ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค
             [๙๒] พวกเจ้าลิจฉวี เมืองเวสาลี ได้ทราบข่าวว่า พระผู้มีพระภาคเสด็จ
ถึงเมืองเวสาลี ประทับอยู่ ณ อัมพปาลีวันเขตเมืองเวสาลี ครั้งนั้น พวกเจ้าลิจฉวี
รับสั่งให้จัดยานที่ดีๆ แล้วเสด็จขึ้นยานออกจากเมืองเวสาลีไปแล้ว ในพวกเจ้า-
*ลิจฉวีนั้น บางพวก เขียวล้วน คือมีวรรณะเขียว มีผ้าเขียว มีเครื่องประดับเขียว
บางพวกเหลืองล้วน คือมีวรรณะเหลือง มีผ้าเหลือง มีเครื่องประดับเหลือง
บางพวกแดงล้วน คือมีวรรณะแดง มีผ้าแดง มีเครื่องประดับแดง บางพวกขาว-
*ล้วน คือมีวรรณะขาว มีผ้าขาว มีเครื่องประดับขาว ครั้งนั้น นางอัมพปาลีคณิกา
ให้เพลารถกระทบเพลารถ ล้อรถกระทบล้อรถ แอกกระทบแอก ของพวกเจ้าลิจฉวี
หนุ่มๆ พวกเจ้าลิจฉวีได้พูดกะนางอัมพปาลีคณิกาว่า แน่ะนางอัมพปาลี เหตุไร
ท่านจึงให้เพลารถกระทบเพลารถ ล้อรถกระทบล้อรถ แอกกระทบแอก ของพวก-
*เจ้าลิจฉวีหนุ่มๆ ฯ
             อ. ข้าแต่ลูกเจ้า จริงอย่างนั้น หม่อมฉันทูลนิมนต์พระผู้มีพระภาค
พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ให้ทรงรับภัตในวันพรุ่งนี้ ฯ
             ล. แน่ะนางอัมพปาลี เจ้าจงให้ภัตนี้โดยราคาแสนหนึ่งเถิด ฯ
             ข้าแต่ลูกเจ้า ก็พวกท่านจักให้เมืองเวสาลีพร้อมทั้งชนบทแก่หม่อมฉัน
แม้อย่างนั้น หม่อมฉันก็จักไม่ให้ภัตอันใหญ่ได้ ฯ
             ลำดับนั้น พวกเจ้าลิจฉวีปรบนิ้วมือว่า ดูกรท่านทั้งหลาย นางอัมพปาลี
ชนะพวกเราแล้วหนอ พวกเราถูกนางอัมพปาลีลวงแล้วหนอ จึงพวกเจ้าลิจฉวีได้
ไปยังอัมพปาลีวันแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ทรงเห็นพวกเจ้าลิจฉวีมาแต่ไกล ครั้นแล้ว
จึงรับสั่งกะพวกภิกษุว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุที่ยังไม่เคยเห็นพวกเทวดา
ชั้นดาวดึงส์ จงดูพวกเจ้าลิจฉวี จงจ้องดูหมู่เจ้าลิจฉวี จงนำเข้าไปเปรียบหมู่เจ้า
ลิจฉวี ให้เหมือนกับเทวดาชั้นดาวดึงส์ ฯ
             ลำดับนั้น พวกเจ้าลิจฉวีไปด้วยยานจนสุดภูมิประเทศที่ยานจะไปได้
ลงจากยานเดินเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคจนถึงที่ประทับ ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้วจึงถวาย
บังคมพระผู้มีพระภาค นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง เมื่อพวกเจ้าลิจฉวีนั่งเรียบร้อยแล้ว
พระผู้มีพระภาคทรงยังพวกเจ้าลิจฉวีเหล่านั้น ให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ
ให้รื่นเริงด้วยธรรมีกถา ครั้งนั้นแล พวกเจ้าลิจฉวีอันพระผู้มีพระภาคทรงให้เห็นแจ้ง
ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้รื่นเริงด้วยธรรมีกถาแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาค
ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์จงทรงรับภัต ของ
พวกข้าพระองค์ในวันพรุ่งนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรพวกเจ้าลิจฉวี เราได้
รับภัตของนางอัมพปาลีคณิกาไว้ในวันพรุ่งนี้เสียแล้ว ลำดับนั้น พวกเจ้าลิจฉวี
ปรบนิ้วมือว่า นางอัมพปาลีคณิกาชนะพวกเราแล้วหนอ พวกเราถูกนางอัมพปาลี-
*คณิกาลวงแล้วหนอ พวกเจ้าลิจฉวีชื่นชมยินดีภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล้วลุก
จากอาสนะ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณหลีกไปแล้ว ฯ
             ครั้งนั้น นางอัมพปาลีคณิกา ให้ตระเตรียมของเคี้ยวของฉันอันประณีต
ในอารามของตนคืนยังรุ่ง เสร็จแล้วสั่งให้กราบทูลภัตกาลแด่พระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ได้เวลาแล้ว ภัตตาหารสำเร็จแล้ว ฯ
             ลำดับนั้น เวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงนุ่งแล้ว ทรงถือบาตรและจีวร
พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ เสด็จไปยังที่พักชั่วคราวของนางอัมพปาลีคณิกา ประทับนั่ง
บนอาสนะที่เขาจัดถวาย นางอัมพปาลีคณิกา อังคาสภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็น
ประมุข ให้อิ่มหนำเพียงพอด้วยของเคี้ยวของฉันอันประณีตด้วยมือของตน ครั้น
พระผู้มีพระภาคเสวยเสร็จ วางพระหัตถ์จากบาตรแล้ว นางอัมพปาลีคณิกาถือ
อาสนะต่ำนั่งเฝ้าอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันขอมอบอารามนี้แด่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็น
ประมุข พระผู้มีพระภาคทรงรับอารามแล้ว ทรงยังนางอัมพปาลีคณิกาให้เห็นแจ้ง
ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้รื่นเริง ด้วยธรรมีกถา เสด็จลุกจากอาสนะหลีก
ไปแล้ว ฯ
             ได้ยินว่า พระผู้มีพระภาคประทับ ณ อัมพปาลีวัน เขตเมืองเวสาลีนั้น
ทรงกระทำธรรมีกถานี้แหละเป็นอันมากแก่พวกภิกษุว่า อย่างนี้ศีล อย่างนี้สมาธิ
อย่างนี้ปัญญา สมาธิอันศีลอบรมแล้วย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ ปัญญาอัน
สมาธิอบรมแล้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ จิตอันปัญญาอบรมแล้ว ย่อม
หลุดพ้นจากอาสวะโดยชอบ คือ กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ ฯ

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ บรรทัดที่ ๒๔๓๐-๒๔๘๑ หน้าที่ ๙๙-๑๐๑. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=10&A=2430&Z=2481&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [คลิกเพื่อฟัง]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=10&siri=3              ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=67              ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- [92] https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=10&item=92&items=1              อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=5&A=2965              The Pali Tipitaka in Roman :- [92] https://84000.org/tipitaka/pali/roman_item_s.php?book=10&item=92&items=1              The Pali Atthakatha in Roman :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=5&A=2965              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐ https://84000.org/tipitaka/read/?index_10              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://84000.org/tipitaka/english/metta.lk/10i067-e2.php# https://84000.org/tipitaka/english/metta.lk/10i067-e3.php# https://accesstoinsight.org/tipitaka/dn/dn.16.5-6.than.html https://accesstoinsight.org/tipitaka/dn/dn.16.1-6.vaji.html http://www.buddha-vacana.org/sutta/digha/dn16.html https://suttacentral.net/dn16/en/sujato https://suttacentral.net/dn16/en/anandajoti

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :