031 ทำอย่างไรจะเข้าถึงแก่นพระศาสนา
ปัญหา ธรรมดาต้นไม้ใหญ่ย่อมมีทั้งใบอ่อน สะเก็ด เปลือก กระพี้และแก่น พระพุทธศาสนาซึ่งเปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่
ก็น่าจะมีเครื่องประกอบเหล่านี้อะไรคือใบอ่อน สะเก็ด เปลือก กระพี้ และแก่นของพระพุทธศาสนา?
ภิกษุในพระพุทธศาสนาควรจะปฏิบัติอย่างไร จึงจะเข้าถึงแก่นพระศาสนา?
พุทธดำรัสตอบ ...กุลบุตรบางคนในโลกนี้คิดเห็นว่าเราเป็นผู้อันความเกิด
ความแก่ ความเจ็บ ความตาย อันโศกแลความร่ำไรแลทุกข์และความเสียใจความคับแค้นทั้งหลายครอบงำแล้ว...
เป็นผู้ออกจากเรือนบวชแล้ว ในธรรมวินัยด้วยศรัทธา... ครั้นบวชแล้วอย่างนั้น
ให้ลาภสักการะความสรรเสริญเกิดขึ้นอยู่ เธอก็เป็นผู้มีความยินดีเต็มความดำริด้วยลาภสักการะความสรรเสริญนั้น
ย่อมยกตนข่มผู้อื่น ... ว่าเราเป็นผู้มีลาภสักการะแลความสรรเสริญ
ส่วนภิกษุเหล่าอื่นเป็นผู้ลี้ลับมีศักดานุภาพน้อย ดังนี้
เธอไม่ให้เกิดความพอใจไม่พากเพียร เพื่อทำให้แจ้งธรรมทั้งหลายอันยิ่งกว่าประณีตกว่าลาภสักการะความสรรเสริญนั้น...
เรากล่าวบุคคลนี้ว่า เปรียบดังบุรุษต้องการแก่นไม้... เมื่อไปถึงต้นไม้ใหญ่
มีแก่นตั้งอยู่ กระพี้ เปลือกสะเก็ดเสีย เด็ดเอาใบอ่อนที่กิ่งด้วยเข้าใจว่าแก่นถือเอาไป
กิจซึ่งควรทำด้วยแก่นไม้ของบุรุษนั้น ก็จักไม่สำเร็จประโยชน์ได้
...กุลบุตรอีกคนหนึ่ง เห็นทุกข์อย่างนั้นเหมือนกัน เป็นผู้ออกจากเรือนบวชในธรรมวินัย...
ให้ลาภสักการะสรรเสริญเกิดข้นอยู่อย่างนั้น แต่ไม่เป็นผู้มีใจยินดีด้วยลาภสักการะสรรเสริญนั้น...
เธอให้ความถึงพร้อมด้วยศีลเกิดขึ้นอยู่ ครั้นให้ความถึงพร้อมด้วยศีลเกิดขึ้นแล้ว
ก็เป็นผู้มีใจยินดีเต็มความดำริด้วยความถึงพร้อมด้วยศีลนั้น
ไม่พากเพียรเพื่อทำให้แจ้งธรรมทั้งหลายที่ประณีตกว่าศีล
เรากล่าวบุคคลนี้ว่าเปรียบดังบุรุษต้องการแก่นไม้... เมื่อไปถึงต้นไม้ใหญ่...
ล่วงแก่นกระพี้ เปลือกเสียถากเอาสะเก็ดเข้าใจว่าแก่ถือเอาไปกิจที่ควรทำด้วยแก่นไม้
ของบุรุษนั้นก็จักไม่สำเร็จประโยชน์ได้
...ผู้หนึ่งครั้นบวชแล้ว ให้ลาภสักการะความสรรเสริญเกิดขึ้นอยู่ให้ความถึงพร้อมด้วยศีล
เกิดขึ้นอยู่... แต่ไม่เต็มความดำริด้วยความถึงพร้อมด้วยศีลนั้น
เธอให้ความถึงพร้อมด้วยสมาธิเกิดขึ้น ครั้นให้ความถึงพร้อมด้วยสมาธิเกิดขึ้นแล้ว
เธอก็มีใจยินดีเต็มความดำริด้วยความถึงพร้อมด้วยสมาธินั้น
ยกตนข่มผู้อื่นเพราะความถึงพร้อมด้วยสมาธินั้น ... ไม่พากเพียรเพื่อทำให้แจ้งธรรมอื่น
ซึ่งประณีตกว่าความถึงพร้อมด้วยสมาธิ เรากล่าวบุคคลนี้ว่า
เปรียบดังบุรุษต้องการแก่นไม้...เมื่อไปถึงต้นไม้ใหญ่ล่วงแก่นกระพี้เสีย
ถากเอาเปลือกเข้าใจว่าแก่นถือเอาไป กิจซึ่งควรทำด้วยแก่นไม้ของบุรุษนั้น
ก็จักไม่สำเร็จประโยชน์ได้
...ผู้หนึ่งครั้นบวชแล้ว ให้ลาภสักการะความสรรเสริญเกิดขึ้นอยู่ให้ความถึงพร้อมด้วยศีล
ความถึงพร้อมด้วยสมาธิเกิดขึ้นแล้ว... แต่ไม่เต็มความดำริด้วยความถึงพร้อมด้วยศีลนั้น
เธอให้ญาณทัสสนะคือ ความรู้ความเห็นเกิดขึ้นได้ ครั้นให้ญาณทัสสนะเกิดขึ้นแล้ว
เธอก็มีใจยินดี... ย่อมยกตนข่มผู้อื่นด้วย ญาณทัสสนะ นั้น
... ไม่พากเพียรเพื่อทำให้แจ้งธรรมทั้งหลายอื่นซึ่งประณีตกว่า...
