บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ข้อว่า ตํ สุณาถ พวกเธอจงฟังญาณวัตถุนั้น ได้แก่ พวกเธอจงฟังการแสดงญาณวัตถุนั้น. ญาณนั่นเอง พึงทราบว่า ญาณวัตถุ ในคำนี้ว่า ญาณวตฺถูนิ นี้. ในญาณ ๔ มี ชรามรณญาณ เป็นอาทิ ญาณที่ ๑ มี ๔ อย่างคือ สวนมยญาณ (ความรู้อันสำเร็จด้วยการฟัง) สัมมสนญาณ (ความรู้อันเกิดจากการพิจารณา) ปฏิเวธญาณ (ความรู้อันเกิดจากการรู้แจ้งแทงตลอด) ปัจจเวกขณญาณ (ความรู้อันเกิดจากการพิจารณา). ญาณที่ ๒ ก็เหมือนกัน. ส่วนญาณที่ ๓ เว้นสัมมสนญาณเสีย จึงมีเพียง ๓ อย่างเท่านั้น. ญาณที่ ๔ ก็เหมือนกัน เพราะว่า ในโลกุตรธรรม ย่อมไม่มีสัมมสนญาณ. แม้ในคำว่า ชาติยา ญาณํ ความรู้ในชาติ เป็นต้นก็มีนัยนี้แหละ. ข้อว่า อิมินา ธมฺเมน ด้วยธรรมนี้ คือ ด้วยสัจธรรม ๔ นี้ หรือด้วยมรรคญาณธรรม. ในบทว่า ทิฏฺเฐน เป็นต้น มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้. บทว่า ทิฏฺเฐน ได้แก่ อันตนเห็นแล้วด้วยญาณจักษุ (ดวงตาคือปัญญา). บทว่า วิทิเตน ได้แก่ รู้แล้วด้วยปัญญา. บทว่า อกาลิเกน ให้ผลไม่มีกำหนดกาล ได้แก่ให้ผลในลำดับแห่งการรู้แจ้งแทงตลอดไม่ละเลยกาลไรๆ เลย. บทว่า ปตฺเตน ถึงแล้ว แปลว่า บรรลุแล้ว. บทว่า ปริโยคาฬฺเหน หยั่งรู้แล้ว คืออันตนหยั่งรู้แล้ว ได้แก่เข้าถึงด้วยปัญญา. บทว่า อตีตานาคเต นยํ เนติ นำนัยในอดีตและอนาคตไป ได้แก่ นำนัยในอดีตและอนาคตไปโดยนัยมีอาทิว่า "สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง." ก็ในคำนี้ พระสารีบุตรเถระอาจนำนัยในอดีตและอนาคตไปด้วยสัจธรรม ๔ บ้าง ด้วยมรรคญาณธรรมบ้าง. ก็เมื่ออริยสัจ ๔ ก็ดี มรรคญาณก็ดี อันตนแทงตลอดแล้ว หลังจากนั้น ปัจจ บทว่า อพฺภญฺญึสุ แปลว่า ได้รู้แล้ว. คือทราบแล้ว. ข้อว่า เสยฺยถาปิหํ เอตรหิ เหมือนอย่างที่เรารู้ในบัดนี้ คือเหมือนอย่างเรารู้ด้วยอำนาจอริยสัจ ๔ ในบัดนี้. บทว่า อนฺวเย ญาณํ ได้แก่ ความรู้ในธรรมอันเหมาะสม คือความรู้ในอันติดตามญาณในธรรม. คำว่า อนวยญาณ นี้ เป็นชื่อของปัจจ ข้อว่า ธมฺเม ญาณํ ได้แก่ มรรคญาณ. เสขภูมิของพระขีณาสพ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วในพระสูตรนี้ ด้วยประการฉะนี้. จบอรรถกถาปฐมญาณวัตถุสูตรที่ ๓ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา สังยุตตนิกาย นิทานวรรค อภิสมัยสังยุตต์ กฬารขัตติยวรรคที่ ๔ ญาณวัตถุสูตรที่ ๑ จบ. |