ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วไม่แสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๓ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๑๐ ปัฏฐานปกรณ์ ภาค ๔
ปัญหาวาร
[๔๐๗] อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม โดยเหตุปัจจัย คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทาน- *ธรรม โดยเหตุปัจจัย.

--------------------------------------------------------------------------------------------- หน้าที่ ๒๕๗.

พึงกระทำมูล
เหตุทั้งหลายที่เป็นอุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูป ทั้งหลาย โดยเหตุปัจจัย.
พึงกระทำมูล
เหตุทั้งหลายที่เป็นอุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูป ทั้งหลายที่เป็นอุปาทานธรรม โดยเหตุปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยเหตุปัจจัย คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต์ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป ทั้งหลาย โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม โดยเหตุปัจจัย คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายที่เป็น อุปาทานธรรม โดยเหตุปัจจัย.
พึงกระทำมูล
เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป ทั้งหลายที่เป็นอุปาทานธรรม โดยเหตุปัจจัย. อุปาทานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม โดยเหตุ- *ปัจจัย คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอุปาทานธรรม และไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต- *ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทานธรรม โดยเหตุปัจจัย.
พึงกระทำมูล
เหตุทั้งหลายที่เป็นอุปาทานธรรม และไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยเหตุปัจจัย.
พึงกระทำมูล
เหตุทั้งหลายที่เป็นอุปาทานธรรม และไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลายที่เป็นอุปาทานธรรม โดยเหตุปัจจัย. [๔๐๘] อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม โดยอารัมมณปัจจัย

--------------------------------------------------------------------------------------------- หน้าที่ ๒๕๘.

คือ เพราะปรารภอุปาทานธรรมทั้งหลาย อุปาทานธรรม เกิดขึ้น. พึงกระทำคำว่า ปรารภ ทั้ง ๓ นัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยอารัมมณปัจจัย คือ บุคคลให้ทาน รักษาศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม แล้วพิจารณากุศลธรรมนั้น ย่อม ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภกุศลธรรมนั้น ราคะ ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัสเกิดขึ้น กุศลธรรมทั้งหลายที่ได้สั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌาน แล้วพิจารณาฌาน พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค แล้วพิจารณามรรค ผล ฯลฯ พิจารณานิพพาน นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่โวทาน แก่มรรค แก่ผล แก่อาวัชชนะ โดย อารัมมณปัจจัย พระอริยะทั้งหลาย กิเลสที่ละแล้ว ซึ่งไม่ใช่อุปาทานธรรม ฯลฯ พิจารณากิเลสทั้งหลาย ที่ละแล้ว กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ จักขุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยความเป็นของไม่ เที่ยง ฯลฯ โทมนัสเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยเจโตปริยญาณ อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ ฯลฯ รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโตปริยญาณ แก่ บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมุปคญาณ แก่อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ โดยอารัมมณ- *ปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม โดยอารัมมณปัจจัย คือ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ บุคคลกระทำอุโบสถกรรมแล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลิน ยิ่ง ซึ่งกุศลธรรมนั้น เพราะปรารภกุศลธรรมนั้น ราคะเกิดขึ้น ทิฏฐิเกิดขึ้น กุศลทั้งหลายที่ได้สั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ออกจากฌาน ฯลฯ จักขุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เพราะปรารภจักขุ เป็นต้นนั้น ราคะเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ.

--------------------------------------------------------------------------------------------- หน้าที่ ๒๕๙.

ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยอารัมมณปัจจัย คือ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ กุศลที่ได้สั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ จากฌาน ฯลฯ จักขุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งขันธ์ทั้งหลายที่ ไม่ใช่อุปาทานธรรม เพราะปรารภจักขุเป็นต้นนั้น อุปาทานธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เกิดขึ้น อุปาทานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม โดย อารัมมณปัจจัย พึงกระทำคำว่า ปรารภทั้ง ๓ นัย. [๔๐๙] อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะกระทำอุปาทานธรรมทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น อุปาทาน- *ธรรม เกิดขึ้น. มี ๓ นัย เป็นอารัมมณาธิปติ อย่างเดียว. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ. ที่เป็นอารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ ในกาล ก่อน ฯลฯ ออกจากฌานแล้วทำฌานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้วพิจารณา ย่อมยินดี ฯลฯ พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค แล้วกระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ผล ฯลฯ นิพพานให้หนักแน่น แล้วพิจารณา นิพพาน เป็นปัจจัยแก่ ผล โดยอธิปติปัจจัย จักขุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ บุคคลกระทำขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทานธรรมให้หนักแน่น แล้วย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักขุเป็นต้นนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ. ที่เป็นสหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยอธิปติปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ.

--------------------------------------------------------------------------------------------- หน้าที่ ๒๖๐.

ที่เป็นอารัมมณาธิปติ ได้แก่ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ บุคคลกระทำอุโบสถกรรมแล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งกุศลธรรมนั้น เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่าง หนักแน่น ราคะเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ. กุศลทั้งหลายที่ได้สั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ จากฌาน จักขุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ บุคคลกระทำขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทานธรรมให้เป็น อารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักขุเป็นต้นนั้นให้เป็น อารมณ์หนักแน่น ราคะเกิดขึ้น ทิฏฐิเกิดขึ้น. ที่เป็นสหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทาน- *ธรรมทั้งหลายที่เป็นสัมปยุตตธรรม โดยอธิปติปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ. ที่เป็นอารัมมณาธิปติ ได้แก่ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ กุศลที่ได้สั่งสม ไว้ในกาลก่อน ฯลฯ จากฌาน ฯลฯ จักขุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ บุคคลกระทำขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทานธรรมให้เป็น อารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักขุเป็นต้นนั้นให้เป็น อารมณ์อย่างหนักแน่น อุปาทานธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เกิดขึ้น. ที่เป็นสหชาตาธิปติ ได้แก่อธิปติธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทานธรรมทั้งหลาย โดยอธิปติปัจจัย. อุปาทานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม โดย อธิปติปัจจัย มี ๓ นัย. เป็นอารัมมณาธิปติ พึงกระทำคำว่า ปรารภ ทั้ง ๓ นัย เป็นอารัมมณาธิปติอย่างเดียว. [๔๑๐] อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ อุปาทานธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรมทั้งหลาย ที่เกิด หลังๆ โดยอนันตรปัจจัย.
พึงกระทำมูล

--------------------------------------------------------------------------------------------- หน้าที่ ๒๖๑.

อุปาทานธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม ที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ โดยอนันตรปัจจัย.
พึงกระทำมูล
อุปาทานธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรมทั้งหลายที่เกิดหลังๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย โดยอนันตรปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ อุปาทานธรรม ที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่ผลสมาบัติ โดยอนันตรปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรมเป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น อุปาทานธรรม ที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรมทั้งหลาย โดยอนันตรปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม ทั้งหลาย ที่เกิดหลังๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย โดยอนันตรปัจจัย อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย โดยอนันตรปัจจัย. อุปาทานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม โดย อนันตรปัจจัย คือ อุปาทานธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อนๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ อุปาทานธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย.
พึงกระทำมูล

--------------------------------------------------------------------------------------------- หน้าที่ ๒๖๒.

อุปาทานธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อนๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม ที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย อุปาทานธรรม และสัมปยุตตขันธ์ ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ โดยอนันตรปัจจัย.
พึงกระทำมูล
อุปาทานธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อนๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ อุปาทานธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลังๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย โดยอนันตรปัจจัย. ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยสมนันตรปัจจัย ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยสหชาตปัจจัย เหมือนกับปัจจยวาร. ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยอัญญมัญญปัจจัย เหมือนกับปฏิจจวาร. ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยนิสสยปัจจัย เหมือนกับปัจจยวาร. [๔๑๑] อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็นปกตูปนิสสยะ ได้แก่ อุปาทานธรรมทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่อุปาทาน- *ธรรมทั้งหลาย โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ นัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็นปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธา แล้วให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิด ก่อมานะ ถือทิฏฐิ ศีล ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ บุคคลเข้าไปอาศัยเสนาสนะ แล้วถือเอาซึ่งสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้ มุสา ฯลฯ ปิสุณา ฯลฯ ให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิด ก่อมานะ ถือทิฏฐิ บุคคลเข้าไปอาศัย ศีล ฯลฯ ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ เข้าไปอาศัยเสนาสนะ แล้วให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์ ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ โดย อุปนิสสยปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย

--------------------------------------------------------------------------------------------- หน้าที่ ๒๖๓.

ฯลฯ ที่เป็นปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อมานะ ถือทิฏฐิ บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะ ฯลฯ อทินนาทาน ฯลฯ มุสา ฯลฯ ปีสุณา ฯลฯ ผรุสะ ฯลฯ สัมผะ ฯลฯ ตัดช่องย่องเบา ฯลฯ ลอบขึ้นไปลักทรัพย์ ฯลฯ ปล้นบ้านหลังหนึ่ง ฯลฯ ปล้นตามทาง ฯลฯ ภริยาผู้อื่น ฯลฯ ฆ่าคนในหมู่บ้าน ฯลฯ ฆ่าคนในนิคม ฯลฯ ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรมทั้งหลาย โดยอุปนิสสยปัจจัย.
พึงกระทำมูล
บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธา แล้วก่อมานะ ถือทิฏฐิ บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะ แล้วถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้ มุสา ฯลฯ ปีสุณา ฯลฯ ผรุสะ ฯลฯ สัมผะ ฯลฯ ตัดช่องย่องเบา ฯลฯ ลอบขึ้นไปลักทรัพย์ ฯลฯ ปล้นบ้านหลังหนึ่ง ฯลฯ ปล้นตามทาง ฯลฯ ภริยาผู้อื่น ฯลฯ ฆ่าคนในหมู่บ้าน ฯลฯ ฆ่าคนในนิคม ฯลฯ ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย โดยอุปนิสสยปัจจัย. อุปาทานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ อุปาทานธรรม โดย อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็นปกตูปนิสสยะ มี ๓ นัย. [๔๑๒] ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดย ปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาต วัตถุปุเรชาต. ที่เป็นอารัมมณปุเรชาต ได้แก่ จักขุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ

--------------------------------------------------------------------------------------------- หน้าที่ ๒๖๔.

ที่เป็นวัตถุปุเรชาต ได้แก่ จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ กายายตนะ ฯลฯ หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาต วัตถุปุเรชาต. ที่เป็นอารัมมณปุเรชาต ได้แก่ จักขุ ฯลฯ บุคคลยินดี เพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งหทัยวัตถุ เพราะปรารภจักขุเป็นต้นนั้น ราคะเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ. ที่เป็นวัตถุปุเรชาต ได้แก่ หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรมทั้งหลาย โดย ปุเรชาตปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาต วัตถุปุเรชาต. ที่เป็นอารัมมณปุเรชาต ได้แก่ จักขุ ฯลฯ บุคคลยินดี เพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งหทัยวัตถุ เพราะปรารภจักขุเป็นต้นนั้น อุปาทานธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เกิดขึ้น. ที่เป็นวัตถุปุเรชาต ได้แก่ หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ อุปาทานธรรม และสัมปยุตต- *ขันธ์ทั้งหลาย โดยปุเรชาตปัจจัย. [๔๑๓] อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยปัจฉาชาต- *ปัจจัย ฯลฯ. อุปาทานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ. ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยอาเสวนปัจจัย. [๔๑๔] ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดย กัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต นานาขณิก.

--------------------------------------------------------------------------------------------- หน้าที่ ๒๖๕.

ที่เป็นสหชาต ได้แก่ เจตนาที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยกัมมปัจจัย. ที่เป็นนานาขณิก ได้แก่ เจตนาที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และ กฏัตตารูปทั้งหลาย โดยกัมมปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ อุปาทานธรรม โดยกัมมปัจจัย คือ เจตนาที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทาน- *ธรรม โดยกัมมปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ อุปาทานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยกัมมปัจจัย คือ เจตนาที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทานธรรมทั้งหลาย โดยกัมมปัจจัย. [๔๑๕] ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดย วิปากปัจจัย คือ ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ฯลฯ มี ๑ นัย. [๔๑๖] ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดย อาหารปัจจัย มี ๓ นัย คือ กวฬิงการาหาร อย่างเดียว. ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยอินทริยปัจจัย มี ๓ นัย คือ รูปชีวิตินทรีย์อย่างเดียว. ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยฌานปัจจัย มี ๓ นัย. [๔๑๗] อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ อุปาทานธรรม โดยมัคคปัจจัย คือ องค์มรรคทั้งหลาย ที่เป็นอุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรมทั้งหลายที่เป็น สัมปยุตตธรรม โดยมัคคปัจจัย. พึงกระทำหัวข้อปัญหา ๙ โดยเหตุนี้. ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ นัย. [๔๑๘] อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปัจฉาชาต.

--------------------------------------------------------------------------------------------- หน้าที่ ๒๖๖.

ที่เป็นสหชาต ได้แก่ อุปาทานธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยวิปปยุตตปัจจัย ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ อุปาทานธรรมทั้งหลาย ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่ เกิดก่อน โดยวิปปยุตตปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต ปัจฉาชาต ฯลฯ. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปุเรชาต ได้แก่ หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ อุปาทานธรรมทั้งหลาย โดยวิปปยุตตปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปุเรชาต ได้แก่ หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ อุปาทานธรรม และ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย โดยวิปปยุตตปัจจัย. อุปาทานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปัจฉาชาต. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ อุปาทานธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยวิปปยุตตปัจจัย. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ อุปาทานธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กาย นี้ ที่เกิดก่อน โดยวิปปยุตตปัจจัย. [๔๑๙] อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม โดยอัตถิปัจจัย คือ กามุปาทาน เป็นปัจจัยแก่ทิฏฐุปาทาน โดยอัตถิปัจจัย.
พึงกระทำจักรนัย.
อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปัจฉาชาต. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป ทั้งหลาย โดยอัตถิปัจจัย.

--------------------------------------------------------------------------------------------- หน้าที่ ๒๖๗.

ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน โดยอัตถิปัจจัย อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดย อัตถิปัจจัย. ฯลฯ เหมือนกับปฏิจจวาร. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต ปัจฉาชาต อาหาร อินทรีย์. ฯลฯ พึงให้พิสดาร ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต. ที่เป็นสหชาต เหมือนกับ สหชาตปัจจัย ที่เป็นปุเรชาต เหมือนกับ ปุเรชาตปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต. สหชาต พึงจำแนก เหมือนกับ สหชาตปัจจัย ปุเรชาต พึงจำแนก เหมือนกับ ปุเรชาตปัจจัย. อุปาทานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม โดย อัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ทิฏฐุปาทาน และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กามุปาทาน โดยอัตถิปัจจัย.
พึงกระทำจักรนัย.
ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ทิฏฐุปาทาน และหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่กามุปาทาน โดย อัตถิปัจจัย.
พึงกระทำจักรนัย.
อุปาทานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต ปัจฉาชาต อาหาร อินทรีย์.

--------------------------------------------------------------------------------------------- หน้าที่ ๒๖๘.

ที่เป็นสหชาตได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม และอุปาทานธรรมทั้งหลาย เป็น ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ ๒ ฯลฯ. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ อุปาทานธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยอัตถิปัจจัย. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ อุปาทานธรรม และหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่ไม่ ใช่อุปาทานธรรม โดยอัตถิปัจจัย. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ อุปาทานธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่กาย นี้ ที่เกิดก่อน โดยอัตถิปัจจัย. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ อุปาทานธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และกวฬิงการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ โดยอัตถิปัจจัย. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ อุปาทานธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และรูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย โดยอัตถิปัจจัย. อุปาทานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม และธรรม ที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม และทิฏฐุปาทาน เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ ๓ และกามุปาทาน และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ ๒ ฯลฯ.
พึงกระทำจักรนัย.
ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ทิฏฐุปาทาน และหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่กามุปาทาน และ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย โดยอัตถิปัจจัย.
พึงกระทำจักรนัย.
[๔๒๐] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙ ในอารัมมณปัจจัย มี " ๙ ในอธิปติปัจจัย มี " ๙ ในอนันตรปัจจัย มี " ๙ ในสมนันตรปัจจัย มี " ๙

--------------------------------------------------------------------------------------------- หน้าที่ ๒๖๙.

ในสหชาตปัจจัย มีวาระ ๙ ในอัญญมัญญปัจจัย มี " ๙ ในนิสสยปัจจัย มี " ๙ ในอุปนิสสยปัจจัย มี " ๙ ในปุเรชาตปัจจัย มี " ๓ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี " ๓ ในอาเสวนปัจจัย มี " ๙ ในกัมมปัจจัย มี " ๓ ในวิปากปัจจัย มี " ๑ ในอาหารปัจจัย มี " ๓ ในอินทริยปัจจัย มี " ๓ ในฌานปัจจัย มี " ๓ ในมัคคปัจจัย มี " ๙ ในสัมปยุตตปัจจัย มี " ๙ ในวิปปยุตตปัจจัย มี " ๕ ในอัตถิปัจจัย มี " ๙ ในนัตถิปัจจัย มี " ๙ ในวิคตปัจจัย มี " ๙ ในอวิคตปัจจัย มี " ๙. [๔๒๑] อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ อุปาทานธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย โดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย. อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็น ปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย. อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยอารัมมณ- *ปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย.

--------------------------------------------------------------------------------------------- หน้าที่ ๒๗๐.

ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย เป็น ปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยกัมมปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย เป็นปัจจัยโดย อินทริยปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย โดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย. ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดย ปุเรชาตปัจจัย. อุปาทานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม โดย อารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย. อุปาทานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดย ปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอินทริยปัจจัย. อุปาทานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทานธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทานธรรม และธรรมที่ ไม่ใช่อุปาทานธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสย- *ปัจจัย. [๔๒๒] ในปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีวาระ ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย มี " ๙ ในปัจจัยทั้งปวง มี " ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อวิคตปัจจัย มี " ๙. [๔๒๓] ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย กับเหตุ ปัจจัย มีวาระ ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อธิปติปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อัญญมัญญปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อุปนิสสยปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๙ ในปัจจัยทั้งปวง กับ ฯลฯ มี " ๙

--------------------------------------------------------------------------------------------- หน้าที่ ๒๗๑.

ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มีวาระ ๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๙ [๔๒๔] ในอารัมมณปัจจัย กับปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุ ปัจจัย มี " ๙. ในอธิปติปัจจัย กับ ฯลฯ มีวาระ ๙.
พึงกระทำอนุโลมมาติกา.
ในวิคตปัจจัย กับปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีวาระ ๙.
อุปาทานทุกะ จบ

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๔๓ บรรทัดที่ ๖๕๗๑-๖๙๕๐ หน้าที่ ๒๕๖-๒๗๑. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=43&A=6571&Z=6950&pagebreak=1              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3], [4], [5]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=43&siri=47              ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- [407-424] https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=43&item=407&items=18              The Pali Tipitaka in Roman :- [407-424] https://84000.org/tipitaka/pali/roman_item_s.php?book=43&item=407&items=18              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๓ https://84000.org/tipitaka/read/?index_43

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วไม่แสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :