|
84000.org
|
|
|
|
|
|
|
|
84000.org::...
34-พระมหาปันถกเถระ
เอตทัคคะในทางผู้เจริญวิปัสสนา
พระมหาปันถก เป็นลูกชายของธิดาของธนเศรษฐี ในเมืองราชคฤห์ มีน้องชายอีกคน
หนึ่ง ซึ่งพี่น้องทั้งสองคนนี้เดิมชื่อว่า ปันถก เหมือนกันแต่เพราะท่านเป็นคนพี่จึงได้นามว่า
มหาปันถก ส่วนคนน้องได้นามว่า จูฬปันถก ทั้งสองพี่น้องถือว่าอยู่ในวรรณะจัณฑาล
เพราะพ่อแม่ต่างวรรณะกันโดยพ่อเป็นวรรณศูทร ส่วนแม่เป็นวรรณแพศย์
ประวัติมีดังต่อไปนี้:-
- ธิดาเศรษฐีหนีตามชายหนุ่ม
มารดาของท่านนั้น เป็นธิดาของธนเศรษฐี ในเมืองราชคฤห์ เมื่อเจริญเติบโตย่างเข้าสู่วัย
สาว เป็นผู้มีความงามเป็นเลิศ บิดามารดาจึงห่วงและหวงเป็นนักหนา
ได้ป้องกันรักษาให้อยู่บน
ปราสาทชั้นสูงสุด มิให้คบหากับบุคคลภายนอก จึงเป็นหตุให้นางมีความใกล้ชิดกับคนรับใช้
ซึ่ง
เป็นชายหนุ่มในเรือนของตนจนได้เสียเป็นสามีภรรยากัน ต่อมาทั้งสองกลัวว่าบิดามารดาและคน
อื่นจะล่วงรู้การกระทำของตน จึงพากันหนีออกจากบ้านไปอาศัยอยู่ในหมู่บ้านอื่นที่ไม่มีคนรู้จัก
อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาจนภรรยาตั้งครรภ์
เมื่อภรรยาตั้งครรภ์ใกล้คลอด ได้ปรึกษากับสามีว่า ถึงอย่างไร
พ่อแม่ก็คงไม่ทำ
อันตรายลูกของตนได้ ดังนั้น ขอให้ท่านช่วยพาดิฉันกลับไปคลอดที่บ้านเดิมด้วยเถิด
การคลอด
ในที่ห่างไกลพ่อแม่นั้นไม่ค่อยจะปลอดภัย
ฝ่ายสามีเกรงว่าบิดามารดาของภรรยาจะลงโทษจึงไม่กล้าพาไป และได้พยายามพูดบ่าย
เบี่ยงผัดวันประกันพรุ่งออกไปเรื่อย ๆ จนภรรยาเห็นท่าไม่ได้การเมื่อสามีออกไปทำงานข้างนอก
จึงหนีออกจากบ้าน เดินทางมุ่งหน้าสู่บ้างเกิดของตนเอง แต่ครรภ์ของนางได้รับการกระทบ
กระเทือนจึงคลอดบุตรในระหว่างทางฝ่ายสามีกลับเข้าบ้านไม่พบภรรยา
ถามได้ทราบความจาก
คนใกล้เคียงแล้ว ออกติดตามโดยด่วน ได้มาพบภรรยาคลอดลูกอยู่ในระหว่างทาง
และแม่ลูกทั้ง
สองก็แข็งแรงปลอดภัยดี กิจที่จะไปคลอดลูกยังบ้านเกิดของตน นั้นก็เสร็จสิ้นลงแล้ว
จึงพากัน
กลับสู่บ้านของตน และได้ตั้งชื่อกุมารนั้นว่า ปันถก เพราะว่าเกิดในระหว่างหนทาง
ครั้นต่อมา นางได้ตั้งครรภ์เป็นครั้งที่สอง และเหตุการณ์ก็เป็นเหมือนครั้งแรก
นางได้
คลอดลูกระหว่างทางอีก และตั้งชื่อให้ว่า ปันถก เหมือนคนแรกแต่เพิ่มคำว่า
มหา ให้คนพี่
เรียกว่า มหาปันถก และเพิ่มคำว่า จูฬ ให้คนน้องเรียกว่า จูฬปันนถก
- มาอยู่กับตายายจึงได้บวช
สองสามีภรรยานั้นได้ช่วยกันเลี้ยงดูลูกทั้งสอง อยู่ครองรักกันมานาน
จนกระทั่งลูกเจริญ
เติบโตขึ้น ได้วิ่งเล่นกับเด็กเพื่อน ๆ กัน ได้ฟังเด็กคนอื่น ๆ
เรียกญาติผู้ใหญ่ว่า ปู่ ย่า ตา ยาย
เป็นต้น ส่วนของตนไม่มีคนเหล่านั้นให้เรียกเลย จึงซักไซ้ถามจากบิดามารดาอยู่บ่อย
ๆ จนทราบ
ว่าญาติผู้ใหญ่ของตนนั้นอยู่ที่เมืองราชคฤห์ จึงรบเร้าให้บิดามารดาไปพบท่านเหล่านั้น
จนในที่
สุดบิดามารดาอดทนต่อการรบเร้าไม่ไหว จึงตัดสินใจพาลูกทั้งสองไปพบ
ตา ยาย ที่เมือง
ราชคฤห์
เมื่อเดินทางมาถึงเมืองราชคฤห์แล้ว ได้พักอยู่ที่ศาลาหน้าประตูเมืองไม่กล้าที่จะเข้าไปหา
บิดามารดาในทันที เมื่อพบคนรู้จักจึงสั่งความให้ไปบอกแก่เศรษฐีว่า
ขณะนี้ลูกสาวของท่านพาห
ลานชายสองคนมาเยี่ยม ฝ่ายเศรษฐียังมีความแค้นเคืองอยู่ จึงบอกแก่คนที่มาส่งข่าวว่า
สองผัว
เมียนั้น อย่ามาให้เห็นหน้าเลย ถ้าอยากได้ทรัพย์สินเงินทอง ก็จงเอาไปเลี้ยงชีพเถิด
แต่ขอให้ส่ง
หลานชายทั้งสองคนมาให้ก็แล้วกัน
สองสามีภรรยานั้น รับทรัพย์สินเงินทองไปเลี้ยงชีวิตแล้วส่งลูกชายทั้งสองคนให้มาอยู่
กับเศรษฐีผู้เป็นตา ฝ่ายเศรษฐีก็เลี้ยงดูหลาน ๆ ด้วยความรักใคร่
พาไปฟังพระธรรมเทศนาจาก
พระบรมศาสดาที่วัดเวฬุวันเป็นประจำ แต่ถึงอย่างไร หลานทั้งสองก็สร้างความลำบากใจแก่
เศรษฐีผู้เป็นตาอยู่ไม่น้อย เพราะเมื่อมีคนถามว่า หลานชายทั้งสองคนนี้เป็นบุตรของลูกสาวคน
ไหนของท่าน ก็รู้สึกละอายที่จะตอบ เป็นบุตรของลูกสาวคนที่หนีตามชายหนุ่มไป
ดังนั้น เมื่อต่อมา มหาปันถก หลานคนโตเกิดศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
กล่าว
ขออนุญาตเพื่อบรรพชาเป็นสามเณร คุณตาผู้เศรษฐีจึงรีบอนุญาตด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง
พา
ไปบวชเป็นสามเณร ท่านเป็นสามเณรจนอายุครบ ๒๐ ปี จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระ
พุทธศาสนา ท่านพยายามบำเพ็ญเพียรเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
สิ้น
อาสวกิเลสทั้งปวง
- ได้รับยกย่องในตำแหน่งเอตทัคคะ
พระมหาปันถก เมื่อได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ได้ช่วยกิจการพระศาสนาเป็นกำลัง
ช่วยงานพระบรมศาสดา ตามกำลังความสามารถ พระบรมศาสดา ได้ทรงมอบหมายให้ท่านรับ
หน้าที่ ภัตตุทเทศก์ ผู้แจกจ่ายภัตตาหารและกิจนิมนต์ ตามบ้านทายกทายิกา
และอุบาสก
อุบาสิกาทั้งหลาย เพื่อให้ภิกษุสงฆ์ได้รับลาภสักการะโดยทั่วถึงกัน
ท่านได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วย
ความเรียบร้อยยุติธรรม จนเป็นที่พอใจของบรรดาเพื่อนสหธรรมิก และทายกทายิกาอุบาสก
อุบาสิกาทั้งหลาย ท่านได้รับความสุขจากการหลุดพ้นสิ้นกิเลสาสวะทั้งปวงแล้ว
ท่านได้ระลึกถึง
น้องชายของท่าน ต้องการที่จะให้น้องชายได้รับความสุขเช่นเดียวกับตนบ้าง
จึงไปขออนุญาต
จากคุณตาแล้วพาจูฬปันถก ผู้เป็นน้องชายมาบวชเป็นศาสนทายาทอีกคนหนึ่ง
พระมหาปันถก เป็นผู้มีความชำนาญในการเจริญวิปัสสนา จึงได้รับยกย่องจากพระ
บรมศาสดาในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทาง
ผู้เจริญวิปัสสนา
ท่านดำรงอายุสังขาร สมควรแก่กาลเวลาแล้วก็ดับขันธปรินิพพาน
84000.org...::
สารบัญหลักหมวดภิกษุ
| 01 | 02 | 03
| 04 | 05 | 06
| 07 | 08 | 09
| 10 | 11 | 12
| 13 | 14 | 15
| 16 | 17 | 18
| 19 | 20 |
| 21 | 22 | 23
| 24 | 25 | 26
| 27 | 28 | 29
| 30 | 31 | 32
| 33 | 34 | 35
| 36 | 37 | 38
| 39 | 40 | 41
|
|
|
|
|
|
|
|