ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๔ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๑ ธรรมสังคณีปกรณ์
เหตุโคจฉกะ
[๙๐๐] ธรรมเป็นเหตุ เป็นไฉน? กุศลเหตุ ๓ อกุศลเหตุ ๓ อัพยากตเหตุ ๓ อโลภกุศลเหตุ อโทสกุศลเหตุ บังเกิดในกุศลทั้ง ๔ ภูมิ อโมหกุศลเหตุบังเกิดในกุศลทั้ง ๔ ภูมิ เว้นจิตตุปบาทที่เป็นญาณวิปปยุตฝ่ายกามาวจร ๔ ดวง โลภะ บังเกิดในจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโลภะ ๘ ดวง โทสะ บังเกิดในจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโทมนัส ๒ ดวง โมหะ บังเกิดในอกุศลทั้งปวง อโลภวิปากเหตุ อโทสวิปากเหตุ ย่อมเกิดในวิบากทั้ง ๔ ภูมิ เว้นอเหตุกจิตตุปบาท ฝ่ายกามาวจรวิบาก อโมหวิปากเหตุ บังเกิดในวิบากทั้ง ๔ ภูมิ เว้นอเหตุกจิตตุปบาท ฝ่ายกามาวจรวิบาก (และ) เว้นจิตตุปบาทที่เป็นญาณวิปปยุต ๔ ดวง อโลภกิริยเหตุ อโทสกิริยเหตุ บังเกิดในกิริยาทั้ง ๓ ภูมิ เว้นอเหตุกจิตตุปบาทฝ่าย กามาวจรกิริยา อโมหกิริยเหตุ บังเกิดในกิริยาทั้ง ๓ ภูมิ เว้นอเหตุกจิตตุปบาท ฝ่ายกามาวจรกิริยา (และ) เว้นจิตตุปบาทที่เป็นญาณวิปปยุต ๔ ดวง สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นเหตุ. ธรรมไม่เป็นเหตุ เป็นไฉน? เว้นเหตุทั้งหลายเสีย กุศลในภูมิ ๔ อกุศล วิบากในภูมิ ๔ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ รูป และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมไม่เป็นเหตุ. [๙๐๑] ธรรมมีเหตุ เป็นไฉน? อกุศลที่เหลือ เว้นโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา (และ) ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ, กุศล- *ในภูมิ ๔, วิบากในภูมิ ๔ เว้นอเหตุกจิตตุปบาท ฝ่ายกามาวจรวิบาก, กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ เว้นอเหตุกจิตตุปบาท ฝ่ายกามาวจรกิริยา สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมมีเหตุ. ธรรมไม่มีเหตุ เป็นไฉน? โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา โมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ปัญจวิญญาณ ทั้ง ๒ ฝ่าย มโนธาตุ ๓ อเหตุกมโนวิญญาณธาตุ ๕ รูปและนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรม ไม่มีเหตุ. [๙๐๒] ธรรมสัมปยุตด้วยเหตุ เป็นไฉน? อกุศลที่เหลือ เว้นโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา (และ) ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ, กุศล ในภูมิ ๔, วิบากในภูมิ ๔ เว้นอเหตุกจิตตุปบาทฝ่ายกามาวจรวิบาก, กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ เว้นอเหตุกจิตตุปบาทฝ่ายกามาวจรกิริยา สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมสัมปยุตด้วยเหตุ. ธรรมวิปปยุตจากเหตุ เป็นไฉน? โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา โมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ปัญจวิญญาณทั้ง ๒ ฝ่าย มโนธาตุ ๓ อเหตุกมโนวิญญาณธาตุ ๕ รูปและนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรม วิปปยุตจากเหตุ. [๙๐๓] ธรรมเป็นเหตุและมีเหตุ เป็นไฉน? เหตุ ๒-๓ บังเกิดร่วมกันในจิตตุปบาทใด สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นเหตุ และมีเหตุ. ธรรมมีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุ เป็นไฉน? กุศลในภูมิ ๔, อกุศล, วิบากในภูมิ ๔ เว้นอเหตุกจิตตุปบาทฝ่ายกามาวจรวิบาก, กิริยา อัพยากฤตในภูมิ ๓ เว้นอเหตุกจิตตุปบาทฝ่ายกามาวจรกิริยา, เว้นเหตุทั้งหลายที่บังเกิดใน จิตตุปบาทเหล่านี้เสีย สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมมีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุ. ธรรมไม่มีเหตุ จะกล่าวว่า ธรรมเป็นเหตุและมีเหตุก็ไม่ได้ ว่าธรรมมีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุ ก็ไม่ได้. [๙๐๔] ธรรมเป็นเหตุและสัมปยุตด้วยเหตุ เป็นไฉน? เหตุ ๒-๓ บังเกิดร่วมกันในจิตตุปบาทใด สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นเหตุและ สัมปยุตด้วยเหตุ. ธรรมสัมปยุตด้วยเหตุแต่ไม่เป็นเหตุ เป็นไฉน? กุศลในภูมิ ๔, อกุศล, วิบากในภูมิ ๔ เว้นอเหตุกจิตตุปบาทฝ่ายกามาวจรวิบาก, กิริยา อัพยากฤตในภูมิ ๓ เว้นอเหตุกจิตตุปบาทฝ่ายกามาวจรกิริยา เว้นเหตุทั้งหลายที่บังเกิดขึ้นใน จิตตุปบาทเหล่านี้เสีย สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมสัมปยุตด้วยเหตุแต่ไม่เป็นเหตุ. ธรรมวิปปยุตจากเหตุ จะกล่าวว่า ธรรมเป็นเหตุและสัมปยุตด้วยเหตุก็ไม่ได้ ว่าธรรม สัมปยุตด้วยเหตุแต่ไม่เป็นเหตุก็ไม่ได้. [๙๐๕] ธรรมไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุ เป็นไฉน? กุศลในภูมิ ๔, อกุศล, วิบากในภูมิ ๔ เว้นอเหตุกจิตตุปบาทฝ่ายกามาวจรวิบาก, กิริยา อัพยากฤตในภูมิ ๓ เว้นอเหตุกจิตตุปบาทฝ่ายกามาวจรกิริยา, เว้นเหตุทั้งหลายที่บังเกิดใน จิตตุปบาทเหล่านี้เสีย สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุ. ธรรมไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุ เป็นไฉน? ปัญจวิญญาณทั้ง ๒ ฝ่าย มโนธาตุ ๓ อเหตุกมโนวิญญาณธาตุ ๕ รูป และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุ. ธรรมเป็นเหตุ จะกล่าวว่า ธรรมไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุก็ไม่ได้ ว่าธรรมไม่เป็นเหตุและ ไม่มีเหตุก็ไม่ได้.
เหตุโคจฉกะ จบ
-----------------------------------------------------
จูฬันตรทุกะ
[๙๐๖] สัปปัจจยธรรม เป็นไฉน? กุศลในภูมิ ๔ อกุศล วิบากในภูมิ ๔ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ และรูปทั้งหมด สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า สัปปัจจยธรรม. อัปปัจจยธรรม เป็นไฉน? นิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า อัปปัจจยธรรม. [๙๐๗] สังขตธรรม เป็นไฉน? กุศลในภูมิ ๔ อกุศล วิบากในภูมิ ๔ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ และรูปทั้งหมด สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า สังขตธรรม. อสังขตธรรม เป็นไฉน? นิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า อสังขตธรรม. [๙๐๘] สนิทัสสนธรรม เป็นไฉน? รูปายตนะ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า สนิทัสสนธรรม. อนิทัสสนธรรม เป็นไฉน? จักขายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ กุศลในภูมิ ๔ อกุศล วิบากในภูมิ ๔ กิริยา อัพยากฤตในภูมิ ๓ รูปที่เห็นไม่ได้ที่กระทบไม่ได้ แต่นับเนื่องในธัมมายตนะ และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า อนิทัสสนธรรม. [๙๐๙] สัปปฏิฆธรรม เป็นไฉน? จักขายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า สัปปฏิฆธรรม. อัปปฏิฆธรรม เป็นไฉน? กุศลในภูมิ ๔ อกุศล วิบากในภูมิ ๔ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ รูปที่เห็นไม่ได้ที่กระทบ ไม่ได้ แต่นับเนื่องในธัมมายตนะ และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า อัปปฏิฆธรรม. [๙๑๐] รูปิธรรม เป็นไฉน? มหาภูตรูป ๔ และรูปที่อาศัยมหาภูตรูป ๔ นั้น สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า รูปิธรรม. อรูปิธรรม เป็นไฉน? กุศลในภูมิ ๔ อกุศล วิบากในภูมิ ๔ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ และนิพพาน สภาว- *ธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า อรูปิธรรม, [๙๑๑] โลกิยธรรม เป็นไฉน? กุศลในภูมิ ๓ อกุศล วิบากในภูมิ ๓ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ และรูปทั้งหมด สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า โลกิยธรรม. โลกุตตรธรรม เป็นไฉน? มรรค ๔ ที่เป็นโลกุตตระ สามัญผล ๔ และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า โลกุตตรธรรม. [๙๑๒] ธรรมทั้งหมดแล จัดเป็นเกนจิวิญเญยยธรรม เกนจินวิญเญยยธรรม.
