บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |
|
|
ปฏาจาราเถริยาปทานที่ ๑๐ ว่าด้วยบุพจริยาของพระปฏาจาราเถรี [๑๖๐] ในกัปที่หนึ่งแสนแต่ภัทรกัปนี้ พระพิชิตมารผู้นายกของโลกพระนาม ว่าปทุมุตระ ทรงรู้จบธรรมทั้งปวง เสด็จอุบัติขึ้นแล้วครั้งนั้น ดิฉัน เกิดในตระกูลเศรษฐี อันมีความรุ่งเรืองด้วยรัตนะต่างๆ ในเมือง หงสวดี เป็นผู้เพียบพร้อมด้วยความสุขเป็นอันมาก ดิฉันเข้าไปเฝ้า พระมหาวีรเจ้าพระองค์นั้นแล้วได้ฟังพระธรรมเทศนา มีความเลื่อม ใสอันเกิดในพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นได้ถึงพระองค์เป็นสรณะ ครั้ง นั้น พระผู้มีพระภาคทรงสรรเสริญภิกษุณีองค์หนึ่ง ผู้มีความละอาย คงที่คล่องแคล่วในกิจที่ควรและกิจที่ไม่ควร ว่าเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณี ทั้งหลายฝ่ายทรงวินัย ดิฉันมีจิตยินดีปรารถนาตำแหน่งนั้น จึงนิมนต์ พระทศพลผู้เป็นนายกพร้อมด้วยพระสงฆ์ให้เสวยและฉันตลอด สัปดาห์หนึ่ง ถวายบาตรและจีวรแล้วซบศีรษะลงแทบพระบาท แล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระธีรมุนีผู้นายกของโลก ภิกษุณีองค์ใด พระองค์ทรงสรรเสริญในตำแหน่งอันประเสริฐกว่าภิกษุณีสงฆ์นี้ ถ้า ตำแหน่งนั้นจะสำเร็จแก่หม่อมฉัน หม่อมฉันจักเป็นเช่นภิกษุณี องค์นั้น ครั้งนั้น พระศาสดาได้ตรัสกะดิฉันว่า นางผู้เจริญ อย่าง กลัวเลย จงเบาใจเถิด ท่านจักได้ตำแหน่งนั้นตามใจปรารถนาใน อนาคตกาล ในกัปที่หนึ่งแสนแต่กัปนี้ พระศาสดาพระนามว่าโคดม มีสมภพในวงศ์พระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ท่าน ผู้เจริญนี้ จักได้เป็นภิกษุณีธรรมทายาทของพระศาสดาพระองค์นั้น เป็นโอรสอันธรรมนิรมิต เป็นสาวิกาของพระศาสดา มีนามว่า ปฏาจารา ครั้งนั้น ดิฉันยินดีมีจิตประกอบด้วยเมตตา บำรุงพระ- พุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลกกับพระสงฆ์จนตลอดชีวิต ด้วย กุศลกรรมที่ได้ทำไว้แล้วนั้น และด้วยการตั้งเจตน์จำนงไว้ ดิฉัน ละร่างกายมนุษย์แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในภัทรกัปนี้ พระ พุทธเจ้าพระนามว่ากัสสป ผู้เป็นพงศ์พันธุ์ แห่งพราหมณ์ มีบริวาร ยศมากประเสริฐกว่าพวกบัณฑิต เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว ครั้งนั้น พระเจ้า กาสีพระนามว่ากิกีผู้เป็นใหญ่กว่านรชน ในพระนครพาราณสีอันอุดม ทรงเป็นอุปัฏฐากของพระศาสดาผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ดิฉันเป็น พระธิดาคนที่สามของท้าวเธอมีนามปรากฏว่าภิกษุณี ได้ฟังธรรมของ พระพิชิตมารผู้เลิศแล้ว พอใจบรรพชา ... ด้วยกุศลกรรมที่ได้ทำไว้ แล้วนั้น และด้วยการตั้งเจตน์จำนงไว้ดิฉันละร่างกายมนุษย์แล้วได้ ไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ในภพหลัง บัดนี้ ดิฉันเกิดในสกุลเศรษฐี ที่มั่งคั่งเจริญ มีทรัพย์มากในพระนครสาวัตถี เมื่อใด ดิฉันเจริญวัย เป็นสาวตกอยู่ในอำนาจวิตก พบบุรุษชาวชนบทผู้หนึ่งแล้วได้ไป กับเขา ดิฉันคลอดบุตรคนหนึ่ง มีท้องบุตรคนที่สอง เมื่อนั้น ดิฉันปรารถนาว่า จะไปเยี่ยมมารดาบิดา ครั้งนั้น ดิฉันมิได้บอกสามี เมื่อสามีของดิฉันเข้าไปป่า ดิฉันคนเดียวออกจากเรือน จะไปยัง พระนครสาวัตถีอันอุดม ภายหลังสามีของดิฉันมาตามทันที่หนทาง เวลานั้น ลมกรรมชวาตอันทำให้เจ็บปวดเหลือทนเกิดขึ้นแก่ดิฉัน ทั้งมหาเมฆก็เกิดขึ้นในเวลาที่ดิฉันจะคลอด สามีไปหาที่กำบังก็ถูกงู กัดตาย เวลานั้นดิฉันมีทุกข์ที่จะคลอด หมดที่พึ่ง เป็นคนกำพร้า เดินไปเห็นแม่น้ำน้อยแห่งหนึ่ง ซึ่งมีน้ำเต็มเป็นที่อยู่แห่งสัตว์น้ำ อุ้มบุตรน้อยข้ามไป ที่ฝั่งข้างโน้นคนเดียว ให้บุตรน้อยดื่มนมแล้ว ประสงค์จะให้บุตรคนใหญ่ข้าม จึงกลับมา เหยี่ยวตัวหนึ่ง เฉี่ยว บุตรน้อยที่ร้องจ้าไปเสียแล้ว บุตรคนใหญ่ก็ถูกกระแสน้ำพัดไป ดิฉันนั้นมากไปด้วยความโศกเดินไปยังพระนครสาวัตถี ได้ยินข่าวว่า มารดาบิดาและพี่ชายของตนตายเสียแล้ว เวลานั้น ดิฉันแน่นไป ด้วยความโศกเปี่ยมไปด้วยความโศกมาก ได้กล่าวว่า บุตรสองคน ตายเสียแล้ว สามีของเราก็ตายเสียในป่า มารดาบิดาและพี่ชาย ของเรา ก็ถูกเผาที่เชิงตะกอนเดียวกัน ครั้งนั้น ดิฉันทั้งซูบผอม ทั้งผิวเหลือง ไม่มีที่พึ่ง ตรอมใจทุกวัน เมื่อเดินไปข้างนี้ข้างนั้นได้ เห็นพระผู้มีพระภาค ผู้เป็นสารถีฝึกนรชน ขณะนั้น พระศาสดา ได้ตรัสกะดิฉันว่า ท่านอย่าโศกเศร้าถึงบุตรเลยจงเบาใจเถิด จง แสวงหาตนของท่านเถิดเดือดร้อนไปไม่มีประโยชน์อะไรเลย บุตร ธิดา ญาติและพวกพ้องไม่ป้องกันคนผู้ถึงที่ตายได้เลย ความป้อง กันไม่มีในญาติทั้งหลาย ดิฉันได้ฟังพระพุทธพจน์นั้นแล้ว ได้บรรลุ ถึงปฐมผล บวชแล้วไม่นานก็ได้บรรลุอรหัตผล เป็นผู้มีความ ชำนาญในฤทธิ์และทิพโสตธาตุ รู้ปรจิตตวิชา เป็นผู้ปฏิบัติตามคำ สอนของพระพุทธเจ้ารู้ปุพพนิวาสญาณชำระทิพยจักษุให้บริสุทธิ์ ทำ อาสวะทั้งปวงให้สิ้นไปแล้ว เป็นผู้บริสุทธิ์หมดมลทินด้วยดี ในกาล นั้น ดิฉันศึกษาพระวินัยทั้งปวงในสำนักพระบรมศาสดา ผู้ทรง เห็นธรรมทั้งปวงและกล่าวพระวินัยทั้งมวลกว้างขวางได้ตามจริง พระพิชิตมารทรงพอพระทัยในคุณสมบัตินั้น จึงทรงตั้งดิฉันไว้ใน ตำแหน่งเอตทัคคะว่าปฏาจาราภิกษุณีผู้เดียวเลิศกว่าพวกภิกษุณีฝ่ายที่ ทรงพระวินัย ... ทราบว่า ท่านพระปฏาจาราภิกษุณีได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.จบปฏาจาราเถริยาปทาน. ๑. เอกุโปสถิกาเถริยาปทาน ๒. สลฬปุพพิกาเถริยาปทาน ๓. โมทกทายิกาเถริยาปทาน ๔. เอกาสนทายิกาเถริยาปทาน ๕. ปัญจะทีปทายิกาเถริยาปทาน ๖. นฬมาลิกาเถริยาปทาน ๗. มหาปชาบดีโคตมีเถริยาปทาน ๘. เขมาเถริยาปทาน ๙. อุบลวรรณเถริยาปทาน ๑๐. ปฏาจาราเถริยาปทาน ในวรรคนี้บัณฑิคำนวณคาถาได้ ๕๐๙ คาถา.จบเอกุโปสถวรรคที่ ๒. ----------------------------------------------------- เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ บรรทัดที่ ๕๒๓๘-๕๓๑๒ หน้าที่ ๒๒๕-๒๒๘. https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=33&A=5238&Z=5312&pagebreak=0 ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2] อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- https://84000.org/tipitaka/attha/m_siri.php?B=33&siri=171 ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33&i=160 ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- [160] https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=33&item=160&items=1 The Pali Tipitaka in Roman :- [160] https://84000.org/tipitaka/pali/roman_item_s.php?book=33&item=160&items=1 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ https://84000.org/tipitaka/read/?index_33 อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/thi-ap20/en/walters
บันทึก ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]