ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๖ พระวินัยปิฎกเล่มที่ ๖ [ฉบับมหาจุฬาฯ] จุลวรรค ภาค ๑

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [๓. สมุจจยขันธกะ]

๑. สุกกวิสัฏฐิ

เอกาหปฏิจฉันนปริวาส
ว่าด้วยปริวาสสำหรับอาบัติที่ปิดไว้วันเดียว
[๑๐๒] สมัยนั้น ท่านพระอุทายีต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวแล้วบอกภิกษุทั้งหลายว่า “ท่านทั้งหลาย กระผมต้องอาบัติ ๑ ตัว ชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียว กระผมจะปฏิบัติอย่างไร” ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้น สงฆ์จงให้ปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวแก่ภิกษุอุทายี
วิธีให้ปริวาส และกรรมวาจา
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงให้ปริวาสอย่างนี้ คือ ภิกษุอุทายีนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์ ห่มอุตตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง กราบเท้าภิกษุผู้แก่พรรษาทั้งหลาย นั่งกระโหย่ง ประนมมือ กล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านผู้เจริญ กระผมต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกา- สุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียว ท่านผู้เจริญ กระผมนั้นขอปริวาสวันเดียวเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวกับสงฆ์” พึงขอแม้ครั้งที่ ๒ ฯลฯ พึงขอแม้ครั้งที่ ๓ ฯลฯ ภิกษุผู้ฉลาดสามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจาว่า [๑๐๓] “ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุอุทายีนี้ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อ สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียว ภิกษุอุทายีนั้นขอปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวกับสงฆ์ ถ้าสงฆ์พร้อมกันแล้วพึงให้ปริวาส วันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวนั้นแก่ภิกษุอุทายี นี่เป็นญัตติ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๖ หน้า : ๑๙๗}

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [๓. สมุจจยขันธกะ]

๑. สุกกวิสัฏฐิ

ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุอุทายีนี้ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อ สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียว ภิกษุอุทายีนั้นขอปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิแล้ว ปิดไว้วันเดียวกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้ปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัว ชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวแก่ภิกษุอุทายีแล้ว ท่าน รูปใดเห็นด้วยกับการให้ปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวแก่ภิกษุอุทายี ท่านรูปนั้นพึงนิ่ง ท่านรูปใดไม่เห็นด้วย ท่านรูปนั้น พึงทักท้วง แม้ครั้งที่ ๒ ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ฯลฯ แม้ครั้งที่ ๓ ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุ อุทายีนี้ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียว เธอขอปริวาส วันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวกับสงฆ์ สงฆ์ได้ ให้ปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวแก่ภิกษุ อุทายีแล้ว ท่านรูปใดเห็นด้วยกับการให้ปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อ สัญเจตนิกา- สุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวแก่ภิกษุอุทายี ท่านรูปนั้นพึงนิ่ง ท่านรูปใดไม่เห็นด้วย ท่าน รูปนั้นพึงทักท้วง ปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียว สงฆ์ให้แล้วแก่ภิกษุอุทายี สงฆ์เห็นด้วย เพราะฉะนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าขอถือเอาความนิ่ง นั้นเป็นมติอย่างนี้”
เอกาหปฏิจฉันนมานัตตะ
ว่าด้วยมานัตสำหรับอาบัติที่ปิดไว้วันเดียว
[๑๐๔] ภิกษุอุทายีนั้นอยู่ปริวาสแล้วบอกแก่ภิกษุทั้งหลายว่า “ท่านทั้งหลาย กระผมต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียว กระผมนั้นจึงขอ ปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวกับสงฆ์ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๖ หน้า : ๑๙๘}

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [๓. สมุจจยขันธกะ]

๑. สุกกวิสัฏฐิ

สงฆ์ได้ให้ปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียว แก่กระผม กระผมนั้นอยู่ปริวาสแล้วจะปฏิบัติอย่างไร” ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้นสงฆ์จงให้มานัต ๖ ราตรี เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสักกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวแก่ภิกษุอุทายี
วิธีให้มานัต ๖ ราตรี และกรรมวาจา
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงให้มานัตอย่างนี้ คือ ภิกษุอุทายีนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์ ห่มอุตตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง กราบเท้าภิกษุผู้แก่พรรษาทั้งหลาย นั่งกระโหย่ง ประนมมือ กล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านผู้เจริญ กระผมต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกา- สุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียว กระผมนั้นขอปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อ สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้ปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวแก่กระผม กระผมนั้ นอยู่ปริวาสแล้วขอ มานัต ๖ ราตรี เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวกับสงฆ์” พึงขอแม้ครั้งที่ ๒ ฯลฯ พึงขอแม้ครั้งที่ ๓ ฯลฯ ภิกษุผู้ฉลาดสามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจาว่า [๑๐๕] “ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุอุทายีนี้ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อ สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียว ภิกษุอุทายีนั้นขอปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้ปริวาสวันเดียว เพื่อ อาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวแก่ภิกษุอุทายี ภิกษุอุทายีนั้น อยู่ปริวาสแล้วขอมานัต ๖ ราตรี เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิด ไว้วันเดียวกับสงฆ์ ถ้าสงฆ์พร้อมแล้วพึงให้มานัต ๖ ราตรี เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อ สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวแก่ภิกษุอุทายี นี่เป็นญัตติ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๖ หน้า : ๑๙๙}

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [๓. สมุจจยขันธกะ]

๑. สุกกวิสัฏฐิ

ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุอุทายีนี้ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อ สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียว ภิกษุอุทายีนั้นขอปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้ปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวแก่ภิกษุอุทายีแล้ว ภิกษุ อุทายีนั้นอยู่ปริวาสแล้วขอมานัต ๖ ราตรี เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้มานัต ๖ ราตรี เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อ สัญเจตนิกา- สุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวแก่ภิกษุอุทายีแล้ว ท่านรูปใดเห็นด้วยกับการให้มานัต ๖ ราตรี เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวแก่ภิกษุอุทายี ท่าน รูปนั้นพึงนิ่ง ท่านรูปใดไม่เห็นด้วย ท่านรูปนั้นพึงทักท้วง แม้ครั้งที่ ๒ ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ฯลฯ แม้ครั้งที่ ๓ ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุ อุทายีนี้ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียว ภิกษุอุทายีนั้น ขอปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้ปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียว แก่ภิกษุอุทายีแล้ว ภิกษุอุทายีนั้นอยู่ปริวาสแล้วขอมานัต ๖ ราตรี เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้มานัต ๖ ราตรี เพื่อ อาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวแก่ภิกษุอุทายีแล้ว ท่านรูป ใดเห็นด้วยกับการให้มานัต ๖ ราตรี เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวแก่ภิกษุอุทายี ท่านรูปนั้นพึงนิ่ง ท่านรูปใดไม่เห็นด้วย ท่านรูปนั้น พึงทักท้วง มานัต ๖ ราตรีเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสิฏฐิ ปิดไว้วันเดียวสงฆ์ ให้แล้วแก่ภิกษุอุทายี สงฆ์เห็นด้วย เพราะฉะนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าขอถือเอาความนิ่งนั้นเป็น มติอย่างนี้” {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๖ หน้า : ๒๐๐}

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [๓. สมุจจยขันธกะ]

๑. สุกกวิสัฏฐิ

เอกาหปฏิจฉันนอัพภาน
ว่าด้วยอัพภานสำหรับอาบัติปิดไว้วันเดียว
[๑๐๖] ภิกษุอุทายีนั้นประพฤติมานัตแล้วบอกภิกษุทั้งหลายว่า “ท่านทั้งหลาย กระผมต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียว กระผมนั้นขอปริวาส วันเดียวเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวกับสงฆ์ สงฆ์ได้ ให้ปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวแก่ กระผม กระผมนั้นอยู่ปริวาสแล้วขอมานัต ๖ ราตรี เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกา- สุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้มานัต ๖ ราตรี เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อ สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวแก่กระผม กระผมนั้นประพฤติมานัตแล้วจะ ปฏิบัติอย่างไร” ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้น สงฆ์จงอัพภานภิกษุอุทายี”
วิธีอัพภานและกรรมวาจา
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงอัพภานอย่างนี้ คือ ภิกษุอุทายีนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์ ห่มอุตตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง กราบเท้าภิกษุผู้แก่พรรษาทั้งหลาย นั่งกระโหย่ง ประนมมือ กล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านผู้เจริญ กระผมต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกา- สุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียว กระผมนั้นขอปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อ สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้ปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวแก่กระผม กระผมนั้นอยู่ปริวาสแล้วขอ มานัต ๖ ราตรี เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้มานัต ๖ ราตรี เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วัน เดียวแก่กระผม กระผมนั้นประพฤติมานัตแล้วขออัพภานกับสงฆ์” พึงขอแม้ครั้งที่ ๒ ฯลฯ พึงขอแม้ครั้งที่ ๓ ฯลฯ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๖ หน้า : ๒๐๑}

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [๓. สมุจจยขันธกะ]

๑. สุกกวิสัฏฐิ

ภิกษุผู้ฉลาดสามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจาว่า [๑๐๗] “ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุอุทายีนี้ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อ สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียว ภิกษุอุทายีนั้นขอปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้ปริวาสวันเดียวเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วัน เดียวแก่ภิกษุอุทายี ภิกษุอุทายีนั้นอยู่ปริวาสแล้วขอมานัต ๖ ราตรี เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้มานัต ๖ ราตรี เพื่อ อาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวแก่ภิกษุอุทายี ภิกษุอุทายีนั้น ประพฤติมานัตแล้วขออัพภานกับสงฆ์ ถ้าสงฆ์พร้อมกันแล้วพึงอัพภานภิกษุอุทายี นี่เป็นญัตติ ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุอุทายีนี้ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกา- สุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียว ภิกษุอุทายีนั้นขอปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อ สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้ปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวแก่ภิกษุอุทายี ภิกษุอุทายีนั้นอยู่ปริวาส แล้วขอมานัต ๖ ราตรี เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วัน เดียวกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้มานัต ๖ ราตรี เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวแก่ภิกษุอุทายี ภิกษุอุทายีนั้นประพฤติมานัตแล้วขออัพภานกับสงฆ์ สงฆ์อัพภานภิกษุอุทายีแล้ว ท่านรูปใดเห็นด้วยกับการอัพภานภิกษุอุทายี ท่านรูป นั้นพึงนิ่ง ท่านรูปใดไม่เห็นด้วย ท่านรูปนั้นพึงทักท้วง แม้ครั้งที่ ๒ ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ฯลฯ แม้ครั้งที่ ๓ ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุ อุทายีนี้ต้องอาบัติ ๑ ตัว ชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียว ภิกษุอุทายีนั้น ขอปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้ปริวาสวันเดียว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียว {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๖ หน้า : ๒๐๒}

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [๓. สมุจจยขันธกะ]

๑. สุกกวิสัฏฐิ

แก่ภิกษุอุทายี ภิกษุอุทายีนั้นอยู่ปริวาสแล้วขอมานัต ๖ ราตรี เพื่ออาบัติ ๑ ตัว ชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้มานัต ๖ ราตรี เพื่อ อาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้วันเดียวแก่ภิกษุอุทายี ภิกษุอุทายีนั้น ประพฤติมานัตแล้วขออัพภานกับสงฆ์ สงฆ์อัพภานภิกษุอุทายีแล้ว ท่านรูปใดเห็น ด้วยกับการอัพภานภิกษุอุทายี ท่านรูปนั้นพึงนิ่ง ท่านรูปใดไม่เห็นด้วย ท่านรูปนั้น พึงทักท้วง ภิกษุอุทายี สงฆ์อัพภานแล้ว สงฆ์เห็นด้วย เพราะฉะนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าขอถือ เอาความนิ่งนั้นเป็นมติอย่างนี้”
ปัญจาหปฏิจฉันนปริวาส
ว่าด้วยปริวาสสำหรับอาบัติปิดไว้ ๕ วัน
[๑๐๘] สมัยนั้น ท่านพระอุทายีต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๒ วัน ... ปิดไว้ ๓ วัน ... ปิดไว้ ๔ วัน ... ปิดไว้ ๕ วัน แล้วบอกแก่ภิกษุ ทั้งหลายว่า “ท่านทั้งหลาย กระผมต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วัน กระผมจะปฏิบัติอย่างไร” ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้น สงฆ์จงให้ปริวาส ๕ วัน เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันแก่ภิกษุอุทายี
วิธีให้ปริวาสและกรรมวาจา
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงให้ปริวาสอย่างนี้ คือ ภิกษุอุทายีนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์ ห่มอุตตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง กราบเท้าภิกษุผู้แก่พรรษาทั้งหลาย นั่งกระโหย่ง ประนมมือ กล่าวอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ กระผมต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกา- สุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วัน กระผมนั้นขอปริวาส ๕ วัน เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อ สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันกับสงฆ์ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๖ หน้า : ๒๐๓}

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [๓. สมุจจยขันธกะ]

๑. สุกกวิสัฏฐิ

พึงขอแม้ครั้งที่ ๒ ฯลฯ พึงขอแม้ครั้งที่ ๓ ฯลฯ ภิกษุผู้ฉลาดสามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจาว่า [๑๐๙] “ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุอุทายีนี้ต้องอาบัติ ๑ ตัว ชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วัน ภิกษุอุทายีนั้นขอปริวาส ๕ วันเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันกับสงฆ์ ถ้าสงฆ์พร้อมกันแล้ว พึง ให้ปริวาส ๕ วัน เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันแก่ ภิกษุอุทายี นี่เป็นญัตติ ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุอุทายีนี้ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกา- สุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วัน ภิกษุอุทายีนั้นขอปริวาส ๕ วันเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อ สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วัน สงฆ์ได้ให้ปริวาส ๕ วัน เพื่ออาบัติ ๑ ตัว ชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันแก่ภิกษุอุทายีแล้ว ท่านรูปใดเห็นด้วยกับ การให้ปริวาส ๕ วันเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันแก่ ภิกษุอุทายี ท่านรูปนั้นพึงนิ่ง ท่านรูปใดไม่เห็นด้วย ท่านรูปนั้นพึงทักท้วง แม้ครั้งที่ ๒ ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ฯลฯ แม้ครั้งที่ ๓ ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุอุทายีนี้ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วัน ภิกษุอุทายี นั้นขอปริวาส ๕ วันเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้ปริวาส ๕ วัน เพื่อาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วัน แก่ภิกษุอุทายีแล้ว ท่านรูปใดเห็นด้วยกับการให้ปริวาส ๕ วันเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อ สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันแก่ภิกษุอุทายี ท่านรูปนั้นพึงนิ่ง ท่านรูปใด ไม่เห็นด้วย ท่านรูปนั้นพึงทักท้วง ปริวาส ๕ วันเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันสงฆ์ให้ แล้วแก่ภิกษุอุทายี สงฆ์เห็นด้วย เพราะฉะนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าขอถือเอาความนิ่งนั้น เป็นมติอย่างนี้” {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๖ หน้า : ๒๐๔}


                  เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๖ หน้าที่ ๑๙๗-๒๐๔. http://84000.org/tipitaka/english/m_siri.php?B=6&siri=23              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3].                   อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/english/v.php?B=6&A=4619&Z=4838                   ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=6&i=383              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=6&item=383&items=12              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=6&item=383&items=12                   สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๖ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu6              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/pli-tv-kd13/en/brahmali#pli-tv-kd13:3.1.0 https://suttacentral.net/pli-tv-kd13/en/horner-brahmali#Kd.13.3



บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :