050 ทำไมพระสาวกจึงเคารพพระศาสดา
๔๘. ปัญหา เพราะเหตุไร บรรดาพระสาวกของพระพุทธเจ้า จึงมีความเคารพยำเกรงในพระพุทธองค์อย่างสูง
นับว่าขณะที่พระองค์กำลังทรงแสดงธรรม ภิกษุแม้รูปเดียวจะไอหรือจามก็ไม่กล้า
?
พุทธดำรัสตอบ ดูก่อนอุทายี ถ้าสาวกทั้งหลายจะพึงสักการะ
เคารพ นับถือ บูชาเราแล้ว พึ่งเราอยู่ด้วยเข้าใจว่า พระสมณโคดมทรงเป็นผู้มีอาหารน้อย
และทรงสรรเสริญความเป็นผู้มีอาหารน้อย อุทายี แต่สาวกทั้งหลายของเรามีอาหารเพียงเท่าโกสะ
(จุในผลกระเบา) หนึ่งก็มี เพียงกึ่งโกสะ ก็มีเพียงเท่าเวลุวะ
(จะในผลมะตูม) หนึ่งก็มี เพียงกึ่งเวลุวะก็มี ส่วนเราและ
บางครั้งบริโภคอาหารเสมอขอบปากบาตรนี้ก็มี ยิ่งกว่าก็มี ถ้าสาวกทั้งหลายจะพึงสักการะเคารพ...เรา
ด้วยเข้าใจว่า พระสมณโคดมทรงมีอาหารน้อย... บรรดาสาวกของเราผู้มีอาหารเพียงเท่าโกสะหนึ่งบ้าง.....
เพียงกึ่งเวลุวะบ้าง ก็จะไม่เคารพสักการะ... เรา
ดูก่อนอุทายี ถ้าสาวกทั้งหลายจะพึงเคารพ สักการะ.......เรา
ด้วยเข้าใจว่า พระสมณโคดมทรงสันโดษด้วยจีวรตามมีตามได้ อุทายี
แต่สาวกทั้งหลาย ของเราเป็นผู้ถือผ้าบังสุกุล ทรงจีวรเศร้าหมอง
เธอเหล่านั้นเลือกเก็บเอาผ้าเก่าแต่ป่าช้าบ้าง แต่กองหยากเยื่อบ้าง
แต่ที่เขาทิ้งไว้ตามที่ต่างๆ บ้าง มาทำเป็นสังฆาฎิ ส่วนเราแล
บางคราวก็ใช้คหบดีจีวรที่เนื้อแน่น....... ถ้าสาวก
ทั้งหลายจะพึงสักการะเคารพ...เรา ด้วยเข้าใจว่า พระสมณโคดมทรงสันโดษด้วยจีวรตามมีตามได้
บรรดาสาวกของเราที่ทรงผ้าบังสุกุล..... ก็จะไม่เคารพสักการะ...
เรา
ดูก่อนอุทายี ถ้าสาวกทั้งหลายจะพึงเคารพ สักการะ.......เรา
ด้วยเข้าใจว่า พระสมณโคดมทรงสันโดษด้วยบิณฑบาตตามมีตามได้....
แต่สาวกทั้งหลาย ของเราเป็นผู้ถือบิณฑบาตเป็นวัตร คือเที่ยวบิณฑบาตตามลำดับตรอกเป็นวัตร.......
เธอเหล่านั้น เมื่อเข้าไปถึงละแวกบ้านแล้ว ถึงใครจะนิมนต์ด้วยอาสนะก็ไม่ยินดีมีอยู่
ส่วนเราแล บางครั้งก็ฉันในที่นิมนต์ แต่ล้วนเป็นข้าวสุกแห่งข้าวสาลีที่เขาเก็บเมล็ดดำออกแล้ว
มีแกงกับหลายอย่าง ถ้าสาวก
ทั้งหลายจะพึงสักการะเคารพ...เรา ด้วยเข้าใจว่า พระสมณโคดมทรงสันโดษด้วยบิณฑบาตตามมีตามได้
บรรดาสาวกของเราที่ถือบิณฑบาตเป็นวัตร.......ก็จะไม่เคารพสักการะ...
เรา
ดูก่อนอุทายี ถ้าสาวกทั้งหลายจะพึงเคารพ สักการะ.......เรา
ด้วยเข้าใจว่า พระสมณโคดมทรงสันโดษด้วยเสนาสนะตามมีตามได้
แต่สาวกทั้งหลาย ของเราเป็นผู้ถืออยู่โคนต้นไม้เป็นวัตร
ถืออยู่กลางแจ้งเป็นวัตร เธอเหล่านั้น ไม่เข้าสู่ที่มุงตลอดแปดเดือนมีอยู่
ส่วนเราแล บางครั้งอยู่ในเรือนยอดที่ฉาบทาทั้งข้างในข้างนอก
ลมเข้าไม่ได้ มีลิ่มชิดสนิท มีหน้าต่างเปิดปิดได้ ถ้าสาวกทั้งหลายจะพึงสักการะเคารพเรา
เพราะเข้าใจว่า พระสมณโคดมทรงสันโดษด้วยเสนาสนะตามมีตามได้
บรรดาสาวกของเราที่ถือโคนต้นไม้เป็นวัตร..... ก็จะไม่เคารพสักการะ...
เรา
ดูก่อนอุทายี ถ้าสาวกทั้งหลายจะพึงเคารพ สักการะ.......เรา
ด้วยเข้าใจว่า พระสมณโคดมเป็นผู้สงัดและทรงสรรเสริญความเป็นผู้สงัด......
แต่สาวกทั้งหลาย ของเราเป็นผู้ถืออยู่ป่าเป็นวัตร ถือเสนาสนะอันสงัด
ถือป่าชัฏอยู่ เธอเหล่านั้นย่อมมาประชุมในท่ามกลางสงฆ์ เฉพาะเวลาสวดปฏิโมกข์ทุกกึ่งเดือนมีอยู่
ส่วนเราแล บางครั้งก็อยู่เกลื่อนกล่นไปด้วยภิกษุ ภิกษุณี
อุบาสก อุบาสิกา พระราชา มหาอำมาตย์ของพระราชา เดียรถีย์
สาวกของเดียรถีย์ ถ้าสาวกทั้งหลายจะพึงสักการะเคารพเรา ด้วยเข้าใจว่า
พระสมณโคดมเป็นผู้สงัดและทรงสรรเสริญความเป็นผู้สงัด......
บรรดาสาวกของเราที่ถืออยู่ป่าเป็นวัตร..... ก็จะไม่เคารพสักการะ...
เรา
ดูก่อนอุทายี มีธรรม ๕ ประการอย่างอื่นอันเป็นเหตุให้สาวกทั้งหลายของเราสักการะเคารพเรา
ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน?
ดูก่อนอุทายี สาวกทั้งหลายของเราในธรรมวินัยนี้ ย่อมสรรเสริญในพระอธิศีลว่า
พระสมณโคดมเป็นผู้มีศีล ประกอบด้วยศีลขันธ์อย่างยิ่ง........
ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง สาวกทั้งหลายของเรา ย่อมสรรเสริญในเพราะความรู้ความเห็นที่แท้จริงว่า
พระสมณโคดมเมื่อทรงรู้เองก็ตรัสว่ารู้ เมื่อทรงเห็นเองก็ตรัสว่าเห็น
ทรงแสดงธรรมเพื่อความรู้ยิ่ง มิใช่ทรงแสดงธรรมเพื่อความไม่รู้ยิ่ง
ทรงแสดงธรรมมีเหตุ มิใช่ทรงแสดงไม่มีเหตุ ทรงแสดงธรรมมีความอัศจรรย์
มิใช่ทรงแสดงไม่มีความอัศจรรย์......
ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง สาวกทั้งหลายของเรา ย่อมสรรเสริญในเพราะปัญญาอันยิ่งว่า
พระสมณโคดมทรงมีพระปัญญา ทรงประกอบด้วยปัญญาขันธ์อย่างยิ่ง....
ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง สาวกทั้งหลายของเรา ผู้อันทุกข์ท่วมท้นแล้ว.....
เธอเหล่านั้นเข้ามาหาเราแล้วถามถึงทุกขอริยสัจ...... ถามถึงทุกขสมุทัยอริยสัจ........
ทุกขนิโรธอริยสัจ.......... ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ.....
เราอันเธอเหล่านั้นถาม...... ก็พยากรณ์ให้ยังจิตของเธอให้ยินดีด้วยการพยากรณ์ปัญหา
ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว
ย่อมเจริญสติปัฏฐานสี่.........
ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว
ย่อมเจริญสัมมัปปธานสี่....... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว
ย่อมเจริญอิทธิบาทสี่....... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว
ย่อมเจริญอินทรีย์ห้า....... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว
ย่อมเจริญพละห้า....... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว
ย่อมเจริญโพชฌงค์เจ็ด....... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว
ย่อมเจริญอริยมรรคมีองค์แปด....... สาวกของเราเป็นอันมาก
จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว
ย่อมเจริญวิโมกข์แปด....... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว
ย่อมเจริญอภิภายตนะแปดประการ....... สาวกของเราเป็นอันมาก
จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว
ย่อมเจริญกสิณายตนะสิบประการ....... สาวกของเราเป็นอันมาก
จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว
ย่อมเจริญฌานสี่....... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว
ย่อมรู้ชัดอย่างนี้ว่า กายของเรานี้แลมีรูปประกอบด้วยมหาภูตสี่
เกิดแต่บิดามารดา...... มีอันทำลายและกระจัดกระจายเป็นธรรมดา
และวิญญาณของเรานี้ก็อาศัยอยู่ในกายนี้ เนื่องอยู่ในกายนี้....
เปรียบเหมือนแก้วไพฑูรย์อันงาม...... มีด้ายเขียวเหลืองแดงขาวหรือนวล
ร้อยอยู่ในนั้น..... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญา
......
ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว
ย่อมนิรมิตกายอื่นจากกายนี้ มีรูปเกิดแต่ใจ มีอวัยวะน้อยใหญ่ครบถ้วน
มีอินทรีย์ไม่บกพร่อง..... เปรียบเหมือนบุรุษจะพึงชักไส้ออกจากหญ้าปล้อง
...... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว
ย่อมได้บรรลุอิทธิวิธีหลายประการ....... สาวกของเราเป็นอันมาก
จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว
ย่อมได้ยินเสียงสองชนิด คือเสียงทิพย์ และเสียงมนุษย์.......
ย่อมกำหนดรู้ใจของสัตว์อื่น ของบุคคลอื่นด้วยใจ..... ย่อมระลึกชาติก่อนได้เป็นอันมาก.......
ย่อมเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติ กำลังอุปบัติ..... ย่อมทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ
ปัญญาวิมุตติอันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะสิ้นไป ....... สาวกของเราเป็นอันมาก
จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่
ดูก่อนอุทายี ธรรมห้าประการนี้แล เป็นเหตุให้สาวกทั้งหลายของเราสักการะ
เคารพ นับถือ บูชาแล้วพึ่งเราอยู่
มหาสกุลุทายิสูตร ม. ม. (๓๒๕-๓๕๔)
ตบ. ๑๓ : ๓๑๘-๓๔๐ ตท.๑๓ : ๒๖๘-๒๘๖
ตอ. MLS. II : ๒๐๘-๒๒๒
<หน้าก่อน<<<
สารบัญ >>>หน้าถัดไป>
::
อธิบายอักษรย่อแหล่งอ้างอิง ::
:: ค้นหาความหมายของศัพท์ จากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ::