๑๑. มหาปโลภนชาดก
ว่าด้วยหญิงเป็นมลทินของพรหมจรรย์
[๒๒๐๘] เทพบุตรผู้มีฤทธิ์มาก จุติจากพรหมโลกแล้วมาเกิดเป็นโอรสของพระราชา
ผู้ทรงดำรงอยู่ในพระราชสมบัติอันเพรียบพร้อมด้วยสรรพกามคุณก็ดี
ความสำคัญในกามก็ดี มิได้มีในพรหมโลก พระราชกุมารนั้นจึงเกลียด
ชังกามทั้งหลาย ด้วยสัญญาอันเกิดในพรหมโลกนั้น. พระราชบิดารับ
สั่งให้สร้างฌานาคารไว้ภายในพระราชฐาน สำหรับพระราชกุมารนั้นทรง
หลีกเร้นบำเพ็ญฌานในอาคารนั้นพระองค์เดียว. พระราชาทรงอัดอั้นตัน
พระทัยด้วยความโศกถึงพระโอรส ทรงปริเทวนาการว่า ลูกคนเดียว
ของเรานี้ ไม่บริโภคกามารมณ์เลย. อุบายที่จะทำให้ลูกเราบริโภค
กามารมณ์นี้ มีอยู่อย่างไรบ้างหนอ หรือว่าเราจะรู้เหตุที่จะทำให้ลูกเราพัว
พันอยู่ในอารมณ์ได้ หรือว่าผู้ใดจะประเล้าประโลมลูกเราให้ปรารถนา
กามารมณ์ได้อย่างไรบ้าง?
[๒๒๐๙] ภายในพระราชฐานนั้นเอง มีกุมารีคนหนึ่งมีฉวีวรรณงดงาม รูปร่าง
สะสวย ฉลาดในการฟ้อนรำขับร้อง และชำนาญในการดีดสีตีเป่า
เธอเข้าไปในพระราชฐานนั้นแล้วกราบทูลพระราชาว่า เกล้ากระหม่อมฉัน
พึงประเล้าประโลมพระราชกุมารนั้นได้ ถ้าพระราชกุมารนั้นจะเป็น
พระสวามีของเกล้ากระหม่อมฉัน.
[๒๒๑๐] พระราชาจึงตรัสกะนางกุมาริกาผู้กล่าวยืนยันเช่นนี้ว่า เธอจงประเล้า
ประโลมลูกของเรา ลูกของเราจักเป็นสามีของเจ้า.
[๒๒๑๑] นางกุมารีนั้นได้เข้าไปภายในพระราชฐานแล้ว จึงกล่าวเป็นคาถาหัวเราะ
จับจิตใจ ยั่วยวนชวนให้รักใคร่ เปลี่ยนแปลงขับรำอันประกอบด้วย
กามารมณ์มากอย่าง.
[๒๒๑๒] กามฉันทะก็บังเกิดแก่พระราชกุมารนั้น เพราะได้ทรงสดับเสียงของ
นางกุมารีผู้ขับกล่อมอยู่ พระราชกุมารจึงตรัสถามคนที่อยู่ใกล้เคียงดูว่า
โอ นั่นเสียงใคร หรือใครนั่นมาขับร้องเสียงสูงต่ำจับจิตใจยั่วยวนชวน
ให้รักใคร่ เพราะหูของเรานัก?
[๒๒๑๓] ขอเดชะเสียงนี้น่ายินดี ให้สนุกสนานได้มิใช่น้อย ถ้าพระองค์พึง
บริโภคกามคุณไซร้ กามทั้งหลายจะพึงพอพระทัยพระองค์เป็นอย่างยิ่ง.
[๒๒๑๔] เชิญมาภายในนี้ จงมาขับร้องใกล้ๆ เรา เลื่อนเข้ามาขับใกล้ตำหนักของ
เรา จงขับกล่อมใกล้ที่บรรทมของเรา.
[๒๒๑๕] นางกุมารีนั้น เข้าไปขับกล่อมภายนอกฝาห้องบรรทม แล้วเลื่อนเข้าไป
ณ ตำหนักฌานาคารโดยลำดับ จนผูกพระราชกุมารไว้ได้ เหมือนนาย
หัตถาจารย์จับคชสารป่ามัดไว้ ฉะนั้น.
[๒๒๑๖] เพราะรู้กามรสแห่งนางกุมารีนั้น อธรรม คือ ความริษยา ได้เกิดขึ้นแก่
พระราชกุมารว่า เราเท่านั้นพึงได้บริโภคกาม อย่าได้มีบุรุษคนอื่นเลย.
ต่อแต่นั้นมา พระราชกุมารทรงถือเอาดาบเล่มหนึ่งแล้ว เสด็จไปเพื่อ
จะฆ่าบุรุษทั้งหลายเสีย ด้วยทรงคิดว่า เราจักบริโภคกามแต่คนเดียว
อย่าพึงมีบุรุษคนอื่นอยู่เลย.
[๒๒๑๗] ต่อมานั้น ชาวชนบททั้งปวงจึงมาประชุม ถวายเรื่องราวร้องทุกข์ว่า
ข้าแต่พระมหาราชา พระราชโอรสของพระองค์นี้ ทรงเบียดเบียนผู้หา
โทษมิได้ พระเจ้าข้า.
[๒๒๑๘] จอมขัตติยราชทรงเนรเทศพระราชกุมารออกไปจากรัฐสีมาของพระองค์
แล้ว มีพระราชโองการว่า อาณาเขตของเรามีอยู่เพียงใด เจ้าอย่าอยู่ใน
อาณาเขตของเราเพียงนั้น.
[๒๒๑๙] ครั้งนั้น พระราชกุมารทรงพาชายาไปจนบรรลุถึงสมุทรนทีแห่งหนึ่ง ทรง
สร้างบรรณศาลาแล้ว จึงเสด็จเข้าไปสู่ป่าเพื่อแสวงหาผลาผล.
[๒๒๒๐] ครั้งนั้น มีฤาษีตนหนึ่ง มาถึงบรรณศาลานั้น โดยทางเบื้องบนสมุทร
เข้าไปยังบรรณศาลาของพระราชกุมาร ในเวลาที่นางกุมารีจัดแจง
ภัตตาหารไว้แล้ว.
[๒๒๒๑] ชายาของพระราชกุมาร ประเล้าประโลมฤาษีนั้น ดูเถิดกรรมที่นางกุมารี
กระทำนั้นหยาบช้าเพียงไร ฤาษีนั้นได้เคลื่อนจากพรหมจรรย์ เสื่อม
จากฤทธิ์.
[๒๒๒๒] ฝ่ายพระราชโอรสแสวงหามูลและผลาผลในป่าได้จำนวนมากแล้ว จึง
หาบหามเข้ามายังอาศรมในเวลาเย็น.
[๒๒๒๓] ฝ่ายฤาษีพอเห็นขัตติยราชกุมาร จึงรีบเข้าไปยังฝั่งสมุทร ด้วยตั้งใจไว้ว่า
เราจักไปทางเวหาสแต่ต้องจมลงในมหรรณพนั่นเอง.
[๒๒๒๔] ฝ่ายว่าขัตติยราชกุมาร ได้ทอดพระเนตรเห็นฤาษีจมลงในมหรรณพ จึง
ได้ตรัสพระคาถานี้ ด้วยทรงพระอนุเคราะห์ต่อฤาษีนั้นว่า.
[๒๒๒๕] ตัวท่านเองมาด้วยฤทธิ์บนน้ำอันไม่แตกแยก ครั้นถึงความระคนด้วยสตรี
แล้ว ต้องจมลงในมหรรณพ. ธรรมดาสตรีมีปกติหมุนเวียน มีมายา
มาก มักทำพรหมจรรย์ให้กำเริบ ย่อมทำนักพรตให้จมลง ท่านรู้แจ้ง
ฉะนี้แล้ว พึงเว้นเสียให้ห่างไกล. สตรีทั้งหลายมีวาจาไพเราะ มีสัมภาส
อ่อนหวาน ยากที่จะให้เต็มได้ เสมอด้วยแม่น้ำ ย่อมทำนักพรตให้จม
ลง ท่านจะรู้แจ้ง ฉะนี้แล้ว พึงเว้นเสียให้ห่างไกล. สตรีทั้งหลายย่อม
เข้าไปซ่องเสพบุรุษใด ด้วยความพอใจหรือด้วยทรัพย์ก็ตาม ย่อมพลัน
ตามเผาผลาญบุรุษนั้น เหมือนไฟป่าเผาสถานที่ตนเอง ฉะนั้น.
[๒๒๒๖] ความเบื่อหน่ายได้เกิดมีแก่ฤาษี เพราะได้ฟังถ้อยคำของขัตติยราชกุมาร
ฤาษีนั้นกลับได้ทางเก่า แล้วก็เหาะขึ้นไปยังเวหาส.
[๒๒๒๗] ฝ่ายขัตติยราชกุมารผู้ทรงพระปรีชา ได้ทอดพระเนตรเห็นฤาษีกำลังเหาะ
ไปยังเวหาส จึงได้ความสลดจิต น้อมพระทัยบรรพชา. ต่อแต่นั้น
ขัตติยราชกุมารก็ทรงบรรพชาสำรอกกามราคะแล้ว ได้เข้าถึงพรหมโลก.
จบ มหาปโลภชาดกที่ ๑๑.
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๗ บรรทัดที่ ๘๘๔๒-๘๙๑๔ หน้าที่ ๓๘๙-๓๙๑.
http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=27&A=8842&Z=8914&pagebreak=0
ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2]
อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/m_siri.php?B=27&siri=507
ศึกษาอรรถกถาชาดกนี้ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=2208
ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :-
[2208-2227] http://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=27&item=2208&items=20
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :-
http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=41&A=2702
The Pali Tipitaka in Roman :-
[2208-2227] http://84000.org/tipitaka/pali/roman_item_s.php?book=27&item=2208&items=20
The Pali Atthakatha in Roman :-
http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=41&A=2702
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗
http://84000.org/tipitaka/read/?index_27
อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :-
https://suttacentral.net/ja507/en/rouse
บันทึก ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง.
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ DhammaPerfect@yahoo.com