทาน ทิฏฐุปาทาน สีลัพพตุปาทาน อัตตวาทุปาทาน บรรดาอุปาทาน ๔ นั้น กามุปาทาน เป็นไฉน ความพอใจในกาม ฯลฯ ความหมกมุ่นในกาม อันใด นี้เรียกว่า กามุปาทาน ทิฏฐุปาทาน เป็นไฉน ความเห็นว่า ทานที่บุคคลให้แล้วไม่มีผล การบูชาพระรัตนตรัยไม่มีผล ฯลฯ สมณพราหมณ์ผู้ปฏิบัติดี ผู้ปฏิบัติชอบ รู้ยิ่งเห็นแจ้งประจักษ์ซึ่งโลกนี้และ โลกหน้าด้วยตนเองแล้ว ประกาศให้ผู้อื่นรู้ได้ไม่มีในโลก ทิฏฐิ ความเห็นไป ข้างทิฏฐิ ฯลฯ การถือเอาโดยวิปลาส อันใด มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า ทิฏฐุปาทาน ยกเว้นสีลัพพตุปาทานและอัตตวาทุปาทาน มิจฉาทิฏฐิแม้ทั้งหมด ก็เรียกว่า ทิฏฐุปาทาน สิลัพพตุปาทาน เป็นไฉน สมณพราหมณ์ภายนอกศาสนานี้ มีความเห็นว่า ความบริสุทธิ์ย่อมมีได้ ด้วยศีล ด้วยวัตร ด้วยศีลและวัตร ดังนี้ ทิฏฐิ ความเห็นไปข้างทิฏฐิ ฯลฯ การถือเอาโดยวิปลาส อันใด มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า สีลัพพตุปาทาน อัตตวาทุปาทาน เป็นไฉน ปุถุชนในโลกนี้ ผู้ไร้การศึกษา ไม่ได้เห็นพระอริยะเจ้า ไม่ฉลาดในธรรม ของพระอริยะเจ้า ไม่ได้รับการแนะนำในธรรมของพระอริยะเจ้า ไม่ได้เห็นสัปบุรุษ ไม่ฉลาดในธรรมของสัปบุรุษ ไม่ได้รับการแนะนำในธรรมของสัปบุรุษ ย่อมเห็น รูปเป็นตน หรือเห็นตนมีรูป เห็นรูปในตน เห็นตนในรูป ย่อมเห็นเวทนาเป็นตน ฯลฯ ย่อมเห็นสัญญาเป็นตน ฯลฯ ย่อมเห็นสังขารเป็นตน ฯลฯ ย่อมเห็น วิญญาณเป็นตน หรือเห็นตนมีวิญญาณ เห็นวิญญาณในตน เห็นตนในวิญญาณ ทิฏฐิ ความเห็นไปข้างทิฏฐิ ฯลฯ การถือเอาโดยวิปลาส อันใด มีลักษณะเช่น ว่านี้ นี้เรียกว่า อัตตวาทุปาทาน เหล่านี้เรียกว่า อุปาทาน ๔ [๙๖๔] ตัณหุปาทา ๔ เป็นไฉน ตัณหาเมื่อจะเกิดขึ้นแก่ภิกษุ ย่อมเกิดเพราะจีวรเป็นเหตุบ้าง ตัณหา เมื่อจะเกิดแก่ภิกษุ ย่อมเกิดเพราะบิณฑบาตเป็นเหตุบ้าง ตัณหาเมื่อจะเกิดแก่ ภิกษุ ย่อมเกิดเพราะเสนาสนะเป็นเหตุบ้าง ตัณหาเมื่อจะเกิดแก่ภิกษุ ย่อมเกิด เพราะปัจจัยดังกล่าวมานี้อันประณีตและประณีตยิ่งเป็นเหตุบ้าง เหล่านี้เรียกว่า ตัณหุปปาทา ๔ [๙๖๕] อคติคมนะ ๔ เป็นไฉน บุคคลย่อมลำเอียงเพราะรักใคร่กัน ย่อมลำเอียงเพราะไม่ชอบกัน ย่อม ลำเอียงเพราะเขลา ย่อมลำเอียงเพราะกลัว ความลำเอียง การถึงความลำเอียง การลำเอียงเพราะรักใคร่กัน การลำเอียงเพราะเป็นพวกพ้องกัน ความหันเหไป เหมือนน้ำไหล อันใด มีลักษณะเช่นว่านี้ เหล่านี้เรียกว่า อคติคมนะ ๔ [๙๖๖] วิปริเยสะ ๔ เป็นไฉน ความเข้าใจผิดด้วยอำนาจสัญญา ความเข้าใจผิดด้วยอำนาจจิต ความ เข้าใจผิดด้วยอำนาจทิฏฐิ ในสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง ความเข้าใจผิดด้วยอำนาจสัญญา ความเข้าใจผิดด้วยอำนาจจิต ความเข้าใจผิดด้วยอำนาจทิฏฐิ ในสิ่งที่เป็นทุกข์ว่า เป็นสุข ความเข้าใจผิดด้วยอำนาจสัญญา ความเข้าใจผิดด้วยอำนาจจิต ความ เข้าใจผิดด้วยอำนาจทิฏฐิ ในสิ่งที่ไม่ใช่อัตตาตัวตนว่าเป็นอัตตาตัวตน ความเข้าใจ ผิดด้วยอำนาจสัญญา