บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
บทว่า วิโมกฺโข ตสฺส กีทิโส วิโมกข์ของผู้นั้นเป็นเช่นไร. โตเทยยมาณพทูลถามว่า วิโมกข์ของผู้นั้นพึงปรารถนาเช่นไร. บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงแสดงความไม่มีวิโมกข์อื่นแก่โตเทยยมาณพนั้น จึงตรัสคาถาที่ ๒. ในบทเหล่านั้น บทว่า วิโมกฺโข ตสฺส นาปโร คือ วิโมกข์อย่างอื่นของผู้นั้นไม่มี. แม้เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ความสิ้นตัณหานั้นแลเป็นวิโมกข์. โตเทยยมาณพก็มิได้เข้าใจความนั้น จึงทูลถามอีกว่า นิราสโส โส อุทอาสสาโน ผู้นั้นไม่มีความหวังหรือยังมีหวังอยู่. ในบทเหล่านั้น บทว่า อุท ปญฺญกปฺปี หรือมีความก่อด้วยปัญญา คือก่อตัณหาหรือทิฏฐิด้วยญาณมีสมาปัตติญาณเป็นต้น. ลำดับนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงบอกความนั้นแก่โตเทยยมาณพนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๔. ในบทเหล่านั้น บทว่า กามภเว คือ ในกามและในภพ. บทว่า รูเป นาสึสติ ไม่หวังในรูป คือไม่ปรารถนาในรูปารมณ์อันมีสมุฏฐาน ๔. แม้ในเสียงเป็นต้นก็มีนัยนี้เหมือนกัน. ราคะนั้นเป็นเครื่องกังวล เพราะอรรถว่าห่วงใย หรือเครื่องกังวลคือราคะ เพราะอรรถว่ามัวเมา. แม้ในเครื่องกังวลคือโทสะเป็นต้นก็มีนัยนี้เหมือนกัน. บทที่เหลือในบททั้งปวงชัดดีแล้ว. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงพระสูตรแม้นี้ ด้วยธรรมเป็นยอดคือพระอรหัต. อนึ่ง เมื่อจบเทศนา ได้มีผู้บรรลุธรรมเช่นครั้งก่อนนั้นแล. จบอรรถกถาโตเทยยมาณวกปัญหานิทเทสที่ ๙ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส ปารายนวรรค โตเทยยมาณวกปัญหานิทเทส จบ. |