พิมพ์หน้านี้ | ส่งหน้านี้ให้เพื่อน |

 


84000.org
 
       
 

84000.org::...

08-สูรอัมพัฏฐอุบาสก
เอตทัคคะในฝ่ายผู้มีศรัทธาไม่หวั่นไหว

สูรอัมพัฏฐะ เกิดในตระกูลเศรษฐี บิดามารดามีศรัทธาเลื่อมใสนักบวชอัญเดียรถีย์
ตนเองเมื่อเจริญวัยขึ้นมาอยู่ในฆราวาสวิสัยก็มีใจศรัทธาเลื่อมใสให้การบำรุงอุปัฏฐาก
อัญเดียรถีย์ตามบิดามารดาด้วยเช่นกัน

  • ความคิดมีเหตุผล
    ในเวลาใกล้รุ่งสว่างของราตรีหนึ่ง พระบรมศาสดาทรงตรวจดูอุปนิสัยของสัตว์โลกได้
    ทอดพระเนตรเห็นเหตุแห่งอุปนิสัยโสดาปัตติมรรคของสูรอัมพัฏฐะ ครั้นรุ่งสางแล้ว จึงทรงถือ
    บาตรเสด็จไปประทับยืนที่ประตูบ้านของเขา
    เมื่อเขาแลเห็นพระผู้มีพระภาคแล้วคิดว่า “การที่พระสมณโคดมผู้เสด็จอุบัติในตระกูล
    กษัตริย์ ผู้ยิ่งใหญ่แล้วเสด็จออกบรรพชา โดยมิได้มีความห่วงอาลัยในราชสมบัติ ทรงบำเพ็ญ
    เพียรจนได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูเจ้า เที่ยวสั่งสอนมหาชนให้บรรลุมรรคผลตามอำนาจ
    วาสนาบารมี เป็นที่รู้จักเคารพนับถือของชาวโลกทั้งหลาย พระองค์เสด็จมาถึงประตูเรือนของ
    เราแล้ว ถ้าเรานิ่งเฉยอยู่ก็จะเป็นการไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง” เมื่อคิดดังนี้แล้วก็รีบลุกขึ้นไปเข้า
    ไปกราบแทบพระยุคลบาท รับบาตรจากพระหัตถ์ แล้ว กราบทูลอาราธนาให้เสด็จเข้าไป
    ประทับภายในเรือน แล้วถวายภัตตาหารอันประณีตแด่พระพุทธองค์
    ครั้นเสด็จภัตกิจแล้ว พระบรมศาสดา ทรงแสดงพระธรรมเทศนาตามอนุรูปแก่
    อุปนิสัยจริยาของเขา เมื่อจบพระธรรมเทศนาแล้วเขาก็ได้บรรลุโสดาปัตตผล ดำรงอยู่ใน
    อริยภูมิในพระพุทธศาสนา ส่วนพระบรมศาสดาก็เสด็จกลับพระเชตวันมหาวิหาร

  • มารแปลงร่างเป็นพุทธเจ้า
    ขณะนั้น มารตนหนึ่งคิดว่า “สูรอัมพัฏฐะนี้เป็นสมบัติของเรา แต่วันนี้พระสมณโคดม
    เสด็จมาทำให้เขาดำรงอยู่ในอริยภูมิเสียแล้ว สมควรที่เราจะรู้ว่าเขาพ้นจากวิสัยของเราแล้วหรือ
    ยัง จึงเนรมิตรูปร่างให้ละม้ายคล้ายกับพระทศพล พร้อมทั้งทรงบาตรและจีวรมีสีสันฐานดุจ
    เดียวกัน แสดงท่าเสด็จพระราชดำเนินด้วยอากัปกิริยาของพระพุทธองค์ทรงด้วยพระลักษณะ
    ๓๒ ประการมาประทับยืนที่ประตูบ้านของสูรอัมพัฏฐะ
    ฝ่ายสูรอัมพัฏฐะ ได้ทราบว่าพระผู้มีพระภาคเสด็จมาอีกก็คิดว่า “ธรรมดาการเสด็จไป
    ในที่ไหน ๆ แบบไม่แน่นอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลายนั้นไม่มีเลย เหตุไฉนหนอ พระพุทธองค์
    เพิ่งจะเสด็จกลับไปได้ไม่นาน จึงเสด็จกลับมาประทับยืนดังเดิมอีก” เมื่อคิดดังนี้แล้ว ก็รีบออก
    ไปถวายการต้อนรับกราบถวายบังคมแล้วยืน ณ ที่อันสมควรแก่ตน พลางกราบทูลว่า
    “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ทรงกระทำภัตกิจในเรื่องของข้าพระองค์แล้ว เพราะ
    เหตุไรพระองค์จึงเสด็จมาอีกพระเจ้าข้า ?”
    มารในรูปของพระพุทธองค์กล่าวว่า
    “ดูก่อนสุรอัมพัฏฐะ เรากล่าวธรรมแก่ท่านไม่ทันได้พิจารณาโดยได้กล่าวไปว่า
    ปัญจขันธ์ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา หมายถึงทุกอย่างนั้น แต่ความเป็นจริงไม่ได้เป็น
    อย่างนั้นทั้งหมด เพราะว่า ขันธ์บางอย่างบางพวก ที่เป็นของเที่ยง มั่นคง ยั่งยืน ก็มีอยู่”

  • มารร้ายพ่ายพระ
    สูรอัมพัฏฐะ ได้ฟังดังนั้นแล้วคิดว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องหนักอย่างยิ่ง ด้วยว่าพระพุทธเจ้า
    ทั้งหลายย่อมไม่ตรัสคำที่เป็นสอง” จึงคิดต่อไปอีกว่า “ขึ้นชื่อว่ามารทั้งหลายย่อมเป็นข้าศึกต่อ
    พระพุทธองค์ ท่านผู้นี้คงจะต้องเป็นมารแน่” จึงกล่าวถามไปตรง ๆ ว่า “ท่านเป็นมารหรือ ?”
    ด้วยถ้อยคำของพระอริยสาวกกล่าวเพียงเท่านั้น ประหนึ่งว่าเอาขวานฟันลงบนศีรษะ
    มารนั้น จนไม่สามารถจะดำรงภาวะของตนได้ จึงกล่าวรับว่า “ใช่แล้ว เราเป็นมาร”
    สูรอัมพัฏฐะ จึงชี้หน้าว่ากล่าวสำทับไปว่า “แม้มารตั้งร้อยตั้งพัน ก็ไม่สามารถทำ
    ศรัทธาของเราให้หวั่นไหวได้ พระพุทธองค์เมื่อทรงแสดงธรรมแก่เราก็ทรงแสดงปลุกเราให้
    ตื่นจากอวิชชาว่า สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา ดังนั้น ท่านจงอย่ามายืน
    ใกล้ประตูเรือนของเรา จงออกไปในบัดนี้”
    มารได้ฟังคำของอุบาสกแล้ว ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ รีบถอยกรูด ๆ ออกไปโดยไม่พูด
    จา อันตรธานหายไปจากที่นั้นในทันที
    เย็นวันนั้น สูรอัมพัฏฐอุบาสก ได้ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคกราบทูลเนื้อความให้ทราบ
    โดยตลอดแล้ว พระพุทธองค์ทรงปรารภเหตุนั้น และได้ประกาศยกย่อง สถาปนาสูรอัมพัฏฐ
    อุบาสก ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นผู้เลิศกว่าอุบาสิกาทั้งหลาย ในฝ่ายผู้ให้ของเจริญจิต คือ ผู้
    มีศรัทธาไม่หวั่นไหว

84000.org...::

สารบัญหลักหมวดอุบาสก
| 01 | 02 | 03 | 04 | 05 | 06 | 07 | 08 | 09 | 10 |

 
     

 

| หน้าแรก | ส่งเมลให้webmaster | เว็บบอร์ด |