ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๑ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๘ มหาปัฏฐานปกรณ์ ภาค ๒ ปัจฉิมอนุโลมติกปัฏฐาน
ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกัตติกะ
ปฏิจจวาร
[๗๖๗] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิด ขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุก- *ธรรม อาศัยขันธ์ ๒ [๗๖๘] ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุก- *ธรรม ขันธ์ ๒ [๗๖๙] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนาย- *ปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเนวทัสสเนนนภาวนาย- *ปหาตัพพเหตุกธรรม ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัย โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเนวทัสสเนนนภาวนาย- *ปหาตัพพเหตุกธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย หทัยวัตถุ อาศัยมหาภูตรูป ๑ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูป ทั้งหลาย ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ [๗๗๐] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒ และโมหะ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และมหาภูตรูป ทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปตัพพเหตุกธรรม อาศัย ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ อาศัยขันธ์ ๒ และโมหะ ฯลฯ [๗๗๑] ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒ และโมหะ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และมหาภูตรูป ทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ [๗๗๒] ทัสสเนนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย คือ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ เพราะอารัมมณปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ขันธ์ ๒ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๒ [๗๗๓] ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย มี ๓ นัย พึงจำแนกเหมือนกับทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม [๗๗๔] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนาย- *ปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทัยวัตถุ [๗๗๕] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุก- *ธรรม ฯลฯ เพราะอารัมมณปัจจัย คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา [๗๗๖] ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุก- *ธรรม ฯลฯ เพราะอารัมมณปัจจัย คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ [๗๗๗] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ เพราะอารัมมณปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒ และโมหะ [๗๗๘] ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒ และโมหะ [๗๗๙] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิด ขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย มี ๓ นัย เหมือนกับเหตุปัจจัย ฯลฯ อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ มี ๓ นัย เหมือนกับเหตุปัจจัย
ในอธิปติปัจจัย โมหะไม่มี
[๗๘๐] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนาย- *ปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเนวทัสสเนนนภาวนายปหา- *ตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย [๗๘๑] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุก- *ธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และมหาภูตรูป ทั้งหลาย [๗๘๒] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุก- *ธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม มหาภูตรูปทั้งหลาย เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ เพราะอนันตรปัจจัย เพราะ สมนันตรปัจจัย เหมือนกับอารัมมณปัจจัย [๗๘๓] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิด ขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ เพราะสหชาตปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ เพราะสหชาตปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูป ขันธ์ ๒ ขันธ์ ๓ และโมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา [๗๘๔] ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิด ขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ เพราะสหชาตปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ เพราะสหชาตปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒ ขันธ์ ๓ และโมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัย ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ [๗๘๕] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนาย- *ปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ เพราะสหชาตปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเนวทัสสเนนนภาวนายปหา- *ตัพพเหตุกธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่ สหรคตด้วยอุทธัจจะ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายอาศัยหทัยวัตถุ มหาภูต- *รูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวก อสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ เพราะสหชาตปัจจัย คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ เพราะสหชาตปัจจัย ฯลฯ พึงกระทำเหมือนกับเหตุปัจจัย [๗๘๖] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ เพราะอัญญมัญญปัจจัย เพราะ นิสสยปัจจัย เพราะ อุปนิสสยปัจจัย เพราะ ปุเรชาตปัจจัย เพราะ อาเสวนปัจจัย เพราะ กัมมปัจจัย เพราะ วิปากปัจจัย เพราะ อาหารปัจจัย เพราะ อินทริยปัจจัย เพราะ ฌานปัจจัย เพราะ มัคคปัจจัย เพราะ สัมปยุตตปัจจัย เพราะ วิปปยุตต- *ปัจจัย เพราะ อัตถิปัจจัย เพราะ นัตถิปัจจัย เพราะ วิคตปัจจัย เพราะ อวิคตปัจจัย [๗๘๗] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๑๗ ในอารัมมณปัจจัย มี " ๑๑ ในอธิปติปัจจัย มี " ๙ ในอนันตรปัจจัย มี " ๑๑ ในสมนันตรปัจจัย มี " ๑๑ ในสหชาตปัจจัย มี " ๑๗ ในอัญญมัญญปัจจัย มี " ๑๑ ในนิสสยปัจจัย มี " ๑๗ ในอุปนิสสยปัจจัย มี " ๑๑ ในปุเรชาตปัจจัย มี " ๑๑ ในอาเสวนปัจจัย มี " ๑๑ ในกัมมปัจจัย มี " ๑๗ ในวิปากปัจจัย มี " ๑ ในอาหารปัจจัย มี " ๑๗ ในอินทริยปัจจัย มี " ๑๗ ในฌานปัจจัย มี " ๑๗ ในมัคคปัจจัย มี " ๑๗ ในสัมปยุตตปัจจัย มีวาระ ๑๑ ในวิปปยุตตปัจจัย มี " ๑๗ ในอัตถิปัจจัย มี " ๑๗ ในนัตถิปัจจัย มี " ๑๑ ในวิคตปัจจัย มี " ๑๑ ในอวิคตปัจจัย มี " ๑๗
พึงนับอย่างนี้
อนุโลม จบ
[๗๘๘] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพ- *เหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะเหตุปัจจัย คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา [๗๘๙] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุก- *ธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะเหตุปัจจัย คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ [๗๙๐] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนาย- *ปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะเหตุปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเนวทัสสเนนนภาวนายปหา- *ตัพพเหตุกธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทัยวัตถุ อาศัยมหาภูตรูป ๑ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวก อสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ [๗๙๑] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพ- *เหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอารัมมณปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม [๗๙๒] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพ- *เหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอารัมมณปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ที่สหรคต ด้วยวิจิกิจฉา ฯลฯ [๗๙๓] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนาย- *ปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอารัมมณปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุก- *ธรรม จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเนวทัสสเนนนนภาวนายปหา- ตัพพเหตุกธรรม หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ ทั้งหลาย ฯลฯ [๗๙๔] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนนปหาตัพพ- *เหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะ อารัมมณปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และมหาภูตรูป ทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ [๗๙๕] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุก- *ธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอารัมมณ- *ปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และมหาภูตรูป ทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ [๗๙๖] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนนปหาตัพพ- *เหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอธิปติปัจจัย เหมือนกับ สหชาตปัจจัย ไม่ใช่เพราะอนันตรปัจจัย ไม่ใช่เพราะสมนันตรปัจจัย ไม่ใช่เพราะอัญญ- *มัญญปัจจัย ไม่ใช่เพราะอุปนิสสยปัจจัย [๗๙๗] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะปุเรชาตปัจจัย คือ ในอรูปภูมิ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะปุเรชาตปัจจัย คือ ในอรูปภูมิ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ขันธ์ ๒ ฯลฯ อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ เหมือนกับทัสสเนน มี ๓ นัย [๗๙๘] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนาย- *ปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะปุเรชาตปัจจัย คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุก- *ธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเนวทัสสเนนนภาวนายปหา- *ตัพพเหตุกธรรม จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะปุเรชาตปัจจัย คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะปุเรชาตปัจจัย คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ [๗๙๙] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพ- *เหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะปุเรชาต ปัจจัย คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และมหาภูตรูป ทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ [๘๐๐] ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะปุเรชาตปัจจัย
แม้เหล่านี้ พึงกระทำหัวข้อปัจจัย ๒
[๘๐๑] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะปัจฉาชาตปัจจัย ไม่ใช่เพราะอาเสวนปัจจัย ไม่ใช่เพราะกัมมปัจจัย คือ เจตนาที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหา- *ตัพพเหตุกธรรม [๘๐๒] ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะกัมมปัจจัย คือ เจตนาที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นภาวนายปหา- *ตัพพเหตุกธรรม [๘๐๓] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนาย- *ปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะกัมมปัจจัย คือ เจตนาที่เป็นเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐาน- *รูป ฯลฯ ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะกัมมปัจจัย คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ [๘๐๔] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ [๘๐๕] ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะกัมมปัจจัย คือ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ [๘๐๖] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะวิปากปัจจัย ปฏิสนธิ ไม่มี [๘๐๗] เนวทัสสเนนนภาวนาย ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอาหารปัจจัย คือ พาหิรรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอินทริยปัจจัย คือ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ ทั้งหลาย รูปชีวิตินทรีย์ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ไม่ใช่เพราะฌานปัจจัย คือ ปัญจวิญญาณ พึงกระทำมหาภูตรูปทั้งหลาย ไม่ใช่เพราะมัคคปัจจัย คือ ฯลฯ ขันธ์ ๑ ที่เป็นเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ ไม่ใช่เพราะสัมปยุตตปัจจัย [๘๐๘] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะวิปปยุตตปัจจัย คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะวิปปยุตตปัจจัย คือ ในอรูปภูมิ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย วิจิกิจฉา ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะวิปปยุตตปัจจัย คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ขันธ์ ๒ ฯลฯ [๘๐๙] ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะวิปปยุตตปัจจัย คือ ในอรูปภูมิ ภาวนาย ฯลฯ มี ๓ นัย [๘๑๐] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนาย- *ปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะวิปปยุตตปัจจัย คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเนวทัสสเนนภาวนายปหาตัพพเหตุก- *ธรรม ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วน พวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะวิปปยุตตปัจจัย คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะวิปปยุตตปัจจัย คือ ในอรูปภูมิ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ [๘๑๑] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะวิปปยุตตปัจจัย คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ อาศัยขันธ์ ๒ [๘๑๒] ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะวิปปยุตตปัจจัย คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ ๒ ฯลฯ
ไม่ใช่เพราะนัตถิปัจจัย ไม่ใช่เพราะวิคตปัจจัย
[๘๑๓] ในปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีวาระ ๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อธิปติปัจจัย มี " ๑๗ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อนันตรปัจจัย มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สมนันตรปัจจัย มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อัญญมัญญปัจจัย มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อุปนิสสยปัจจัย มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปุเรชาตปัจจัย มี " ๑๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปัจฉาชาตปัจจัย มี " ๑๗ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาเสวนปัจจัย มี " ๑๗ ในปัจจัยที่ไม่ใช่กัมมปัจจัย มี " ๗ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปากปัจจัย มี " ๑๗ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาหารปัจจัย มีวาระ ๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อินทริยปัจจัย มี " ๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่ฌานปัจจัย มี " ๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่มัคคปัจจัย มี " ๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย มี " ๑๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย มี " ๕
พึงนับอย่างนี้
ปัจจนียะ จบ
[๘๑๔] ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มีวาระ ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อธิปติปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๗ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สมนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อัญญมัญญปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อุปนิสสยปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปุเรชาตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปัจฉาชาตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๗ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาเสวนปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๗ ในปัจจัยที่ไม่ใช่กัมมปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๗ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปากปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๗ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มีวาระ ๑๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕
พึงนับอย่างนี้
อนุโลมปัจจนียะ จบ
[๘๑๕] ในอารัมมณปัจจัย กับปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีวาระ ๓ ในอนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในสมนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในสหชาตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในอัญญมัญญปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในนิสสยปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในอุปนิสสยปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในปุเรชาตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในอาเสวนปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในกัมมปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในวิปากปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑ ในอาหารปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในอินทริยปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในฌานปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในมัคคปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๒ ในสัมปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในวิปปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในอัตถิปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในนัตถิปัจจัย กับ ฯลฯ มีวาระ ๓ ในวิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในอวิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓
พึงนับอย่างนี้
ปัจจนียานุโลม จบ
ปฏิจจวาร จบ
สหชาตวาร เหมือนกับ ปฏิจจวาร
-----------------------------------------------------

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๔๑ บรรทัดที่ ๕๗๐๘-๖๑๐๒ หน้าที่ ๒๔๒-๒๕๙. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=41&A=5708&Z=6102&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3], [4], [5]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=41&siri=14              ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=41&i=767              ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- [767-815] https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=41&item=767&items=49              อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=55&A=12724              The Pali Tipitaka in Roman :- [767-815] https://84000.org/tipitaka/pali/roman_item_s.php?book=41&item=767&items=49              The Pali Atthakatha in Roman :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=55&A=12724              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๑ https://84000.org/tipitaka/read/?index_41              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/patthana1.10/en/narada

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :