ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ ๑๙. วิปัสสีพุทธวงศ์

๑๙. วิปัสสีพุทธวงศ์
ว่าด้วยพระประวัติของพระวิปัสสีพุทธเจ้า
[๑] สมัยต่อจากพระพุทธเจ้าพระนามว่าปุสสะ ได้มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ตามพระโคตร ผู้สูงสุดแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้มีพระจักษุ เสด็จอุบัติขึ้นแล้วในโลก [๒] พระองค์ทรงทำลายกระเปาะฟองไข่คืออวิชชาแล้ว ทรงบรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม เสด็จไปยังกรุงพันธุมดี เพื่อทรงประกาศพระธรรมจักร [๓] พระองค์ทรงเป็นผู้นำ ทรงประกาศพระธรรมจักร ให้ราชบุตรและบุตรปุโรหิตทั้ง ๒ ได้บรรลุธรรม การบรรลุธรรมครั้งที่ ๑ บอกจำนวนไม่ได้ [๔] ต่อมาพระองค์ผู้มีพระยศนับไม่ได้ ทรงประกาศอริยสัจ ๔ ในนครนั้น เทวดาและมนุษย์ประมาณ ๘๔,๐๐๐ ได้บรรลุธรรมครั้งที่ ๒ [๕] กุลบุตรประมาณ ๘๔,๐๐๐ บวชตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ผู้มีพระจักษุทรงแสดงธรรมแก่เขาเหล่านั้นผู้มาถึงอาราม [๖] เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานธรรมทานตามอุปนิสัย จึงประทับยืนตรัสโดยอาการทั้งปวง แม้บรรพชิตเหล่านั้นก็ได้บรรลุธรรมอันประเสริฐ จึงชื่อว่าได้บรรลุธรรมครั้งที่ ๓ [๗] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ได้มีการประชุมพระขีณาสพผู้ปราศจากมลทิน มีจิตสงบระงับ คงที่ ๓ ครั้ง {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๓ หน้า : ๖๘๕}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ ๑๙. วิปัสสีพุทธวงศ์

[๘] ภิกษุประมาณ ๑๖๘,๐๐๐ รูป มาประชุมกัน เป็นครั้งที่ ๑ ภิกษุประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ รูป มาประชุมกัน เป็นครั้งที่ ๒ [๙] ภิกษุประมาณ ๘๐,๐๐๐ รูป มาประชุมกัน เป็นครั้งที่ ๓ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรุ่งเรืองยิ่งในท่ามกลางหมู่ภิกษุนั้น [๑๐] สมัยนั้น เราเป็นพญานาคผู้มีฤทธิ์มาก มีบุญ มีความรุ่งเรือง มีนามว่าอตุละ ตามโคตร [๑๑] ครั้งนั้น เรามีนาคหลายโกฏิแวดล้อม เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าผู้เจริญที่สุดในโลก บรรเลงดนตรีทิพย์ถวาย [๑๒] เราครั้นเข้าเฝ้าพระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลกแล้ว ทูลนิมนต์พระองค์แล้ว ได้ถวายตั่งทอง อันประดับด้วยแก้วมณีและแก้วมุกดา ประดับด้วยอาภรณ์ทุกชนิดแก่พระองค์ผู้เป็นพระธรรมราชา [๑๓] แม้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ประทับนั่งท่ามกลางสงฆ์แล้ว ทรงพยากรณ์เราว่า ‘ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป พญานาคนี้จักเป็นพระพุทธเจ้า’ [๑๔] พระตถาคตได้เสด็จออกจากกรุงกบิลพัสดุ์ที่น่ารื่นรมย์แล้ว ทรงเริ่มตั้งความเพียรบำเพ็ญทุกรกิริยา [๑๕] พระตถาคตจักประทับนั่งที่โคนต้นอชปาลนิโครธ ทรงรับข้าวปายาสในที่นั้น แล้วเสด็จไปยังแม่น้ำเนรัญชรา [๑๖] พระชินเจ้าพระองค์นั้นจักเสวยข้าวปายาส ที่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา แล้วเสด็จไปที่โคนต้นโพธิ์ ตามหนทางอันประเสริฐที่ตกแต่งไว้แล้ว {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๓ หน้า : ๖๘๖}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ ๑๙. วิปัสสีพุทธวงศ์

[๑๗] จากนั้น พระองค์ผู้มีพระยศยิ่งใหญ่ จักทำประทักษิณโพธิมัณฑ์อันยอดเยี่ยมแล้ว ตรัสรู้สัมโพธิญาณที่โคนต้นอัสสัตถพฤกษ์ [๑๘] พระมารดาผู้ให้กำเนิดพระชินเจ้าพระองค์นี้ จักมีพระนามว่ามายา พระบิดาจักมีพระนามว่าสุทโธทนะ พระชินเจ้าพระองค์นี้จักมีพระนามว่าโคดม [๑๙] พระโกลิตเถระและพระอุปติสสเถระ ผู้ไม่มีอาสวะ สิ้นราคะ มีจิตสงบ ตั้งมั่นดี จักเป็นพระอัครสาวก พระเถระนามว่าอานนท์ จักเป็นพระอุปัฏฐาก บำรุงพระชินเจ้าพระองค์นี้ [๒๐] พระเขมาเถรีและพระอุบลวรรณาเถรี ผู้ไม่มีอาสวะ สิ้นราคะ มีจิตสงบระงับ ตั้งมั่นดีจักเป็นพระอัครสาวิกา ต้นไม้เป็นที่ตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ชาวโลกเรียกว่า ต้นอัสสัตถพฤกษ์ [๒๑] จิตตคหบดีอุบาสกและหัตถกคหบดีอุบาสก ชาวเมืองอาฬวี จักเป็นอัครอุปัฏฐาก นันทมารดาอุบาสิกาและอุตตราอุบาสิกา จักเป็นอัครอุปัฏฐายิกา พระโคดมผู้มียศพระองค์นั้นจักมีพระชนมายุประมาณ ๑๐๐ ปี [๒๒] เทวดาและมนุษย์ ได้ฟังพระดำรัสนี้ ของพระพุทธเจ้าผู้ไม่มีใครเสมอเหมือน ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่แล้ว ต่างก็มีความชื่นชมกล่าวว่า ‘ท่านผู้นี้เป็นหน่อพุทธางกูร’ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๓ หน้า : ๖๘๗}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ ๑๙. วิปัสสีพุทธวงศ์

สัตว์ทั้งหลายในหมื่นจักรวาลพร้อมทั้งเทวดา ต่างก็เปล่งเสียงโห่ร้องปรบมือ ร่าเริง ประนมมือ นมัสการว่า ‘ถ้าเราทั้งหลายจักพลาดศาสนาของพระโลกนาถพระองค์นี้ เราทั้งหลายก็จักพร้อมหน้าหน่อพุทธางกูรนี้ในอนาคตกาล มนุษย์ทั้งหลายเมื่อจะข้ามแม่น้ำ พลาดท่าเฉพาะหน้าแล้ว ก็ยึดเอาท่าถัดไปจึงข้ามแม่น้ำใหญ่ไป ฉันใด เราทั้งหมดก็ฉันนั้นเหมือนกัน ถ้าพลาดพระชินเจ้าพระองค์นี้ ก็จักพร้อมหน้าหน่อพุทธางกูรนี้ในอนาคตกาล’ [๒๓] เราได้ฟังพระดำรัสของพระพุทธเจ้าแม้พระองค์นั้นแล้ว ก็ทำจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง ได้อธิษฐานวัตรเพื่อบำเพ็ญบารมี ๑๐ ประการให้ยิ่งขึ้นไป [๒๔] กรุงชื่อว่าพันธุมดี กษัตริย์พระนามว่าพันธุมะเป็นพระชนก พระเทวีพระนามว่าพันธุมดีเป็นพระชนนี ของพระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ [๒๕] พระองค์ทรงครองฆราวาสอยู่ ๘,๐๐๐ ปี มีปราสาทที่อุดมอยู่ ๓ หลัง คือนันทปราสาท สุนันทปราสาท และสิริมาปราสาท [๒๖] มีนางสนมกำนัล ๔๓,๐๐๐ นาง ล้วนประดับประดาสวยงาม พระมเหสีพระนามว่าสุทัสสนา พระราชโอรสพระนามว่าสมวัตตขันธ์ [๒๗] พระชินเจ้าทรงเห็นนิมิต ๔ ประการ จึงทรงราชพาหนะคือรถออกผนวชแล้ว ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ ๘ เดือนเต็ม(จึงได้บรรลุพระโพธิญาณ) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๓ หน้า : ๖๘๘}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ ๑๙. วิปัสสีพุทธวงศ์

[๒๘] พระมหาวีระพระนามว่าวิปัสสี ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก สูงสุดกว่านรชน ผู้อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักรที่มฤคทายวัน [๒๙] พระขันธเถระและพระติสสนามเถระเป็นพระอัครสาวก พระเถระนามว่าอโสกะเป็นพระอุปัฏฐาก ของพระวิปัสสีพุทธเจ้า ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ [๓๐] พระจันทาเถรีและพระจันทมิตตาเถรีเป็นพระอัครสาวิกา ต้นไม้เป็นที่ตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ชาวโลกเรียกว่า ต้นแคฝอย [๓๑] ปุนัพพสุมิตตอุบาสกและนาคอุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐาก สิริมาอุบาสิกาและอุตตราอุบาสิกาเป็นอัครอุปัฏฐายิกา [๓๒] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก ทรงมีพระวรกายสูง ๘๐ ศอก พระองค์ทรงมีพระรัศมีเปล่งปลั่ง แผ่ไป ๗ โยชน์โดยรอบ [๓๓] ขณะนั้น พระพุทธเจ้ามีพระชนมายุประมาณ ๘๐,๐๐๐ ปี พระองค์ทรงดำรงพระชนมายุประมาณเท่านั้น ทรงช่วยหมู่ชนให้ข้ามพ้นได้เป็นจำนวนมาก [๓๔] ทรงเปลื้องเทวดาและมนุษย์เป็นจำนวนมาก ให้พ้นจากเครื่องพันธนาการ ตรัสบอกทางและมิใช่ทางแก่ปุถุชนที่เหลือ [๓๕] พระองค์พร้อมทั้งสาวก ทรงแสดงแสงสว่าง แสดงอมตบท ทรงรุ่งเรืองดังกองเพลิงเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว [๓๖] พระฤทธิ์และบุญอันประเสริฐ พระลักษณะมีลายจักรที่สวยงาม {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๓ หน้า : ๖๘๙}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ ๒๐. สิขีพุทธวงศ์

ทุกอย่างล้วนอันตรธานไปหมดแล้ว สังขารทั้งปวงเป็นสภาพว่างเปล่าหนอ [๓๗] พระวีรเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ทรงเป็นนระผู้ประเสริฐ เสด็จดับขันธปรินิพพานที่สุมิตตาราม พระสถูปอันประเสริฐของพระองค์ ที่สุมิตตารามนั้น สูงถึง ๗ โยชน์ ฉะนี้แล
วิปัสสีพุทธวงศ์ที่ ๑๙ จบ


                  เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๓๓ หน้าที่ ๖๘๕-๖๙๐. http://84000.org/tipitaka/attha/m_siri.php?B=33&siri=211              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2].                   อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=33&A=8190&Z=8242                   ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33&i=200              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=33&item=200&items=1              อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=51&A=7510              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=33&item=200&items=1              The Pali Atthakatha in Roman :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=51&A=7510                   สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu33



บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :