ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ฯ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



นานาปัญหา
โดย คณะสหายธรรม
 

๓๑. ที่ว่ารัก รักนั้นประการใด
          ถาม  ที่ว่ารัก รักนั้นประการใด

          ตอบ  ตั้งแต่จำความได้ ทุกคนรู้จักคำว่า “รัก รัก รัก” กันทั้งนั้น รักพ่อแม่ พี่น้อง ลูกหลาน วงศาคณาญาติ รักเพื่อนพ้อง ญาติสนิทมิตรสหาย รักสินทรัพย์ เงินทอง ข้าวของ ตลอดจนสัตว์เลี้ยง แต่ก็ไม่มีรักใดที่ยิ่งใหญ่กว่ารักตนเอง
          ดังที่พระพุทธพจน์ที่ว่า “ความรักเสมอด้วยตนไม่มี” ที่พระพุทธองค์ตรัสเช่นนี้เพื่อสอนให้ทุกคนรู้ว่าเมื่อเรารักตัวของเราเองยิ่งกว่าใครๆ คนอื่นเขาก็รักตัวของเขายิ่งกว่าใครๆ เหมือนกัน ฉะนั้นจึงไม่ควรทำร้ายเบียดเบียนผู้อื่นให้ต้องได้รับทุกข์ฉันนั้น
          พระพุทธองค์ตรัสเรื่องเกี่ยวกับความรักไว้ว่า
          “ความโศกเกิดแต่ความรัก ภัยคือความกลัวเกิดแต่ความรัก ความโศกย่อมไม่มีแก่ผู้พ้นวิเศษแล้วจากความรัก ความกลัวจักมีแต่ที่ไหน”
          ก็ความรักอันเป็นเหตุให้เกิดความโศกและความกลัวนี้ เป็นความรักที่เนื่องด้วยโลภะตัณหาอันเป็นบาปอกุศล เป็นความรักที่เกิดจากความต้องการผูกพันรักใคร่ แต่ยังมีความรักอีกชนิดหนึ่งซึ่งปรารถนาจะให้ผู้อื่นได้รับความสุขโดยประการเดียว รักโดยไม่ต้องการผลตอบแทนใดๆ เป็นความรักที่บริสุทธิ์สะอาดเพราะมีอโทสะ ความไม่โกรธเป็นมูลราก จึงเป็นบุญกุศลความรักชนิดนี้คือ เมตตา
          ความรัก ๒ อย่างนี้ มีเหตุเกิดต่างกัน ผลที่ได้รับจึงต่างกัน ความรักชื่อว่าเมตตา เป็นประเสริฐ พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ทุกคนมีเมตตาต่อกัน ถ้าทุกคนมีเมตตาต่อกัน โลกนี้จะเต็มไปด้วยความสุข เพราะไม่มีใครเบียดเบียนประทุษร้ายใครๆ ให้เดือดร้อน
          พระพุทธเจ้านั้นมากไปด้วยพระเมตตา ทรงรักทุกคนแม้แต่ศัตรู เหมือนกับทรงรักพระราหุลราชโอรส พระองค์ทรงปรารถนาให้ชาวโลกได้อยู่เย็นเป็นสุข จึงทรงสอนให้มีศัลห้าเป็นประการแรกนั่น คือไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดประเวณี ไม่พูดเท็จ ไม่ดื่มสุราเมรัย เพราะเพียงการมีศีลห้าเพียงอย่างเดียว ชาวโลกก็จะมีแต่ความสุขหาประมาณมิได้ เพราะการไม่ฆ่าสัตว์นั้น ไม่ทำให้สัตว์ต้องบาดเจ็บล้มตายด้วยน้ำมือเรา เป็นการเอื้อเอ็นดูต่อสัตว์ เป็นการให้ชีวิตแก่สัตว์
          รองลงมาจากรักชีวิต ทุกคนรักทรัพย์สินสิ่งของของตน การไม่หยิบฉวยลักขโมยทรัพย์สินสิ่งของผู้อื่นโดยที่เขาไม่อนุญาต เป็นการให้ความปลอดภัยแก่ทรัพย์สิ่งของของผู้อื่น
          คนที่มีบุตรภรรยาสามี ก็รักบุตรภรยาสามีของตน การไม่ล่วงละเมิดในบุตรภรรยาสามีของผู้อื่น เป็นการให้ความบริสุทธิ์แก่บุตร ภรรยา สามีของผู้อื่น
          การไม่พูดเท็จ พูดแต่คำจริง เป็นการให้ความจริงแก่ผู้อื่น
          การงดเว้นจากการดื่มสุราเมรัย สิ่งเสพติดมึนเมาทั้งปวง เป็นการให้ความปลอดภัยแก่ทุกสิ่ง คือให้ความปลอดภัยแก่ชีวิตสัตว์ แก่ทรัพย์สินของผู้อื่น ให้ความบริสุทธิ์แก่บุตรภรรยาสามีของผู้อื่น ให้ความจริงแก่ผู้อื่น เพราะผู้ที่มึนเมาย่อมขาดสติ ขาดความยับยั้งชั่งใจ สามารถจะทำสิ่งชั่วร้ายได้ทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าบุตร ภรรยา สามีของตน ในที่สุดแม้แต่การฆ่าตนเองก็มิได้เว้น
          เพราะฉะนั้น การมีศีลห้าจึงเป็นการรักษาตนเองและรักษาผู้อื่นให้พ้นจากภัยเวร ผู้มีศีลห้าจึงต้องมีเมตตาประจำใจ รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราว่าเรารักสุขเกลียดทุกข์ฉันใด คนอื่นเขาก็รักสุขเกลียดทุกข์ฉันนั้น ทุกคนในโลกนี้ก็จะอยู่เป็นสุข แม้จากโลกนี้ไปแล้วก็อยู่เป็นสุขในโลกอื่น
          สมดังที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ในพระคาถาธรรมบท ปิยวรรค ว่า
          บุญทั้งหลายย่อมต้อนรับบุคคลที่ทำบุญไว้ซึ่งจากโลกนี้ไปสู่โลกอื่น เหมือนพวกญาติเห็นญาติที่รักที่จากไปต่างถิ่นแล้วกลับมา ย่อมต้อนรับด้วยความยินดี ฉะนั้น
          คือย่อมต้อนรับด้วยเครื่องบรรณาการอันเป็นทิพย์ คืออายุทิพย์ วรรณะทิพย์ สุขทิพย์ ยศทิพย์และความเป็นใหญ่ทิพย์ ตลอดจนรูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะอันเป็นทิพย์
          ชาวโลกทุกวันนี้ต่างอ้างว่ามีศาสนาประจำใจตน แต่ยังมากไปด้วยความโลภ อยากได้ทั้งอำนาจและทรัพย์สินที่มิใช่ของตนโดยไม่ชอบธรรม แม้เมื่อไม่ได้หรือได้ไม่พอก็ทำลายล้างกัน ไม่สนใจว่าใครจะเป็นจะตาย พิกลพิการ ขอให้ตนได้ในสิ่งที่ตนอยากได้เท่านั้น
          ความริษยา อาฆาต พยาบาท ก็เป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงไม่แพ้ความโลภ การไม่ชอบหน้ากันเพียงคนสองคน ก็สามารถทำลายล้างคนเป็นแสนๆ ล้านๆ ได้ โลกทั้งโลกที่ต้องวุ่นวายเดือดร้อน ลุกเป็นไฟอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะความโลภและความริษยาอาฆาตของผู้มีอำนาจเพียงไม่กี่คน รวมทั้งผู้คนอีกจำนวนไม่น้อยที่ประพฤติผิดธรรม ทอดทิ้งพ่อแม่ที่แก่เฒ่า แม้ผู้เป็นพ่อแม่ก็ทอดทิ้งลูกได้ตั้งแต่ยังแบเบาะ เพียงเพื่อให้พ้นความอับอายขายหน้าเท่านั้น
          ภัยอันตรายร้ายแรงที่เราคาดไม่ถึงว่าจะเกิด ก็ได้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นเหตุให้ผู้คนนับแสนนับล้านต้องตายไปอย่างน่าสยดสยอง จะโทษใครเล่าถ้าไม่โทษการกระทำอันไร้เมตตาปราณีของพวกเราเองซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

          ขอมอบ พระพุทธภาษิต เป็นเครื่องเตือนใจเราทั้งหลายว่า
          เมื่อโลกสันนิวาสอันไฟ (คือราคะ โทสะ โมหะเป็นต้น) ลุกโพลงอยู่เป็นนิตย์ พวกเธอยังจะมัวร่าเริงบันเทิงอะไร เธอทั้งหลายอันความมืดคืออวิชชาปกคลุมแล้ว ทำไมจึงไม่แสวงหาประทีป (คือญาณปัญญา) เพื่อขจัดความมืดคืออวิชชานั้นเสียเล่า
________________________________________

ที่มา อ้างอิงและแนะนำ :-
          พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๗
          ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
          ราชสูตร
https://84000.org/tipitaka/book/v.php?B=25&A=2856&Z=2880

          พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๗
          ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
          คาถาธรรมบท ปิยวรรค
https://84000.org/tipitaka/book/v.php?B=25&A=830&Z=861

          พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๐ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๒
          ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
          ข้อ [๖๖๘] ถึง [๖๗๑]
https://84000.org/tipitaka/book/v.php?B=30&A=6281&Z=6413

          พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๗
          ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
          คาถาธรรมบท ชราวรรคที่ ๑๑
https://84000.org/tipitaka/book/v.php?B=25&A=662&Z=691
          อรรถกถา กุมภชาดก
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=2292

          พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
          พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
          คำว่า พรหมวิหาร 4
https://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=พรหมวิหาร_4

ดาวน์โหลดนานาปัญหาทั้ง ๕๑ ข้อ นานาปัญหา โดยคณะสหายธรรม บันทึก ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]