เรากล่าวบุคคลนี้ว่า เปรียบดังบุรุษต้องการแก่นไม้...เมื่อไปถึงต้นไม้ใหญ่ล่วงแก่นกระพี้เสีย
ถากเอาเปลือกเข้าใจว่าแก่นถือเอาไป กิจซึ่งควรทำด้วยแก่นไม้ของบุรุษนั้น
ก็จักไม่สำเร็จประโยชน์ได้
...กุลบุตรบางคนในโลกนี้ ครั้นบวชแล้ว ให้ลาภสักการะสรรเสริญเกิดขึ้นอยู่
... ให้ความถึงพร้อมด้วยศีลแลสมาธิแล ญาณทัสสนะเกิดขึ้นอยู่
เธอก็ไม่เป็นผู้มีใจยินดี... พากเพียรอยู่เพื่อทำให้แจ้งธรรมทั้งหลายอื่นอันประณีตกว่าญาณทัสสนะ
ธรรมที่ยิ่งกว่าประณีตกว่าญาณทัสสนะเป็นไฉน
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดแล้วจากกามทั้งหลาย สงัดแล้วจากอกุศลธรรมทั้งหลาย
บรรลุฌานที่แรก... ธรรมนี้ยิ่งกว่าประณีตกว่าญาณทัสสนะ
อีกข้อหนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ได้บรรลุฌานที่สาม...
ได้บรรลุฌานที่สี่ ... บรรลุอากาสานัญจายตนอรูปฌาน...
บรรลุวิญญาณัญจายตนอรูปฌาน...บรรลุอากิญจัญญายตนอรูปฌาน...
บรรลุเนวสัญญานาสัญญานอรูปฌาน... บรรลุสัญญาเวทยิตนิโรธ...
อาสวะทั้งหลายของภิกษุนั้นสิ้นไปแล้วเพราะเห็นด้วยปัญญา
แม้ธรรมนี้ก็ยิ่งกว่า ประณีตกว่าญาณทัสสนะ เรากล่าวบุคคลนี้ว่า
เปรียบเหมือนบุรุษต้องการแก่นไม้... เมื่อไปถึงต้นไม้ใหญ่รู้จักว่าแก่น
ตัดเอาแต่แก่นเท่านั้นถือเอาไป กิจที่ควรทำด้วยแก่นไม้ของบุรุษนั้น
ก็จักสำเร็จประโยชน์ได้ ดังนี้
พรหมจรรย์นี้มิใช่มีลาภสักการะความสรรเสริญเป็นอานิสงส์
มิใช่มีความถึงพร้อมด้วยศีลและสมาธิ แลญาณทัสสนะเป็นอานิสงค์
พรหมจรรย์นี้มีเจโตวิมุติ ความที่จิตพ้นวิเศษอันไม่กำเริบนี้แลเป็นประโยชน์
พรหมจรรย์นี้มีวิมุตินั้นเป็นแก่นสาร มีวิมุตินั้นเป็นที่สุดรอบ ๙
จูฬสาโรปมสูตร มู. ม. (๓๕๕-๓๖๐)
ตบ. ๑๒ : ๓๗๗-๓๘๔ ตท.๑๒ : ๓๑๒-๓๑๗
ตอ. MLS. I : ๒๔๗-๒๕๓
<หน้าก่อน<<<
สารบัญ >>>หน้าถัดไป>
:: อธิบายอักษรย่อแหล่งอ้างอิง ::
:: ค้นหาความหมายของศัพท์ จากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ::