ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)
            การค้นหาคำว่า “ อกุศลกรรมบถ ”             ผลการค้นหาพบ  13  ตำแหน่ง ดังนี้ :-

แสดงผลการค้น ลำดับที่  1 / 13
กรรมบถ “กรรมอันเป็นทาง”, กรรมดีหรือชั่วซึ่งแรงถึงขั้นที่เป็นทางให้เกิดในสุคติหรือทุคติ เช่น มุสาวาทคือเจตนาพูดเท็จถึงขั้นทำลายตัดรอนประโยชน์ของผู้อื่น จึงเป็นกรรมบถ ถ้าไม่ถึงขั้นอย่างนี้ ก็เป็นกรรมเท่านั้น ไม่เป็นกรรมบถ,
       มีคำอธิบายแบบครอบคลุมด้วยว่า กรรมทั้งหลายทั่วไป ชื่อว่าเป็นกรรมบถ เพราะเป็นทางแห่งสุคติและทุคติ และเป็นทางแห่งความสุขความทุกข์ของผู้ที่เกิดในคตินั้นๆ,
       กรรมบถแยกเป็น กุศลกรรมบถ ๑๐ และอกุศลกรรมบถ ๑๐

แสดงผลการค้น ลำดับที่  2 / 13
กุศลกรรมบถ ทางแห่งกรรมดี, ทางทำดี, ทางแห่งกรรมที่เป็นกุศล,
       กรรมดีอันเป็นทางนำไปสู่สุคติ มี ๑๐ อย่างคือ
       ก. กายกรรม ๓ ได้แก่
           ๑. ปาณาติปาตา เวรมณี เว้นจากทำลายชีวิต
           ๒. อทินนาทานา เวรมณี เว้นจากถือเอาของที่เขามิได้ให้
           ๓. กาเมสุมิจฉาจารา เวรมณี เว้นจากประพฤติผิดในกาม
       ข. วจีกรรม ๔ ได้แก่
           ๔. มุสาวาทา เวรมณี เว้นจากพูดเท็จ
           ๕. ปิสุณาย วาจาย เวรมณี เว้นจากพูดส่อเสียด
           ๖. ผรุสาย วาจาย เวรมณี เว้นจากพูดคำหยาบ
           ๗. สัมผัปปลาปา เวรมณี เว้นจากพูดเพ้อเจ้อ
       ค. มโนกรรม ๓ ได้แก่
           ๘. อนภิชฌา ไม่โลภคอยจ้องอยากได้ของเขา
           ๙. อพยาบาท ไม่คิดร้ายเบียดเบียนเขา
           ๑๐. สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบตามคลองธรรม;
       เทียบ อกุศลกรรมบถ, ดู กรรมบถ

แสดงผลการค้น ลำดับที่  3 / 13
ปิสุณาวาจา วาจาส่อเสียด, พูดส่อเสียด, พูดยุยงให้เขาแตกร้าวกัน
       (ข้อ ๕ ในอกุศลกรรมบถ ๑๐)

แสดงผลการค้น ลำดับที่  4 / 13
ผรุสวาจา วาจาหยาบ, คำพูดเผ็ดร้อน, คำหยาบคาย
       (ข้อ ๖ ในอกุศลกรรมบถ ๑๐)

แสดงผลการค้น ลำดับที่  5 / 13
มโนกรรม การกระทำทางใจ
       ทางชั่ว เช่น คิดเพ่งเล็งจ้องจะเอาของเขา
       ทางดี เช่น คิดช่วยเหลือผู้อื่น;
       ดู กุศลกรรมบถ, อกุศลกรรมบถ

แสดงผลการค้น ลำดับที่  6 / 13
มุสาวาท พูดเท็จ, พูดโกหก, พูดไม่จริง
       (ข้อ ๔ ในกรรมกิเลส ๔, ข้อ ๗ ในมละ ๙, ข้อ ๔ ในอกุศลกรรมบถ ๑๐)

แสดงผลการค้น ลำดับที่  7 / 13
วจีกรรม การกระทำทางวาจา, การกระทำด้วยวาจา, ทำกรรมด้วยคำพูด,
       ที่ดี เช่น พูดจริง พูดคำสุภาพ
       ที่ชั่ว เช่น พูดเท็จ พูดคำหยาบ;
       ดู กุศลกรรมบถ, อกุศลกรรมบถ

แสดงผลการค้น ลำดับที่  8 / 13
วินัย ระเบียบแบบแผนสำหรับฝึกฝนควบคุมความประพฤติของบุคคลให้มีชีวิตที่ดีงามเจริญก้าวหน้าและควบคุมหมู่ชนให้อยู่ร่วมกันด้วยความสงบเรียบร้อยดีงาม,
       ประมวลบทบัญญัติข้อกำหนดสำหรับควบคุมความประพฤติ ไม่ให้เสื่อมเสียและฝึกฝนให้ประพฤติดีงามเป็นคุณเกื้อกูลยิ่งขึ้น, ประมวลสิกขาบท;
       วินัยมี ๒ อย่างคือ
       ๑. อนาคาริยวินัย วินัยของผู้ไม่ครองเรือน คือวินัยของบรรพชิต หรือวินัยของพระสงฆ์
           ได้แก่ การไม่ต้องอาบัติทั้ง ๗ หรือโดยสาระ ได้แก่ ปาริสุทธิศีล ๔
       ๒. อาคาริยวินัย วินัยของผู้ครองเรือน คือ วินัยของชาวบ้าน
           ได้แก่ การงดเว้นจากอกุศลกรรมบถ ๑๐ โดยนัยก็คือ กุศลกรรมบถ ๑๐

แสดงผลการค้น ลำดับที่  9 / 13
สัมผัปปลาปะ พูดเพ้อเจ้อ, พูดเหลวไหล, พูดไม่เป็นประโยชน์ ไม่มีเหตุผล ไร้สาระ ไม่ถูกกาลถูกเวลา
       (ข้อ ๗ ในอกุศลกรรมบถ ๑๐)

แสดงผลการค้น ลำดับที่  10 / 13
อกุศลกรรมบถ ทางแห่งกรรมชั่ว, ทางแห่งกรรมที่เป็นอกุศล,
       กรรมชั่วอันเป็นทางนำไปสู่ทุคติ มี ๑๐ อย่าง คือ
       ก. กายกรรม ๓ ได้แก่
           ๑. ปาณาติบาต การทำลายชีวิต
           ๒. อทินนาทาน ถือเอาของที่เขามิได้ให้
           ๓. กาเมสุมิจฉาจาร ประพฤติผิดในกาม
       ข. วจีกรรม ๔ ได้แก่
           ๔. มุสาวาท พูดเท็จ
           ๕. ปิสุณาวาจา พูดส่อเสียด
           ๖. ผรุสวาจา พูดคำหยาบ
           ๗. สัมผัปปลาปะ พูดเพ้อเจ้อ
       ค. มโนกรรม ๓ ได้แก่
           ๘. อภิชฌา ละโมบคอยจ้องอยากได้ของเขา
           ๙. พยาบาท คิดร้ายเขา
           ๑๐. มิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดจากคลองธรรม;
       เทียบ กุศลกรรมบถ, ดู กรรมบถ

แสดงผลการค้น ลำดับที่  11 / 13
อทินนาทาน ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ด้วยอาการแห่งขโมย, ขโมยสิ่งของ, ลักทรัพย์
       (ข้อ ๒ ในกรรมกิเลส ๔ ในอกุศลกรรมบถ ๑๐)

แสดงผลการค้น ลำดับที่  12 / 13
อภิชฌา โลภอยากได้ของเขา, ความคิดเพ่งเล็งจ้องจะเอาของของคนอื่น
       (ข้อ ๘ ในอกุศลกรรมบถ ๑๐)