จูฬันตรทุกะ จบ
-----------------------------------------------------
อาสวโคจฉกะ
[๙๑๓] อาสวธรรม เป็นไฉน? อาสวะ ๔ คือ กามาสวะ ภวาสวะ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ กามาสวะ บังเกิดในจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโลภะ ๘ ดวง ภาวสวะ บังเกิดในจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโลภะ วิปปยุตจากทิฏฐิ ๔ ดวง ทิฏฐาสวะ บังเกิดในจิตตุปบาทที่สัมปยุตด้วยทิฏฐิ ๔ ดวง อวิชชาสวะ บังเกิดในอกุศลทั้งปวง สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า อาสวธรรม. ธรรมไม่เป็นอาสวะ เป็นไฉน? อกุศลที่เหลือเว้นอาสวธรรมเสีย กุศลในภูมิ ๔ วิบากในภูมิ ๔ กิริยาอัพยากฤตใน ภูมิ ๓ รูป และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมไม่เป็นอาสวะ. [๙๑๔] ธรรมเป็นอารมณ์ของอาสวะ เป็นไฉน? กุศลในภูมิ ๓ อกุศล วิบากในภูมิ ๓ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ และรูปทั้งหมด สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอารมณ์ของอาสวะ. ธรรมไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ เป็นไฉน? มรรค ๔ ที่เป็นโลกุตตระ สามัญผล ๔ และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ. [๙๑๕] ธรรมสัมปยุตด้วยอาสวะ เป็นไฉน? จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโสมนัส ๒ ดวง อกุศลที่เหลือ เว้นโมหะที่เกิดในจิตตุปบาท ๒ ดวงนี้ เว้นโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา (และ) เว้นโมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ สภาวธรรม เหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมสัมปยุตด้วยอาสวะ. ธรรมวิปปยุตจากอาสวะ เป็นไฉน? โมหะ ที่เกิดขึ้นในจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโทมนัส ๒ ดวง โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา โมหะที่สหรคตอุทธัจจะ กุศลในภูมิ ๔ วิบากในภูมิ ๔ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ รูป และ นิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมวิปปยุตจากอาสวะ. [๙๑๖] ธรรมเป็นอาสวะและเป็นอารมณ์ของอาสวะ เป็นไฉน? อาสวะเหล่านั้นแล ชื่อว่า ธรรมเป็นอาสวะและเป็นอารมณ์ของอาสวะ. ธรรมเป็นอารมณ์ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะ เป็นไฉน? อกุศลที่เหลือ เว้นอาสวะเสีย กุศลในภูมิ ๓ วิบากในภูมิ ๓ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ และรูปทั้งหมด สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอารมณ์ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะ ธรรมไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ จะกล่าวว่า เป็นอาสวะและเป็นอารมณ์ของอาสวะก็ไม่ ได้ ว่าเป็นอารมณ์ของอาสวะ แต่ไม่เป็นอาสวะก็ไม่ได้. [๙๑๗] ธรรมเป็นอาสวะและสัมปยุตด้วยอาสวะ เป็นไฉน? อาสวะ ๒-๓ อย่าง บังเกิดร่วมกันในจิตตุปบาทใด สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรม เป็นอาสวะและสัมปยุตด้วยอาสวะ. ธรรมสัมปยุตด้วยอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะ เป็นไฉน? อกุศลที่เหลือ เว้นอาสวะทั้งหลายเสีย สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมสัมปยุตด้วย อาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะ. ธรรมวิปปยุตจากอาสวะ จะกล่าวว่า เป็นอาสวะและสัมปยุตด้วยอาสวะก็ไม่ได้ ว่า สัมปยุตด้วยอาสวะ แต่ไม่เป็นอาสวะก็ไม่ได้. [๙๑๘] ธรรมวิปปยุตจากอาสวะ แต่เป็นอารมณ์ของอาสวะ เป็นไฉน? โมหะที่บังเกิดในจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโทมนัสสเวทนา ๒ ดวง โมหะที่สหรคตด้วย วิจิกิจฉา โมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ กุศลในภูมิ ๓ วิบากในภูมิ ๓ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ และรูปทั้งหมด สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมวิปปยุตจากอาสวะแต่ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ ธรรมวิปปยุตจากอาสวะ และไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ เป็นไฉน? มรรค ๔ ที่เป็นโลกุตตระ สามัญผล ๔ และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมวิปปยุตจากอาสวะและไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ. ธรรมสัมปยุตด้วยอาสวะ จะกล่าวว่า ธรรมวิปปยุตจากอาสวะ แต่เป็นอารมณ์ของ อาสวะก็ไม่ได้ ว่าธรรมวิปปยุตจากอาสวะ และไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะก็ไม่ได้.
อาสวะโคจฉกะ จบ.
-----------------------------------------------------
สัญโญชนโคจฉกะ
[๙๑๙] สัญโญชนธรรม เป็นไฉน? สัญโญชน์ ๑๐ คือ กามราคสัญโญชน์ ปฏิฆสัญโญชน์ มานสัญโญชน์ ทิฏฐิสัญโญชน์ วิจิกิจฉาสัญโญชน์ สีลัพพตปรามาสสัญโญชน์ ภวราคสัญโญชน์ อิสสาสัญโญชน์ มัจฉริย- *สัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ กามราคสัญโญชน์ บังเกิดในจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโลภะ ๘ ดวง ปฏิฆสัญโญชน์ บังเกิดในจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโทมนัสเวทนา ๒ ดวง มานสัญโญชน์ บังเกิดในจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโลภะ วิปปยุตจากทิฏฐิ ๔ ดวง ทิฏฐิสัญโญชน์ บังเกิดในจิตตุปบาทที่สัมปยุตด้วยทิฏฐิ ๔ ดวง วิจิกิจฉาสัญโญชน์ บังเกิดในจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา สิลัพพตปรามาสสัญโญชน์ บังเกิดในจิตตุปบาทที่สัมปยุตด้วยทิฏฐิ ๔ ดวง ภวราคสัญโญชน์ บังเกิดในจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโลภะ วิปปยุตจากทิฏฐิ ๔ ดวง อิสสาสัญโญชน์ และมัจฉริยสัญโญชน์ บังเกิดในจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโทมนัสส- *เวทนา ๒ ดวง อวิชชาสัญโญชน์ บังเกิดอกุศลทั้งปวง สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า สัญโญชนธรรม. ธรรมไม่เป็นสัญโญชน์ เป็นไฉน? อกุศลที่เหลือ เว้นสัญโญชน์ทั้งหลายเสีย กุศลในภูมิ ๔ วิบากในภูมิ ๔ กิริยาอัพ- *ยากฤตในภูมิ ๓ รูป และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมไม่เป็นสัญโญชน์. [๙๒๐] ธรรมเป็นอารมณ์ของสัญโญชน์ เป็นไฉน? กุศลในภูมิ ๗ อกุศล วิบากในภูมิ ๓ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ และรูปทั้งหมด สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอารมณ์ของสัญโญชน์. ธรรมไม่เป็นอารมณ์ของสัญโญชน์ เป็นไฉน? มรรค ๔ ที่เป็นโลกุตตระ สามัญผล ๔ และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมไม่เป็นอารมณ์ของสัญโญชน์. [๙๒๑] ธรรมสัมปยุตด้วยสัญโญชน์ เป็นไฉน? อกุศลที่เหลือ เว้นโมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรม ธรรมสัมปยุตด้วยสัญโญชน์ ธรรมวิปปยุตจากสัญโญชน์ เป็นไฉน? โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ กุศลในภูมิ ๔ วิบากในภูมิ ๔ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ รูป และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมวิปปยุตจากสัญโญชน์. [๙๒๒] ธรรมเป็นสัญโญชน์ และเป็นอารมณ์ของสัญโญชน์ เป็นไฉน? สัญโญชน์เหล่านั้นแล ชื่อว่า ธรรมเป็นสัญโญชน์ และเป็นอารมณ์ของสัญโญชน์. ธรรมเป็นอารมณ์ของสัญโญชน์ แต่ไม่เป็นสัญโญชน์ เป็นไฉน? อกุศลที่เหลือ เว้นสัญโญชน์ทั้งหลายเสีย กุศลในภูมิ ๓ วิบากในภูมิ ๓ กิริยาอัพยากฤต ในภูมิ ๓ และรูปทั้งหมด สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอารมณ์ของสัญโญชน์ แต่ไม่เป็น สัญโญชน์. ธรรมไม่เป็นอารมณ์ของสัญโญชน์ จะกล่าวว่า ธรรมเป็นสัญโญชน์ และเป็นอารมณ์ ของสัญโญชน์ก็ไม่ได้ ว่าธรรมเป็นอารมณ์ของสัญโญชน์ แต่ไม่เป็นสัญโญชน์ก็ไม่ได้. [๙๒๓] ธรรมเป็นสัญโญชน์และสัมปยุตด้วยสัญโญชน์ เป็นไฉน? สัญโญชน์ ๒-๓ อย่าง บังเกิดร่วมกันในจิตตุปบาทใด สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นสัญโญชน์ และสัมปยุตด้วยสัญโญชน์. ธรรมสัมปยุตด้วยสัญโญชน์ แต่ไม่เป็นสัญโญชน์ เป็นไฉน? อกุศลที่เหลือ เว้นสัญโญชน์ทั้งหลายเสีย สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมสัมปยุตด้วย สัญโญชน์ แต่ไม่เป็นสัญโญชน์. ธรรมวิปปยุตจากสัญโญชน์ จะกล่าวว่า ธรรมเป็นสัญโญชน์ และสัมปยุตด้วยสัญโญชน์ ก็ไม่ได้ ว่าธรรมสัมปยุตด้วยสัญโญชน์ แต่ไม่เป็นสัญโญชน์ก็ไม่ได้. [๙๒๔] ธรรมวิปปยุตจากสัญโญชน์ แต่เป็นอารมณ์ของสัญโญชน์ เป็นไฉน? โมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ กุศลในภูมิ ๓ วิบากในภูมิ ๓ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ และรูปทั้งหมด สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมวิปปยุตจากสัญโญชน์ แต่เป็นอารมณ์ของ สัญโญชน์ ธรรมวิปปยุตจากสัญโญชน์และไม่เป็นอารมณ์ของสัญโญชน์ เป็นไฉน? มรรค ๔ ที่เป็นโลกุตตระ สามัญผล ๔ และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมวิปปยุตจากสัญโญชน์ และไม่เป็นอารมณ์ของสัญโญชน์. ธรรมสัมปยุตด้วยสัญโญชน์ จะกล่าวว่า ธรรมวิปปยุตจากสัญโญชน์ แต่เป็นอารมณ์ ของสัญโญชน์ก็ไม่ได้ ว่าธรรมวิปปยุตตจากสัญโญชน์ และไม่เป็นอารมณ์ของสัญโญชน์ก็ไม่ได้.
สัญโญชนโคจฉกะ จบ.
-----------------------------------------------------
คันถโคจฉกะ
[๙๒๕] คันถธรรม นั้นเป็นไฉน? คันธะ ๔ คือ อภิชฌากายคันถะ พยาบาทกายคันถะ สีลัพพตปรามาสกายคันถะ อิทัง- *สัจจาภินิเวสกายคันถะ. อภิชฌากายคันถะ บังเกิดในจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโลภะ ๘ ดวง พยาปาทกายคันถะ บังเกิดในจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโทมนัสสเวทนา ๒ ดวง สีลัพพตปรามาสกายคันถะ และอิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ บังเกิดในจิตตุปบาทที่ สัมปยุตด้วยทิฏฐิ ๔ ดวง สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า คันถธรรม. ธรรมไม่เป็นคันถะ เป็นไฉน? อกุศลที่เหลือ เว้นคันถะทั้งหลายเสีย กุศลในภูมิ ๔ วิบากในภูมิ ๔ กิริยาอัพยากฤต ในภูมิ ๓ รูป และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมไม่เป็นคันถะ. [๙๒๖] ธรรมเป็นอารมณ์ของคันถะ เป็นไฉน? กุศลในภูมิ ๓ อกุศล วิบากในภูมิ ๓ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ และรูปทั้งหมด สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมที่เป็นอารมณ์ของคันถะ. ธรรมไม่เป็นอารมณ์ของคันถะ เป็นไฉน? มรรค ๔ ที่เป็นโลกุตตระ สามัญผล ๔ และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมไม่ เป็นอารมณ์ของคันถะ [๙๒๗] ธรรมสัมปยุตด้วยคันถะ เป็นไฉน? จิตตุปบาทที่สัมปยุตด้วยทิฏฐิ ๔ ดวง, จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโลภะวิปปยุตจากทิฏฐิ ๔ ดวง เว้นโลภะที่บังเกิดในจิตตุปบาทนี้เสีย, จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโทมนัสสเวทนา ๒ ดวง เว้นปฏิฆะที่เกิดในจิตตุปบาทนี้เสีย สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมสัมปยุตด้วยคันถะ. ธรรมวิปปยุตจากคันถะ เป็นไฉน? โลภะที่บังเกิดขึ้นในจิตตุปบาท ที่สหรคตด้วยโลภะวิปปยุตจากทิฏฐิ ๔ ดวง ปฏิฆะที่เกิด ในจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโทมนัสเวทนา ๒ ดวง จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา จิตตุปบาท ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ กุศลในภูมิ ๔ วิบากในภูมิ ๔ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ รูป และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมวิปปยุตจากคันถะ. [๙๒๘] ธรรมเป็นคันถะ และเป็นอารมณ์ของคันถะ เป็นไฉน? คันถธรรมเหล่านั้นแล ชื่อว่า ธรรมเป็นคันถะ และเป็นอารมณ์ของคันถะ. ธรรมเป็นอารมณ์ของคันถะ แต่ไม่เป็นคันถะ เป็นไฉน? อกุศลที่เหลือ เว้นคันถะทั้งหลายเสีย กุศลในภูมิ ๓ วิบากในภูมิ ๓ กิริยาอัพยากฤต ในภูมิ ๓ และรูปทั้งหมด สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอารมณ์ของคันถะ แต่ไม่เป็น คันถะ ธรรมเป็นอารมณ์ของคันถะ จะกล่าวว่า ธรรมเป็นคันถะ และเป็นอารมณ์ของคันถะ ก็ไม่ได้ ว่าธรรมเป็นอารมณ์ของคันถะ แต่ไม่เป็นคันถะก็ไม่ได้. [๙๒๙] ธรรมเป็นคันถะและสัมปยุตด้วยคันถะ เป็นไฉน? ทิฏฐิและโลภะบังเกิดร่วมกันในจิตตุปบาทใด สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นคันถะ และสัมปยุตด้วยคันถะ. ธรรมสัมปยุตด้วยคันถะ แต่ไม่เป็นคันถะ เป็นไฉน? จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโลภะ ๘ ดวง จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโทมนัสสเวทนา ๒ ดวง เว้นคันถะทั้งหลายที่เกิดขึ้นในจิตตุปบาทเหล่านี้เสีย สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรม สัมปยุตด้วยคันถะ แต่ไม่เป็นคันถะ. ธรรมวิปปยุตจากคันถะ จะกล่าวว่า ธรรมเป็นคันถะ และสัมปยุตด้วยคันถะก็ไม่ได้ ว่าธรรมสัมปยุตด้วยคันถะ แต่ไม่เป็นคันถะก็ไม่ได้. [๙๓๐] ธรรมวิปปยุตจากคันถะ แต่เป็นอารมณ์ของคันถะ เป็นไฉน? โลภะที่บังเกิดในจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโลภะ วิปปยุตจากทิฏฐิ ๔ ดวง ปฏิฆะที่บังเกิด ในจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโทมนัสสเวทนา ๒ ดวง จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา จิตตุปบาท ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ กุศลในภูมิ ๓ วิบากในภูมิ ๓ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ และรูปทั้งหมด สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมวิปปยุตจากคันถะ แต่เป็นอารมณ์ของคันถะ. ธรรมวิปปยุตจากคันถะ และไม่เป็นอารมณ์ของคันถะ เป็นไฉน? มรรค ๔ ที่เป็นโลกุตตระ สามัญผล ๔ และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมวิปปยุตจากคันถะ และไม่เป็นอารมณ์ของคันถะ. ธรรมสัมปยุตด้วยคันถะ จะกล่าวว่า ธรรมวิปปยุตจากคันถะ แต่เป็นอารมณ์ของคันถะ ก็ไม่ได้ ว่าธรรมวิปปยุตจากคันถะ และไม่เป็นอารมณ์ของคันถะก็ไม่ได้.
คันถโคจฉกะ จบ
-----------------------------------------------------
[๙๓๑] โอฆธรรม เป็นไฉน ฯลฯ โยคธรรม เป็นไฉน ฯลฯ
นีวรณโคจฉกะ
นีวรณธรรม เป็นไฉน? นิวรณ์ ๖ คือ กามฉันทนิวรณ์ พยาปาทนิวรณ์ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจกุกกุจจนิวรณ์ วิจิกิจฉานิวรณ์ อวิชชานิวรณ์. กามฉันทนิวรณ์ บังเกิดในจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโลภะ ๘ ดวง พยาปาทนิวรณ์ บังเกิดในจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโทมนัสสเวทนา ๒ ดวง ถีนมิทธนิวรณ์ บังเกิดในอกุศลจิตที่เป็นสสังขาริก อุทธัจจนิวรณ์ บังเกิดในจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ กุกกุจจนิวรณ์ บังเกิดในจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโทมนัสสเวทนา ๒ ดวง วิจิกิจฉานิวรณ์ บังเกิดในจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อวิชชานิวรณ์ บังเกิดในอกุศลจิตทั้งปวง สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า นีวรณธรรม. ธรรมไม่เป็นนิวรณ์ เป็นไฉน? อกุศลที่เหลือ เว้นนิวรณ์ทั้งหลายเสีย กุศลในภูมิ ๔ วิบากในภูมิ ๔ กิริยาอัพยากฤตใน ภูมิ ๓ รูป และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่เป็นนิวรณ์ [๙๓๒] ธรรมเป็นอารมณ์ของนิวรณ์ เป็นไฉน? กุศลในภูมิ ๓ อกุศล วิบากในภูมิ ๓ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ และรูปทั้งหมด สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นอารมณ์ของนิวรณ์. ธรรมไม่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์ เป็นไฉน? มรรค ๔ ที่เป็นโลกุตตระ สามัญญผล ๔ และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรม ไม่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์. [๙๓๓] ธรรมสัมปยุตด้วยนิวรณ์ เป็นไฉน? จิตตุปบาทฝ่ายอกุศล ๑๒ ดวง สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมสัมปยุตด้วยนิวรณ์. ธรรมวิปปยุตจากนิวรณ์ เป็นไฉน? กุศลในภูมิ ๔ วิบากในภูมิ ๔ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ รูป และนิพพาน สภาวธรรม เหล่านี้ชื่อว่า ธรรมวิปปยุตจากนิวรณ์. [๙๓๔] ธรรมเป็นนิวรณ์ และเป็นอารมณ์ของนิวรณ์ เป็นไฉน? นีวรณธรรมเหล่านั้นแล ชื่อว่า ธรรมเป็นนิวรณ์ และเป็นอารมณ์ของนิวรณ์. ธรรมเป็นอารมณ์ของนิวรณ์ แต่ไม่เป็นนิวรณ์ เป็นไฉน? อกุศลที่เหลือ เว้นนิวรณ์ทั้งหลายเสีย กุศลในภูมิ ๓ วิบากในภูมิ ๓ กิริยาอัพยากฤต ในภูมิ ๓ และรูปทั้งหมด สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นอารมณ์ของนิวรณ์ แต่ไม่เป็น นิวรณ์. ธรรมไม่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์ จะกล่าวว่า ธรรมเป็นนิวรณ์ และเป็นอารมณ์ของ นิวรณ์ก็ไม่ได้ ว่าธรรมเป็นอารมณ์ของนิวรณ์ แต่ไม่เป็นนิวรณ์ก็ไม่ได้. [๙๓๕] ธรรมเป็นนิวรณ์ และสัมปยุตด้วยนิวรณ์ เป็นไฉน? นิวรณ์ ๒-๓ อย่าง บังเกิดร่วมกันในจิตตุปบาทใด สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรม เป็นนิวรณ์ และสัมปยุตด้วยนิวรณ์. ธรรมสัมปยุตด้วยนิวรณ์ แต่ไม่เป็นนิวรณ์ เป็นไฉน? อกุศลที่เหลือ เว้นนิวรณ์ทั้งหลายเสีย สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมสัมปยุตด้วยนิวรณ์ แต่ไม่เป็นนิวรณ์. ธรรมวิปปยุตจากนิวรณ์ จะกล่าวว่า ธรรมเป็นนิวรณ์ และสัมปยุตด้วยนิวรณ์ก็ไม่ได้ ว่าธรรมสัมปยุตด้วยนิวรณ์ แต่ไม่เป็นนิวรณ์ก็ไม่ได้. [๙๓๖] ธรรมวิปปยุตจากนิวรณ์ แต่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์ เป็นไฉน? กุศลในภูมิ ๓ วิบากในภูมิ ๓ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ และรูปทั้งหมด สภาวธรรม เหล่านี้ชื่อว่า ธรรมวิปปยุตจากนิวรณ์ แต่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์. ธรรมวิปปยุตจากนิวรณ์ และไม่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์ เป็นไฉน? มรรค ๔ ที่เป็นโลกุตตระ สามัญผล ๔ และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรม วิปยุตตจากนิวรณ์ และไม่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์. ธรรมสัมปยุตด้วยนิวรณ์ จะกล่าวว่า ธรรมวิปปยุตจากนิวรณ์ แต่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์ ก็ไม่ได้ ว่าธรรมวิปปยุตจากนิวรณ์ และไม่เป็นอารมณ์ของ นิวรณ์ก็ไม่ได้.
นีวรณโคจฉกะ จบ
-----------------------------------------------------
ปรามาสโคจฉกะ
[๙๓๗] ปรามาสธรรม เป็นไฉน? ทิฏฐิปรามาสะ บังเกิดในจิตตุปบาทที่สัมปยุตด้วยทิฏฐิ ๔ ดวง สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ปรามาสธรรม. ธรรมไม่เป็นปรามาสะ เป็นไฉน? อกุศลที่เหลือ เว้นปรามาสะเสีย กุศลในภูมิ ๔ วิบากในภูมิ ๔ กิริยาอัพยากฤต ในภูมิ ๓ รูป และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่เป็นปรามาสะ. [๙๓๘] ธรรมเป็นอารมณ์ของปรามาสะ เป็นไฉน? กุศลในภูมิ ๓ อกุศล วิบากในภูมิ ๓ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ รูปทั้งหมด สภาวธรรม เหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นอารมณ์ของปรามาสะ. ธรรมไม่เป็นอารมณ์ของปรามาสะ เป็นไฉน? มรรค ๔ ที่เป็นโลกุตตระ สามัญผล ๔ และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรม ไม่เป็นอารมณ์ของปรามาสะ. [๙๓๙] ธรรมสัมปยุตด้วยปรามาสะ เป็นไฉน? จิตตุปบาทที่สัมปยุตด้วยทิฏฐิ ๔ ดวง เว้นปรามาสะที่บังเกิดในจิตตุปบาทเหล่านี้เสีย สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมสัมปยุตด้วยปรามาสะ. ธรรมวิปปยุตจากปรามาสะ เป็นไฉน? จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโลภะวิปยุตจากทิฏฐิ ๔ ดวง จิตตุปบาทสหรคตด้วยโทมนัสสเวทนา ๒ ดวง จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ กุศลในภูมิ ๔ วิบากในภูมิ ๔ วิบากในภูมิ ๔ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ รูปและนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมวิปปยุตจากปรามาสะ. ปรามาสธรรม จะกล่าวว่า สัมปยุตด้วยปรามาสะก็ไม่ได้ ว่าวิปปยุตจากปรามาสะ ก็ไม่ได้. [๙๔๐] ธรรมเป็นปรามาสะ และเป็นอารมณ์ของปรามาสะ เป็นไฉน? ปรามาสธรรมนั้นแล ชื่อว่า ธรรมปรามาสะ และเป็นอารมณ์ของปรามาสะ. ธรรมเป็นอารมณ์ของปรามาสะ แต่ไม่เป็นปรามาสะ เป็นไฉน? อกุศลที่เหลือ เว้นปรามาสะเสีย กุศลในภูมิ ๓ วิบากในภูมิ ๓ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ และรูปทั้งหมด สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นอารมณ์ของปรามาสะ แต่ไม่เป็นปรามาสะ. ธรรมไม่เป็นอารมณ์ของปรามาสะ จะกล่าวว่า ธรรมเป็นปรามาสะและเป็นอารมณ์ ของปรามาสะก็ไม่ได้ ว่าธรรมเป็นอารมณ์ของปรามาสะ แต่ไม่เป็นปรามาสะก็ไม่ได้. [๙๔๑] ธรรมวิปปยุตจากปรามาสะ แต่เป็นอารมณ์ของปรามาสะ เป็นไฉน? จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโลภะวิปปยุตจากทิฏฐิ ๔ ดวง จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโทมนัสส- *เวทนา ๒ ดวง จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ กุศล ในภูมิ ๓ วิบากในภูมิ ๓ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ และรูปทั้งหมด สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมวิปยุตจากปรามาสะ แต่เป็นอารมณ์ของปรามาสะ. ธรรมวิปปยุตจากปรามาสะ และไม่เป็นอารมณ์ของปรามาสะ เป็นไฉน? มรรค ๔ ที่เป็นโลกุตตระ สามัญผล ๔ และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรม วิปปยุตจากปรามาสะ และไม่เป็นอารมณ์ของปรามาสะ. ธรรมเป็นปรามาสะและสัมปยุตด้วยปรามาสะ จะกล่าวว่า ธรรมวิปปยุตจากปรามาสะ

          เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๔ บรรทัดที่ ๗๘๓๔-๘๑๙๐ หน้าที่ ๓๑๑-๓๒๕. https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=34&A=7834&Z=8190&pagebreak=0&fontsz=0           ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3], [4], [5]           อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=34&siri=67           ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=34&i=900           ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- [900-941] https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=34&item=900&items=42           อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=53&A=11965           The Pali Tipitaka in Roman :- [900-941] https://84000.org/tipitaka/pali/roman_item_s.php?book=34&item=900&items=42           The Pali Atthakatha in Roman :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=53&A=11965           สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๔ https://84000.org/tipitaka/read/?index_34

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

ดาวน์โหลดโปรแกรมพระไตรปิฎก ดาวน์โหลดพระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับมหาจุฬาฯ บันทึก ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ บันทึกปรับตัวอักษรได้ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]