บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |
|
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ฯ ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น |
นานาปัญหา โดย คณะสหายธรรม | |
ตอบ ความเป็นจริงแล้ว สัตว์ทั้งสองประเภทนี้เป็นประเภทเดียวกัน คือล้วนแต่มีความทุกข์ยากแสนสาหัส มีความอดอยากเป็นนิจ แต่เปรตยังดีกว่าอสุรกาย ตรงที่สามารถรับส่วนบุญที่ญาติมิตรจากโลกมนุษย์นี้อุทิศไปให้ ด้วยการอนุโมทนาพลอยยินดีได้ และเมื่อได้อนุโมทนาพลอยยินดีแล้วก็พ้นจากความอดอยากมีอาหารข้าวน้ำบริโภค บางครั้งเมื่ออนุโมทนาแล้วยังพ้นจากสภาพของเปรต เป็นเทวดาได้อีกด้วย ส่วนอสุรกายนั้นได้รับความอดอยากแสนสาหัสเช่นเดียวกับเปรต แต่ก็ไม่อาจ ดังจะยกเรื่องของเปรตและอสุรกาย ตามที่มีกล่าวไว้ในอรรถกถา มาเล่าให้ฟัง เพื่อ ในอรรถกถาเปตวัตถุ อุตตรมาตุเปติวัตถุ ข้อ ๑๐๗ เล่าไว้ว่า เมื่อพระบรมศาสดาปรินิพพานแล้ว และการกระทำสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งแรกสำเร็จแล้ว ท่านพระมหากัจจายนะพร้อมด้วยภิกษุ ๑๒ รูปอาศัยอยู่ในราวป่า ไม่ไกลจากกรุงโกสัมพี ก็สมัยนั้น อำมาตย์ของพระเจ้าอุเทนคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้จัดการการงานใน วันหนึ่ง อุตตรมาณพพานายช่างไม้ไปป่า เพื่อต้องการไม้สำหรับซ่อมแซมพระนคร จึงเข้าไปยังที่อยู่ของท่านพระมหากัจจายนะ เห็นอิริยาบถอันน่าเลื่อมใสของพระเถระแล้วก็เลื่อมใส ได้กระทำปฏิสันถารกับพระเถระ พระเถระได้แสดงธรรมแก่เขา เขาฟังธรรมแล้วได้ความเลื่อมใสยิ่งขึ้น ขอถึง ครั้นรุ่งเช้าถึงเวลาอาหารแล้ว อุตตรมาณพก็ได้ถวายภัตตาหารที่ตนตระเตรียมไว้แด่พระเถระและภิกษุทั้ง เมื่อพระเถระจะกลับ ก็ได้นิมนต์ให้พระเถระและภิกษุทั้ง ครั้นแล้วได้สร้างวิหารถวายพระเถระ ทั้งกระทำให้ญาติทั้ง ในขณะที่ อุตตรมาณพเลื่อมใสในพระรัตนตรัย จนได้เป็นพระโสดาบันนั้น มารดา นางได้ถวายหางนกยูงกำหนึ่งเท่านั้นในวันฉลองวิหาร ครั้นนางทำกาละตายลงได้เกิดเป็นเปรต แต่ด้วยอำนาจของบุญกรรมที่นางได้ถวายกำหางนกยูง นางจึงมีผมงามดำสนิท ละเอียดและยาว แต่ในเวลาที่นางเปรตลงน้ำเพื่อจะดื่มน้ำ น้ำในแม่น้ำก็เป็นเลือด นางเปรตถูกความหิวกระหายครอบงำเที่ยวไปถึง ๕๕ ปี วันหนึ่งได้เห็นพระกังขาเรวตะเถระนั่งพักกลางวันอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ จึงเอาผมปิดร่างกายเข้าไปขอน้ำดื่มจากพระเถระ พระเถระจึงว่า น้ำในแม่น้ำนี้ใสสะอาดไหลมาจากภูเขาหิมพานต์ ท่านจงดื่มน้ำในแม่น้ำนั้นเถิดจะมาขอน้ำกะเราทำไม นางเปรตก็บอกว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ เมื่อใดที่ดิฉันตักน้ำในแม่น้ำนี้ดื่ม น้ำนั้นย่อมจะกลายเป็นเลือดไม่อาจดื่มได้ ดิฉันจึงขอน้ำดื่มจากท่าน พระเถระฟังแล้วก็ถามว่า ท่านได้ทำกรรมชั่วอะไรไว้ด้วยกายวาจาใจหรือ น้ำในแม่น้ำจึงกลายเป็นเลือดปรากฏแก่ท่าน นางเปรตก็เล่าให้ฟังว่า ดิฉันมีบุตรคนหนึ่งชื่ออุตตระเป็นอุบาสกมีศรัทธา เขาได้ถวายจีวรบิณฑบาต ที่นอน ที่นั่งและคิลานปัจจัยแก่พระสมณะทั้ง พระเถระได้ฟังดังนั้น จึงถวายน้ำดื่มแก่ภิกษุสงฆ์อุทิศให้เปรต เที่ยวบิณฑบาตมาได้แล้วถวายแด่ภิกษุทั้ง พระเถระเล่าเรื่องของนางเปรตนั้นให้แก่บริษัท ๔ ที่มายังสำนักของท่านฟัง แล้วแสดงธรรม มหาชนฟังแล้วเกิดความสลดสังเวช เป็นผู้ปราศจากความตระหนี่ยินดีในกุศลธรรม มีทานและศีลเป็นต้น นี่เป็นเรื่องของนางเปรตที่พ้นจากความเป็นเปรตด้วยการอนุโมทนา หลังจากต้องอดข้าวอดน้ำอยู่ถึง ๕๕ ปี ด้วยอำนาจกรรมคือผรุสวาจาการด่าลูกชายที่ถวายทานแก่พระมหากัจจายนะและภิกษุทั้ง คราวนี้ขอเชิญฟังเรื่องของอสุรกาย จากอรรถกถาวิภังคปกรณ์ สัมโมหวิโนทนีอรรถกถาบ้าง อรรถกถาท่านเล่าว่า มีอสุรกายพวกกาลกัญชิกะตนหนึ่งไม่อาจจะทนความกระหายน้ำได้ จึงลงไปยังแม่น้ำใหญ่ทั้งลึกทั้งกว้าง ๑ โยชน์ ในที่ที่อสุรกายตนนั้นลงไปแล้ว น้ำจะขาด มีควันพลุ่งขึ้น เป็นเหมือนเดินไปบนหินดาดร้อนๆ ฉะนั้น เมื่ออสุรกายตนนั้นได้ยินเสียงน้ำ แต่พอวิ่งลงไปตรงไหน น้ำก็ขาดหายไปตรงนั้น อสุรกายนั้นเที่ยววิ่งพล่านไปข้างโน้นข้างนี้อยู่อย่างนั้นตลอดคืนจนรุ่งเช้า ขณะนั้น ภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตรประมาณ ๓๐ รูปได้ไปยังที่ภิกขาจารแต่เช้าทีเดียว เห็นอสุรกายตนนั้นเข้าจึงถามว่า ท่านชื่ออะไร สัปปุรุษ อสุรกายตอบว่า ผมเป็นเปรตเจ้าข้า จากคำตอบของอสุรกายที่ตอบว่าผมเป็นเปรตนี้แหละ แสดงว่าเปรตกับอสุรกายนี้เป็นพวกเดียวกันใช้แทนกันได้ คราวนี้ขอเชิญฟังเรื่องนี้ต่อไป เมื่ออสุรกายตอบว่า ผมเป็นเปรต ภิกษุทั้ง ภิกษุก็กล่าวว่า แม่น้ำนี้มีน้ำเต็มฝั่ง ท่านไม่เห็นหรือ อสุรกายตอบว่า เห็นเจ้าข้า แต่มันไม่สำเร็จประโยชน์แก่ผมเลย ภิกษุทั้ง อสุรกายทำตาม นอนหงายลงบนพื้นทราย ภิกษุทั้ง เมื่อภิกษุทั้ง อสุรกายตอบว่า ท่านเจ้าข้าถ้าหากว่าน้ำเพียงกึ่งฟายมือ จากบาตรประมาณ ๓๐ ลูกที่พระคุณเจ้าทั้ง ๓๐ รูปหยอดเข้าปากผมนั้น ถ้าน้ำนั้นเข้าไปสู่ลำคอของผมแม้เพียงน้อยนิดแล้วละก็ ขอความพ้นจากอัตภาพเปรตจงอย่าได้มีแก่ผมเลย เป็นอันว่าน้ำสักหยดเดียวจากบาตรถึง ๓๐ บาตรมิได้ล่วงลำคอเปรตเข้าไปเลย เปรตคืออสุรกายตนนั้นก็ต้องทนต่อความกระหายน้ำต่อไปอีก เพราะกรรมของเขา มีท่านผู้รู้ท่านตั้งข้อสังเกตไว้ว่า เปรตและอสุรกายมีข้อแตกต่างกันดังนี้ เปรตทั้ง ส่วนอสุรกายทั้ง ทั้งหมดนี้ คือแตกต่างกันของเปรตและอสุรกายตามอรรถกถา ที่มา อ้างอิงและแนะนำ :- พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา อุตตรมาตุเปตวัตถุ ว่าด้วย บุพกรรมของอุตตรมาตุเปรต https://84000.org/tipitaka/book/v.php?B=26&A=3835&Z=3859 พระไตรปิฎกเล่มที่ 24 พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ 16 อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต จตุตถปัณณาสก์ ชานุสโสณีวรรค ชาณุสโสณีสูตร https://84000.org/tipitaka/book/v.php?B=24&A=6420&Z=6522 พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) คำว่า อสุรกาย https://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=อสุรกาย คำว่า เปรต https://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=เปรต |
ดาวน์โหลดนานาปัญหาทั้ง ๕๑ ข้อ นานาปัญหา โดยคณะสหายธรรม บันทึก ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]