แสดงผลการค้น ลำดับที่  13 / 13
อาฆาตวัตถุ เรื่องเป็นที่ตั้งแห่งอาฆาต, เหตุให้เกิดความเคียดแค้น, เหตุแห่งความผูกใจเจ็บ
       อาฆาตวัตถุ ๑๐ คือ
           ๑. ผูกอาฆาตว่า ผู้นั้นได้ประพฤติการเสียหายแก่เราแล้ว
           ๒. ผูกอาฆาตว่า ผู้นั้นกำลังประพฤติการเสียหายแก่เรา
           ๓. ผูกอาฆาตว่า ผู้นั้นจักประพฤติการเสียหายแก่เรา
           ๔. ผูกอาฆาตว่า ผู้นั้นได้ประพฤติการเสียหายแก่ผู้เป็นที่รักที่ชอบใจของเราแล้ว
           ๕. ผูกอาฆาตว่า ผู้นั้นกำลังประพฤติการเสียหายแก่ผู้เป็นที่รักที่ชอบใจของเรา
           ๖. ผูกอาฆาตว่า ผู้นั้นจักประพฤติการเสียหายแก่ผู้เป็นที่รักที่ชอบใจของเรา
           ๗. ผูกอาฆาตว่า ผู้นั้นได้ประพฤติการเป็นประโยชน์แก่ผู้ไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่ชอบใจของเราแล้ว
           ๘. ผูกอาฆาตว่า ผู้นั้นกำลังประพฤติการเป็นประโยชน์แก่ผู้ไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่ชอบใจของเรา
           ๙. ผูกอาฆาตว่า ผู้นั้นจักประพฤติการเป็นประโยชน์แก่ผู้ไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่ชอบใจของเรา
           ๑๐. โกรธในกรณีอันมิใช่ฐานะ (ในเรื่องไม่เป็นเรื่อง) (องฺ.ทสก.๒๔/๗๙/๑๖๐)
       อาฆาตวัตถุ ๑๐ นี้ ในพระอภิธรรมก็แสดงไว้ แต่ใช้สำนวนความต่างออกไปเล็กน้อย เช่นว่า
       “๑. ความอาฆาตเกิดขึ้นด้วยคิดว่า ผู้นั้นได้ประพฤติการเสียหายแก่เราแล้ว…
       ๙. ความอาฆาตเกิดขึ้นด้วยคิดว่า ผู้นั้นจักประพฤติการเป็นประโยชน์แก่ผู้ไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่ชอบใจของเรา
       ๑๐. ความอาฆาตเกิดขึ้นในกรณีอันมิใช่ฐานะ” (อภิ.วิ. ๓๕/๑๐๒๗/๕๒๘)
       ในพระสูตรหลายแห่ง และพระอภิธรรมบางแห่ง แสดง อาฆาตวัตถุ ๙ (ไม่มีข้อ ๑๐)
       (เช่น องฺ.นวก. ๒๓/๒๓๓/๔๒๒; อภิ.วิ. ๓๕/๑๐๒๐/๕๒๖)
       อาฆาตวัตถุ ๙ ข้อแรกนั้นมีความชัดอยู่แล้ว ส่วนข้อ ๑๐ ที่ว่าโกรธว่าอาฆาตในกรณีอันมิใช่ฐานะ เข้าใจได้ง่ายด้วยตัวอย่างเช่นว่า โกรธฝนว่าทำให้ตนมีเสื้อผ้าเปียก โกรธพระอาทิตย์ว่าทำให้แดดร้อน โกรธต้นโพธิ์ว่าใบมากกวาดไม่ไหว โกรธลมพัดว่าทำให้ห่มจีวรไม่ได้ โกรธตอไม้ว่าทำให้สะดุดถลาไปแทบจะล้ม ฯลฯ,
       ในอาฆาตวัตถุ ๙ ข้อแรก อาฆาตเกิดขึ้นต่อสัตว์บุคคล ทำให้เสียกรรมบถ (คือเป็นอกุศลกรรมบถ) ส่วนในข้อ ๑๐ อาฆาตเกิดต่อสังขาร เป็นแค่กรรม (=อกุศลกรรม) แต่ไม่เป็นกรรมบถ (ไม่เป็นอกุศลกรรมบถ)
       [หลักทั่วไปมีอยู่ว่า ความโกรธเกิดขึ้นต่อสังขาร เป็นกรรม ไม่เป็นกรรมบถ, ความโกรธเกิดขึ้นต่อสัตว์ ถ้าเพียงโกรธเคืองเขา ก็เป็นกรรม ยังไม่เป็นกรรมบถ ต่อเมื่อคิดจะให้เขาถูกฆ่า หรือพินาศวอดวาย จึงเป็นกรรมบถ]
       ในพระวินัย กล่าวถึงทั้งอาฆาตวัตถุ ๙ และอาฆาตวัตถุ ๑๐ (ไม่แจกข้อย่อยไว้) และกล่าวว่า อาฆาตวัตถุ ๙ เป็นเหตุให้สงฆ์แตกกันได้ (วินย. ๘/๑๒๗๒/๕๒๒)


พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
https://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=อกุศลกรรมบถ&detail=on
https://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=%CD%A1%D8%C8%C5%A1%C3%C3%C1%BA%B6&detail=on


บันทึก ๒, ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พิมพ์ครั้งที่ ๑๐ พ.ศ. ๒๕๔๖ บันทึก ๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ พิมพ์ครั้งที่ ๓๕ พ.ศ. ๒๕๖๔ หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]