ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔๑ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๘ มหาปัฏฐานปกรณ์ ภาค ๒ ปัจฉิมอนุโลมติกปัฏฐาน
ปัญหาวาร
[๔๘๑] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดยเหตุปัจจัย คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย โดยเหตุ- *ปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ เหตุทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ ทั้งหลาย โดยเหตุปัจจัย [๔๘๒] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม โดยเหตุปัจจัย คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายที่เป็น สุขสหคตธรรม โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ [๔๘๓] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดย เหตุปัจจัย คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายที่เป็น ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ [๔๘๔] สุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม ฯลฯ
ในสุขมูละ มี ๓ นัย
[๔๘๕] อุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม โดยเหตุปัจจัย คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ [๔๘๖] ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดยเหตุปัจจัย คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต- *ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ [๔๘๗] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดยอารัมมณปัจจัย คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล กระทำอุโบสถกรรมด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรมแล้ว พิจารณากุศลกรรมนั้นด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม บุคคลออกจากฌานที่เป็นปีติสหคตธรรม ออกจากมรรค ออกจากผลแล้ว พิจารณากุศล- *กรรมนั้นด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม พระอริยะทั้งหลาย พิจารณากิเลสที่ละแล้วที่เป็นปีติสหคตธรรม พิจารณากิเลสที่ข่ม แล้ว รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง โดย ความเป็นทุกข์ โดยความเป็นอนัตตา ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภขันธ์นั้น ราคะที่เป็นปีติสหคตธรรม เกิดขึ้น ทิฏฐิ เกิดขึ้น เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม เกิดขึ้น [๔๘๘] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม โดยอารัมมณปัจจัย คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล กระทำอุโบสถกรรมด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม บุคคลออกจากฌานที่เป็นปีติสหคตธรรม ออกจากมรรค ออกจากผลแล้วพิจารณากุศล- *กรรมนั้นด้วยจิตที่เป็นสุขสหคตธรรม พระอริยะทั้งหลาย พิจารณากิเลสที่ละแล้วที่เป็นปีติสหคตธรรม พิจารณากิเลสที่ข่ม แล้ว รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ด้วยจิตที่เป็นสุขสหคตธรรม บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง โดย ความเป็นทุกข์ โดยความเป็นอนัตตา ด้วยจิตที่เป็นสุขสหคตธรรม ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภขันธ์นั้น ราคะที่เป็นสุขสหคตธรรม เกิดขึ้น ทิฏฐิ เกิดขึ้น เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสุขสหคตธรรม เกิดขึ้น [๔๘๙] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม โดยอารัมมณปัจจัย คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล กระทำอุโบสถกรรมด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม พิจารณากุศลกรรมนั้นด้วยจิตที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม บุคคลออกจากฌานที่เป็นปีติสหคตธรรม ออกจากมรรค ออกจากผลแล้ว พิจารณา กุศลกรรมนั้นด้วยจิตที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม พระอริยะทั้งหลาย พิจารณากิเลสที่ละแล้วที่เป็นปีติสหคตธรรม พิจารณากิเลสที่ข่ม แล้ว รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ด้วยจิตที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง โดย ความเป็นทุกข์ โดยความเป็นอนัตตา ด้วยจิตที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ย่อมยินดี ย่อม เพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภขันธ์นั้น ราคะ เกิดขึ้น ทิฏฐิ เกิดขึ้น วิจิกิจฉา เกิดขึ้น อุทธัจจะ เกิดขึ้น บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม โดยเจโตปริยญาณ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติ- *ญาณ แก่ยถากัมมุปคญาณ แก่อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ โดยอารัมมณปัจจัย เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม เกิดขึ้น [๔๙๐] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดย อารัมมณปัจจัย คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล กระทำอุโบสถกรรมด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม แล้วพิจารณากุศลกรรมนั้นด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม บุคคลออกจากฌานที่เป็นปีติสหคตธรรม ออกจากมรรค ออกจากผลแล้วพิจารณา กุศลกรรมนั้นด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม พระอริยะทั้งหลาย พิจารณากิเลสที่ละแล้วที่เป็นปีติสหคตธรรม พิจารณากิเลสที่ข่ม แล้ว รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุข- *สหคตธรรม บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง โดย ความเป็นทุกข์ โดยความเป็นอนัตตา ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม ย่อม ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภขันธ์นั้น ราคะที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เกิดขึ้น ทิฏฐิ เกิดขึ้น เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม และ สุขสหคตธรรม เกิดขึ้น [๔๙๑] สุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม โดยอารัมมณปัจจัย สุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดยอารัมมณปัจจัย คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสุขสหคตธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เกิดขึ้น [๔๙๒] อุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม โดยอารัมมณ- *ปัจจัย คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล กระทำอุโบสถกรรมด้วยจิตที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม แล้วพิจารณากุศลกรรมนั้นด้วยจิตที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม บุคคลออกจากฌานที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ฯลฯ มรรค ฯลฯ ออกจากผลแล้ว พิจารณากุศลกรรมนั้นด้วยจิตที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม พระอริยะทั้งหลาย พิจารณากิเลสที่ละแล้วที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม พิจารณากิเลสที่ข่ม แล้ว รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ด้วยจิตที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง โดยความเป็นทุกข์ โดยความเป็นอนัตตา ด้วยจิตที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ย่อมยินดี ย่อม เพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภขันธ์นั้น ราคะที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม เกิดขึ้น ทิฏฐิ เกิดขึ้น วิจิกิจฉา เกิดขึ้น อุทธัจจะ เกิดขึ้น บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม โดยเจโตปริยญาณ อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ โดยอารัมมณปัจจัย อากิญ- *จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ โดยอารัมมณปัจจัย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมุปคญาณ แก่อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ โดย อารัมมณปัจจัย เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุเบกขา สหคตธรรม เกิดขึ้น [๔๙๓] อุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดยอารัมมณปัจจัย คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล กระทำอุโบสถกรรมด้วยจิตที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม แล้วพิจารณากุศลกรรมนั้นด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม บุคคลออกจากฌานที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ออกจากมรรค ออกจากผลแล้ว พิจารณา กุศลกรรมนั้นด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม พระอริยะทั้งหลาย พิจารณากิเลสที่ละแล้วที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม พิจารณากิเลส ที่ข่มแล้ว รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ด้วยที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุข- *สหคตธรรม บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง โดยความเป็นทุกข์ โดยความเป็นอนัตตา ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม ย่อม ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภขันธ์นั้น ราคะที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เกิดขึ้น ทิฏฐิ เกิดขึ้น เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เกิดขึ้น [๔๙๔] ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม โดยอารัมมณปัจจัย คือ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล กระทำอุโบสถกรรม ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดยความ เป็นของไม่เที่ยง โดยความเป็นทุกข์ โดยความเป็นอนัตตา ด้วยจิตที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภขันธ์นั้น ราคะที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม เกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ เกิดขึ้น บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดยเจโตปริยญาณ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมุปคญาณ แก่อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ โดย อารัมมณปัจจัย เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม เกิดขึ้น [๔๙๕] ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และ สุขสหคตธรรม โดยอารัมมณปัจจัย ฯลฯ [๔๙๖] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล กระทำอุโบสถกรรมด้วย จิตที่เป็นปีติสหคตธรรมแล้ว กระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ด้วยจิตที่เป็น ปีติสหคตธรรมแล้วพิจารณา บุคคลออกจากฌานที่เป็นปีติสหคตธรรม ออกจากมรรค ออกจากผลแล้ว กระทำฌาน เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรมแล้วพิจารณา บุคคลกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ด้วยจิตที่ เป็นปีติสหคตธรรมแล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์นั้นให้เป็นอารมณ์อย่าง หนักแน่น ราคะที่เป็นปีติสหคตธรรม เกิดขึ้น ทิฏฐิ เกิดขึ้น ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย โดยอธิปติปัจจัย [๔๙๗] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทานด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม ฯลฯ ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสุขสหคตธรรม โดยอธิปติปัจจัย [๔๙๘] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทานด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม ฯลฯ แล้ว กระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ด้วยจิตที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ฯลฯ [๔๙๙] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดย อธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทานด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม ฯลฯ ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต- *ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดยอธิปติปัจจัย [๕๐๐] สุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทานด้วยจิตที่เป็นสุขสหคตธรรม ฯลฯ ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่เป็นสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย โดยอธิปติปัจจัย [๕๐๑] สุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ ฯลฯ ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่เป็นสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต- *ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม โดยอธิปติปัจจัย [๕๐๒] สุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ฯลฯ [๕๐๓] สุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดย อธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ ฯลฯ ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่เป็นสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดยอธิปติปัจจัย [๕๐๔] อุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ ฯลฯ ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย โดยอธิปติปัจจัย [๕๐๕] อุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ฯลฯ อุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ฯลฯ [๕๐๖] อุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ฯลฯ [๕๐๗] ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดย อธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ ฯลฯ ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม โดยอธิปติปัจจัย [๕๐๘] ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม โดย อธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ ฯลฯ ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสุขสหคตธรรม โดยอธิปติปัจจัย [๕๐๙] ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ฯลฯ [๕๑๐] ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และ สุขสหคตธรรม โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ฯลฯ ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดยอธิปติปัจจัย [๕๑๑] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรมที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น ปีติสหคตธรรมที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย อนุโลมที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู โดยอนันตรปัจจัย พึงแสดงว่าเป็นปัจจัยสำหรับบททั้งปวง ด้วยเหตุนี้ อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน โคตรภู เป็นปัจจัยแก่มรรค โวทาน เป็นปัจจัยแก่ มรรค มรรค เป็นปัจจัยแก่ผล ผล เป็นปัจจัยแก่ผล อนุโลม เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ที่ เป็นปีติสหคตธรรม โดยอนันตรปัจจัย [๕๑๒] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรมที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น สุขสหคตธรรมที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย อนุโลมที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่โคตรภูที่เป็นสุขสหคตธรรม โดยอนันตร- *ปัจจัย อนุโลมที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่โวทานที่เป็นสุขสหคตธรรม ฯลฯ อนุโลมที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติที่เป็นสุขสหคตธรรม โดย อนันตรปัจจัย [๕๑๓] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ จุติจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม โดยอนันตรปัจจัย ภวังค์ที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ โดยอนันตรปัจจัย วิบากมโนวิญญาณธาตุที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่กิริยามโนวิญญาณธาตุ โดย อนันตรปัจจัย ภวังค์ที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ภวังค์ที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม โดยอนันตร- *ปัจจัย กุศลอกุศลที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม กิริยา เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ผล เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ โดยอนันตรปัจจัย [๕๑๔] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดย อนันตรปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรมที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรมที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย อนุโลมที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่โคตรภูที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุข- *สหคตธรรม โดยอนันตรปัจจัย ฯลฯ อนุโลมที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุข- *สหคตธรรม โดยอนันตรปัจจัย [๕๑๕] สุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสุขสหคตธรรมที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น สุขสหคตธรรมที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย อนุโลมที่เป็นสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่โคตรภูที่เป็นสุขสหคตธรรม โดยอนันตร- *ปัจจัย ฯลฯ อนุโลมที่เป็นสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติที่เป็นสุขสหคตธรรม โดย อนันตรปัจจัย [๕๑๖] สุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสุขสหคตธรรมที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น ปีติสหคตธรรมที่เกิดหลังๆ ฯลฯ อนุโลมที่เป็นสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติที่เป็นปีติสหคตธรรม โดย อนันตรปัจจัย [๕๑๗] สุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ จุติจิตที่เป็นสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม โดยอนันตรปัจจัย ภวังค์ที่เป็นสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ โดยอนันตรปัจจัย กายวิญญาณที่เป็นสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากมโนธาตุ โดยอนันตรปัจจัย วิบากมโนวิญญาณธาตุที่เป็นสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่กิริยามโนวิญญาณธาตุ โดย อนันตรปัจจัย ภวังค์ที่เป็นสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ภวังค์ที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม โดยอนันตร- *ปัจจัย กุศลอกุศลที่เป็นสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม กิริยา เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ผล เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ โดยอนันตรปัจจัย [๕๑๘] สุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดย อนันตรปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสุขสหคตธรรมที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรมที่เกิดหลังๆ ฯลฯ อนุโลมที่เป็นสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุข- *สหคตธรรม โดยอนันตรปัจจัย [๕๑๙] อุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม โดยอนันตร- *ปัจจัย คือ อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ปัญจวิญญาณ โดยอนันตรปัจจัย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น อุเบกขาสหคตธรรมที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรมที่เกิด หลังๆ ฯลฯ อนุโลมที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม เนวสัญญานาสัญญายตนะของบุคคลผู้ออกจากนิโรธ เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติที่เป็นอุเบกขา- *สหคตธรรม โดยอนันตรปัจจัย [๕๒๐] อุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ จุติจิตที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม วิบากมโนธาตุที่เป็นอุเบกขาสหคต- *ธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากมโนวิญญาณธาตุที่เป็นปีติสหคตธรรม ภวังค์ที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ภวังค์ที่เป็นปีติสหคตธรรม กุศลอกุศลที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ วุฏฐานะที่เป็นปีติสหคตธรรม กิริยา เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ผล เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ เนวสัญญา- *นาสัญญายตนะของบุคคลผู้ออกจากนิโรธ เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติที่เป็นปีติสหคตธรรม โดย อนันตรปัจจัย [๕๒๑] อุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม ฯลฯ ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดยอนันตรปัจจัย พึงกำหนดถือเอาข้อความตามบาลีข้างต้นนั้นแหละเป็นอรรถาธิบายในที่นี้ด้วย [๕๒๒] ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม ฯลฯ ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม ฯลฯ ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ จุติจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่เป็น อุเบกขาสหคตธรรม ภวังค์ที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ วิบากมโนวิญญาณธาตุที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ภวังค์ที่เป็น อุเบกขาสหคตธรรม กุศล อกุศลที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ วุฏฐานะที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม กิริยา เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ผล เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ โดยอนันตรปัจจัย [๕๒๓] ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และ สุขสหคตธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรมที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัย แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม ที่เกิดหลังๆ ฯลฯ อนุโลมที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติที่เป็นปีติ- *สหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดยอนันตรปัจจัย [๕๒๔] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดยสมนันตรปัจจัย
เหมือนกับ อนันตรปัจจัย
[๕๒๕] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดยสหชาตปัจจัย คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โดยสหชาตปัจจัย ขันธ์ ๒ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ โดยสหชาตปัจจัย
เหมือนกับ ปฏิจจวาร
ในสหชาตปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๑๐
[๕๒๖] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดยอัญญมัญญปัจจัย เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย
พึงกระทำหัวข้อปัจจัย ๑๐
[๕๒๗] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นปีติสหคตธรรมแล้ว ให้ทาน สมาทานศีล กระทำอุโบสถกรรม ยังฌานที่เป็นปีติสหคตธรรมให้เกิดขึ้น วิปัสสนา ฯลฯ มรรค ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ ถือทิฏฐิ ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นปีติสหคตธรรม ฯลฯ สุตะ ฯลฯ จาคะ ฯลฯ ปัญญา แล้วให้ ทาน สมาทานศีล ก่อมานะ ถือทิฏฐิ ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม บุคคลเข้าไปอาศัยราคะที่เป็นปีติสหคตธรรม ฯลฯ โมหะ มานะ ทิฏฐิ ฯลฯ ความ ปรารถนาแล้ว ให้ทาน สมาทานศีล กระทำอุโบสถกรรม ยังฌานที่เป็นปีติสหคตธรรมให้เกิดขึ้น ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม บุคคลย่อมถือเอาสิ่งของที่ผู้อื่นมิได้ให้ กล่าวเท็จ กล่าวส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ ตัดช่องย่องเบา ลอบขึ้นไปลักทรัพย์ ปล้นบ้านหลังหนึ่ง ปล้นตามทาง ผิดภรรยาผู้อื่น ฆ่าคน ในหมู่บ้าน ฆ่าคนในนิคม ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม ศรัทธาที่เป็นปีติสหคตธรรม ฯลฯ ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา ราคะ โมหะ มานะ ทิฏฐิ ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ที่เป็นปีติสหคตธรรม แก่ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา ราคะ โมหะ มานะ ทิฏฐิ แก่ความปรารถนา โดยอุปนิสสยปัจจัย [๕๒๘] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นปีติสหคตธรรม แล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ ถือทิฏฐิ ด้วยจิตที่เป็นสุขสหคตธรรม บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นปีติสหคตธรรม ฯลฯ สุตะ จาคะ ปัญญา ราคะ โมหะ มานะ ทิฏฐิ ฯลฯ ความปรารถนาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ด้วยจิตที่เป็น สุขสหคตธรรม บุคคลย่อมถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขามิได้ให้ ฯลฯ ฆ่าคนในนิคม ด้วยจิตที่เป็นสุข- *สหคตธรรม ศรัทธาที่เป็นปีติสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็นสุข- *สหคตธรรม แก่ความปรารถนา แก่กายวิญญาณที่เป็นสุขสหคตธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย [๕๒๙] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นปีติสหคตธรรม แล้วให้ทาน ฯลฯ ยังอภิญญาให้เกิดขึ้น ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ฯลฯ ถือทิฏฐิ ด้วยจิตที่เป็น อุเบกขาสหคตธรรม บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นปีติสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนาแล้วให้ทาน ฯลฯ ฆ่าคนในนิคม ด้วยจิตที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ศรัทธาที่เป็นปีติสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็นอุเบกขา- *สหคตธรรม แก่ความปรารถนา โดยอุปนิสสยปัจจัย [๕๓๐] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดย อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นปีติสหคตธรรม แล้วให้ทาน ฯลฯ ถือทิฏฐิ ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม ความปรารถนา ฯลฯ แล้วให้ทาน ฯลฯ ฆ่าคนในนิคม ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม ศรัทธาที่เป็นปีติสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็นปีติ- *สหคตธรรม และสุขสหคตธรรม แก่ความปรารถนา โดยอุปนิสสยปัจจัย [๕๓๑] สุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นสุขสหคตธรรมแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ถือทิฏฐิ ด้วยจิตที่เป็นสุขสหคตธรรม บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นสุขสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ กายวิญญาณ ที่เป็นสุขสหคตธรรมแล้วให้ทาน ฯลฯ ฆ่าคนในนิคม ด้วยจิตที่เป็นสุขสหคตธรรม ศรัทธาที่เป็นสุขสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ กายวิญญาณที่เป็นสุขสหคต- *ธรรม เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็นสุขสหคตธรรม แก่ความปรารถนา แก่กายวิญญาณที่เป็น สุขสหคตธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย [๕๓๒] สุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นสุขสหคตธรรมแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ถือทิฏฐิ ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นสุขสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ กายวิญญาณ ที่เป็นสุขสหคตธรรมแล้วให้ทาน ฯลฯ ฆ่าคนในนิคม ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม ศรัทธาที่เป็นสุขสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ กายวิญญาณที่เป็นสุขสหคต- *ธรรม เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็นปีติสหคตธรรม แก่ความปรารถนา โดยอุปนิสสยปัจจัย [๕๓๓] สุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นสุขสหคตธรรมแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ยังอภิญญาให้เกิดขึ้น ฯลฯ ถือทิฏฐิ ด้วยจิตที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นสุขสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ กายวิญญาณ ที่เป็นสุขสหคตธรรมแล้วให้ทาน ฯลฯ ฆ่าคนในนิคม ด้วยจิตที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ศรัทธาที่เป็นสุขสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ กายวิญญาณที่เป็นสุขสหคต- *ธรรม เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม แก่ความปรารถนา โดยอุปนิสสยปัจจัย [๕๓๔] สุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดย อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นสุขสหคตธรรมแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ถือทิฏฐิ ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นสุขสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ กายวิญญาณ ที่เป็นสุขสหคตธรรมแล้วให้ทาน ฯลฯ ฆ่าคนในนิคม ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม และ สุขสหคตธรรม ศรัทธาที่เป็นสุขสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ กายวิญญาณที่เป็นสุขสหคต- *ธรรม เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม แก่ความปรารถนา โดย อุปนิสสยปัจจัย [๕๓๕] อุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม โดยอุปนิสสย- *ปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม แล้วให้ทาน ฯลฯ ยังอภิญญาให้เกิดขึ้น ฯลฯ ถือทิฏฐิ ด้วยจิตที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนาแล้วให้ทาน ฯลฯ ฆ่าคนในนิคม ด้วยจิตที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ศรัทธาที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่ เป็นอุเบกขาสหคตธรรม แก่ความปรารถนา โดยอุปนิสสยปัจจัย [๕๓๖] อุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม แล้วให้ทาน ฯลฯ ถือทิฏฐิ ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนาแล้วให้ทาน ฯลฯ ฆ่าคนในนิคม ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม ศรัทธาที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็นปีติ- *สหคตธรรม แก่ความปรารถนา โดยอุปนิสสยปัจจัย [๕๓๗] อุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม แล้วให้ทาน ฯลฯ ถือทิฏฐิ ด้วยจิตที่เป็นสุขสหคตธรรม บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนาแล้วให้ทาน ฯลฯ ฆ่าคนในนิคม ด้วยจิตที่เป็นสุขสหคตธรรม ศรัทธาที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็นสุข- *สหคตธรรม แก่ความปรารถนา แก่กายวิญญาณที่เป็นสุขสหคตธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย [๕๓๘] อุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม แล้วให้ทาน ฯลฯ ถือทิฏฐิ ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนาแล้วให้ทาน ฯลฯ ฆ่าคนในนิคม ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม ศรัทธาที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็นปีติ- *สหคตธรรม และสุขสหคตธรรม แก่ความปรารถนา โดยอุปนิสสยปัจจัย [๕๓๙] ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดย อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรมแล้วให้ทาน ฯลฯ ถือทิฏฐิ ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนา แล้วให้ทาน ฯลฯ ฆ่าคนในนิคม ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม ศรัทธาที่เป็นปีติสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็นปีติ- *สหคตธรรม แก่ความปรารถนา โดยอุปนิสสยปัจจัย [๕๔๐] ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม โดย อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรมแล้วให้ทาน ฯลฯ ถือทิฏฐิ ด้วยจิตที่เป็นสุขสหคตธรรม บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนา แล้วให้ทาน ฯลฯ ฆ่าคนในนิคม ด้วยจิตที่เป็นสุขสหคตธรรม ศรัทธาที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัย แก่ศรัทธาที่เป็นสุขสหคตธรรม แก่ความปรารถนา แก่กายวิญญาณที่เป็นสุขสหคตธรรม โดย อุปนิสสยปัจจัย [๕๔๑] ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรมแล้วให้ทาน ฯลฯ ยังอภิญญาให้เกิดขึ้น ฯลฯ ถือทิฏฐิ ด้วยจิตที่เป็น อุเบกขาสหคตธรรม บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรมแล้วให้ทาน ฯลฯ ฆ่าคนในนิคม ด้วยจิตที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ศรัทธาที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ ศรัทธาที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม แก่ความปรารถนา โดยอุปนิสสยปัจจัย [๕๔๒] ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดย อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรมแล้วให้ทาน สมาทานศีล กระทำอุโบสถกรรม ยังฌานที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรมให้เกิดขึ้น วิปัสสนา ฯลฯ มรรค ฯลฯ สมาบัติ ฯลฯ มานะ ฯลฯ ถือทิฏฐิ ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม ฯลฯ สุตะ จาคะ ปัญญา ราคะ โมหะ มานะ ทิฏฐิ ฯลฯ ความปรารถนาแล้วให้ทาน สมาทานศีล กระทำ อุโบสถกรรม ฌานที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม ฯลฯ วิปัสสนา ฯลฯ มรรค ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม บุคคลย่อมถือเอาสิ่งของที่ผู้อื่นมิได้ให้ กล่าวเท็จ กล่าวส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ ตัดช่อง ย่องเบา ลอบขึ้นไปลักทรัพย์ ปล้นบ้านหลังหนึ่ง ปล้นตามทาง ผิดภรรยาผู้อื่น ฆ่าคนในหมู่บ้าน ฆ่าคนในนิคม ด้วยจิตที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม ศรัทธาที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ ศรัทธาที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม แก่ความปรารถนา โดยอุปนิสสยปัจจัย [๕๔๓] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดยอาเสวนปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น ปีติสหคตธรรม ที่เกิดหลังๆ โดยอาเสวนปัจจัย อนุโลมที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่โคตรภูที่เป็นปีติสหคตธรรม อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน โคตรภู เป็นปัจจัยแก่มรรค โวทาน เป็นปัจจัยแก่มรรค โดยอาเสวนปัจจัย [๕๔๔] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม โดยอาเสวนปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสุขสหคตธรรม ที่เกิดหลังๆ โดยอาเสวนปัจจัย อนุโลมที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่โคตรภูที่เป็นสุขสหคตธรรม โดยอาเสวน- *ปัจจัย อนุโลมที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่โวทานที่เป็นสุขสหคตธรรม โดยอาเสวน- *ปัจจัย โคตรภูที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่มรรคที่เป็นสุขสหคตธรรม โวทานที่เป็น ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่มรรคที่เป็นสุขสหคตธรรม โดยอาเสวนปัจจัย [๕๔๕] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดย อาเสวนปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม ที่เกิดหลังๆ โดยอาเสวนปัจจัย ฯลฯ โวทานที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่มรรคที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคต- *ธรรม โดยอาเสวนปัจจัย [๕๔๖] สุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม ฯลฯ ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม ฯลฯ ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดยอาเสวนปัจจัย ฯลฯ
พึงดูปีตินัย แล้วกระทำไปตามนั้น
[๕๔๗] อุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม โดยอาเสวน- *ปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ที่เกิดหลังๆ โดยอาเสวนปัจจัย โวทานที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่มรรคที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม โดย อาเสวนปัจจัย [๕๔๘] ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม ฯลฯ ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม ฯลฯ ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดยอาเสวนปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัย แก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม ที่เกิดหลังๆ โดยอาเสวนปัจจัย ฯลฯ [๕๔๙] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต นานาขณิก ที่เป็น สหชาต ได้แก่ เจตนาที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ ทั้งหลาย โดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ เจตนาที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย โดยกัมมปัจจัย ที่เป็น นานาขณิก ได้แก่ เจตนาที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นปีติสหคตธรรม ซึ่งเป็นวิบาก โดยกัมมปัจจัย [๕๕๐] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม โดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต นานาขณิก ที่เป็น สหชาต ได้แก่ เจตนาที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ ทั้งหลายที่เป็นสุขสหคตธรรม โดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ เจตนาที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสุขสหคตธรรม โดยกัมมปัจจัย ที่เป็น นานาขณิก ได้แก่ เจตนาที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ ทั้งหลายที่เป็นสุขสหคตธรรม ซึ่งเป็นวิบาก โดยกัมมปัจจัย [๕๕๑] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม โดยกัมมปัจจัย มีอย่างเดียว คือ นานาขณิก ได้แก่ เจตนาที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ซึ่งเป็นวิบาก โดยกัมมปัจจัย [๕๕๒] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดย กัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต นานาขณิก ที่เป็น สหชาต ได้แก่ เจตนาที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ ทั้งหลายที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ที่เป็น นานาขณิก ได้แก่ เจตนาที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม ซึ่งเป็นวิบาก โดยกัมมปัจจัย [๕๕๓] สุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม ฯลฯ
พึงดูการนับทั้ง ๔ แล้วกระทำไปตามนั้น
[๕๕๔] อุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม โดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต นานาขณิก ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดยกัมมปัจจัย มีอย่างเดียว คือ นานาขณิก ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม โดยกัมมปัจจัย มีอย่างเดียว คือ นานาขณิก ได้แก่ เจตนาที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ฯลฯ ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดยกัมมปัจจัย มีอย่างเดียว คือ นานาขณิก ได้แก่ เจตนาที่เป็นอุเบกขาสหคตธรรม ฯลฯ ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม ฯลฯ
พึงกระทำทั้ง ๔ นัย
ผู้มีปัญญาพึงแจก ปีติสหคตธรรม
[๕๕๕] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดยวิปากปัจจัย คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นปีติสหคตธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โดยวิปาก- *ปัจจัย ขันธ์ ๒ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ขันธ์ ๒ เป็น ปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ ฯลฯ หัวข้อปัจจัยทั้ง ๑๐ พึงให้พิสดาร เหมือนกับ เหตุปัจจัยในปฏิจจวาร [๕๕๖] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดยอาหารปัจจัย เป็นปัจจัย โดยอินทริยปัจจัย เป็นปัจจัย โดยฌานปัจจัย เป็นปัจจัย โดยมัคคปัจจัย เป็นปัจจัย โดยสัมปยุตตปัจจัย เป็นปัจจัย โดยอัตถิปัจจัย
หัวข้อปัจจัยทั้ง ๑๐ พึงให้พิสดาร
เป็นปัจจัย โดยนัตถิปัจจัย เป็นปัจจัย โดยวิคตปัจจัย
นัตถิปัจจัยก็ดี วิคตปัจจัยก็ดี เหมือนกับ อนันตรปัจจัย
เป็นปัจจัยโดย อวิคตปัจจัย
[๕๕๗] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๑๐ ในอารัมมณปัจจัย มี " ๑๖ ในอธิปติปัจจัย มี " ๑๖ ในอนันตรปัจจัย มี " ๑๖ ในสมนันตรปัจจัย มี " ๑๖ ในสหชาตปัจจัย มี " ๑๐ ในอัญญมัญญปัจจัย มี " ๑๐ ในนิสสยปัจจัย มี " ๑๐ ในอุปนิสสยปัจจัย มี " ๑๐ ในอาเสวนปัจจัย มี " ๑๐ ในกัมมปัจจัย มี " ๑๖ ในวิปากปัจจัย มี " ๑๐ ในอาหารปัจจัย ในอินทริยปัจจัย ในฌานปัจจัย ในมัคคปัจจัย ในสัมปยุตปัจจัย ในอัตถิปัจจัย มีวาระ ๑๐ ในนัตถิปัจจัย มี " ๑๖ ในวิคตปัจจัย มี " ๑๖ ในอวิคตปัจจัย มี " ๑๐
ผู้มีปัญญาพึงนับคล้อยตาม กุสลัตติกอนุโลม
อนุโลม จบ.