ความเข้าใจผิดด้วยอำนาจจิต ความเข้าใจผิดด้วยอำนาจทิฏฐิ ในสิ่งที่ไม่งามว่างาม เหล่านี้เรียกว่า วิปริเยสะ ๔ [๙๖๗] อนริยโวหาร ๔ เป็นไฉน เมื่อไม่เห็น พูดว่าเห็น เมื่อไม่ได้ยิน พูดว่าได้ยิน เมื่อไม่รู้ พูดว่ารู้ เมื่อไม่รู้แจ้ง พูดว่ารู้แจ้ง เหล่านี้เรียกว่า อนริยโวหาร ๔ [๙๖๘] อนริยโวหาร ๔ อีกนัยหนึ่ง เป็นไฉน เมื่อเห็น พูดว่าไม่เห็น เมื่อได้ยิน พูดว่าไม่ได้ยิน เมื่อรู้ พูดว่าไม่รู้ เมื่อรู้แจ้ง พูดว่าไม่รู้แจ้ง เหล่านี้เรียกว่า อนริยโวหาร ๔ [๙๖๙] ทุจริต ๔ เป็นไฉน ปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท เหล่านี้เรียกว่า ทุจริต ๔ [๙๗๐] ทุจริต ๔ อีกนัยหนึ่ง เป็นไฉน มุสาวาท ปิสุณาวาจา ผรุสวาจา สัมผัปปลาปะ เหล่านี้เรียกว่า ทุจริต ๔ [๙๗๑] ภัย ๔ เป็นไฉน ชาติภัย ชราภัย พยาธิภัย มรณภัย เหล่านี้เรียกว่า ภัย ๔ [๙๗๒] ภัย ๔ อีกนัยหนึ่ง เป็นไฉน ราชภัย โจรภัย อุทกภัย อัคคีภัย เหล่านี้เรียกว่า ภัย ๔ [๙๗๓] ภัย ๔ อีกนัยหนึ่ง เป็นไฉน ภัยเกิดแต่คลื่น ภัยเกิดแต่จระเข้ ภัยเกิดแต่วังวน ภัยเกิดแต่ปลาร้าย เหล่านี้เรียกว่า ภัย ๔ [๙๗๔] ภัย ๔ อีกนัยหนึ่ง เป็นไฉน ภัยเกิดแต่การค่อนขอดตัวเอง ภัยเกิดแต่การค่อนขอดผู้อื่น ภัยเกิดแต่ อาชญา ภัยเกิดแต่อบาย เหล่านี้เรียกว่า ภัย ๔ [๙๗๕] ทิฏฐิ ๔ เป็นไฉน ทิฏฐิเกิดขึ้นโดยแน่แท้มั่นคงว่า สุขทุกข์ตนทำเอง ทิฏฐิเกิดขึ้นโดยแน่ แท้มั่นคงว่า สุขทุกข์คนอื่นกระทำให้ ทิฏฐิเกิดขึ้นโดยแน่แท้มั่นคงว่า สุขทุกข์ ตนทำเองด้วย คนอื่นทำให้ด้วย ทิฏฐิเกิดขึ้นโดยแน่แท้มั่นคงว่า สุขทุกข์ไม่ได้ ทำเองด้วย คนอื่นไม่ได้ทำให้ด้วย แต่เกิดขึ้นเองโดยเฉพาะ เหล่านี้เรียกว่า ทิฏฐิ ๔

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕ บรรทัดที่ ๑๒๗๙๓-๑๒๙๑๐ หน้าที่ ๕๔๙-๕๕๔. http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=35&A=12793&Z=12910&pagebreak=0 http://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=35&A=12793&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=35&siri=69              ศึกษาอรรถกถาได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=35&i=961              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=35&A=10192              อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=54&A=12754              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=35&A=10192              The Pali Atthakatha in Roman :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=54&A=12754              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๕ http://84000.org/tipitaka/read/?index_35              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/vb17/en/thittila#pts-s937

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]