[๕๕๘] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็น ปัจจัย โดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย โดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย โดยกัมมปัจจัย [๕๕๙] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็น ปัจจัย โดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย โดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย โดยกัมมปัจจัย [๕๖๐] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย โดยอุปนิสสยปัจจัย [๕๖๑] ปีติสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดย อารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย โดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย โดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย โดยกัมมปัจจัย [๕๖๒] สุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็น ปัจจัย โดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย โดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย โดยกัมมปัจจัย [๕๖๓] สุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็น ปัจจัย โดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย โดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย โดยกัมมปัจจัย [๕๖๔] สุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย โดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย โดยกัมมปัจจัย [๕๖๕] สุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดย อารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย โดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย โดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย โดยกัมมปัจจัย [๕๖๖] อุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม โดยอารัมมณ- *ปัจจัย เป็นปัจจัย โดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย โดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย โดย กัมมปัจจัย [๕๖๗] อุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย โดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย โดยกัมมปัจจัย [๕๖๘] อุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย โดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย โดยกัมมปัจจัย [๕๖๙] อุเบกขาสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย โดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย โดยกัมมปัจจัย [๕๗๐] ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม โดย อารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย โดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย โดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย โดยกัมมปัจจัย [๕๗๑] ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่สุขสหคตธรรม โดย อารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย โดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย โดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย โดยกัมมปัจจัย [๕๗๒] ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาสหคตธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย โดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย โดยกัมมปัจจัย [๕๗๓] ปีติสหคตธรรม และสุขสหคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปีติสหคตธรรม และ สุขสหคตธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย โดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัย โดย อุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัย โดยอารัมมณปัจจัย [๕๗๔] ในปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีวาระ ๑๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย มี " ๑๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อธิปติปัจจัย มี " ๑๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อนันตรปัจจัย มี " ๑๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สมนันตรปัจจัย มี " ๑๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สหชาตปัจจัย มี " ๑๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อัญญมัญญปัจจัย มี " ๑๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่นิสสยปัจจัย มี " ๑๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อุปนิสสยปัจจัย มี " ๑๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปุเรชาตปัจจัย มีวาระ ๑๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปัจฉาชาตปัจจัย มี " ๑๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาเสวนปัจจัย มี " ๑๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่กัมมปัจจัย มี " ๑๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปากปัจจัย มี " ๑๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาหารปัจจัย มี " ๑๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อินทริยปัจจัย มี " ๑๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่ฌานปัจจัย มี " ๑๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่มัคคปัจจัย มี " ๑๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย มี " ๑๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย มี " ๑๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อัตถิปัจจัย มี " ๑๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย มี " ๑๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย มี " ๑๖ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อวิคตปัจจัย มี " ๑๖
ผู้มีปัญญาพึงนับปัจจนียะ
ปัจจนียะ จบ.
[๕๗๕] ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มีวาระ ๑๐ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อธิปติปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สมนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อุปนิสสยปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปุเรชาตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปัจฉาชาตปัจจัย กับ ฯลฯ มีวาระ ๑๐ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาเสวนปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในปัจจัยที่ไม่ใช่กัมมปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปากปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาหารปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อินทริยปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในปัจจัยที่ไม่ใช่ฌานปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในปัจจัยที่ไม่ใช่มัคคปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐
ผู้มีปัญญาพึงนับอนุโลมปัจจนียะ
อนุโลมปัจจนียะ จบ.
[๕๗๖] ในอารัมมณปัจจัย กับปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีวาระ ๑๖ ในอธิปติปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๖ ในอนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๖ ในสมนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๖ ในสหชาตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในอัญญมัญญปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในนิสสยปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในอุปนิสสยปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๖ ในอาเสวนปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในกัมมปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๖ ในวิปากปัจจัย กับ ฯลฯ มีวาระ ๑๐ ในอาหารปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในอินทริยปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในฌานปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในมัคคปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในสัมปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในอัตถิปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในนัตถิปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๖ ในวิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๖ ในอวิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐
ผู้มีปัญญาพึงนับปัจจนียานุโลม
ปัจจนียานุโลม จบ
ปีติตติกะ ที่ ๗ จบ
-----------------------------------------------------

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๔๑ บรรทัดที่ ๓๕๕๘-๔๒๕๒ หน้าที่ ๑๕๒-๑๘๑. http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=41&A=3558&Z=4252&pagebreak=0 http://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=41&A=3558&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3], [4], [5], [6], [7], [8], [9], [10]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=41&siri=7              ศึกษาอรรถกถาได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=41&i=481              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=41&A=3088              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=41&A=3088              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๑ http://84000.org/tipitaka/read/?index_41

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]