ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๘ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๘ ปริวาร
วิปัตติวารที่ ๓
[๕๐๕] ถามว่า อาบัติเพราะปัจจัย คือ เสพเมถุนธรรม จัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดา วิบัติ ๔? ตอบว่า อาบัติเพราะปัจจัย คือ เสพเมถุนธรรมจัดเป็นวิบัติ ๒ บรรดาวิบัติ ๔ คือ บางทีเป็นศีลวิบัติ บางทีเป็นอาจารวิบัติ ... ถามว่า อาบัติเพราะปัจจัย คือ อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ หรือบ้วนเขฬะลงในน้ำ จัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดาวิบัติ ๔? ตอบว่า อาบัติเพราะปัจจัย คือ อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ หรือบ้วนเขฬะลงในน้ำ จัดเป็นวิบัติอย่างหนึ่ง คือ อาจารวิบัติ บรรดวิบัติ ๔.
วิปัตติวารที่ ๓ จบ
-----------------------------------------------------
สังคหิตวารที่ ๔
[๕๐๖] ถามว่า อาบัติเพราะปัจจัย คือ เสพเมถุนธรรม สงเคราะห์ด้วยกองอาบัติ เท่าไร บรรดากองอาบัติ ๗? ตอบว่า อาบัติเพราะปัจจัย คือ เสพเมถุนธรรม สงเคราะห์ด้วยกองอาบัติ ๔ บรรดา กองอาบัติ ๗ คือ บางทีด้วยกองอาบัติปาราชิก บางทีด้วยกองอาบัติถุลลัจจัย บางทีด้วยกองอาบัติ ปาจิตตีย์ บางทีด้วยกองอาบัติทุกกฏ ... ถามว่า อาบัติเพราะปัจจัย คือ อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสวะ หรือบ้วนเขฬะลงในน้ำ สงเคราะห์ด้วยกองอาบัติเท่าไร บรรดากองอาบัติ ๗? ตอบว่า อาบัติเพราะปัจจัย คือ อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ หรือบ้วนเขฬะลงในน้ำ สงเคราะห์ด้วยกองอาบัติ ๑ คือ ด้วยกองอาบัติทุกกฏ บรรดากอง อาบัติ ๗.
สังคหิตวาร ที่ ๔ จบ
-----------------------------------------------------
สมุฏฐานวารที่ ๕
[๕๐๗] ถามว่า เพราะปัจจัย คือ เสพเมถุนธรรม อาบัติเกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖? ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ เสพเมถุนธรรม อาบัติเกิดด้วยสมุฏฐานอย่างหนึ่ง บรรดา สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ... ถามว่า เพราะปัจจัย คือ อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ หรือ บ้วนเขฬะลงในน้ำ อาบัติเกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖? ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ หรือ บ้วนเขฬะลงในน้ำ อาบัติเกิดด้วยสมุฏฐานอย่างหนึ่ง บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ คือ เกิดแต่ กายกับจิต มิใช่วาจา.
สมุฏฐานวาร ที่ ๕ จบ
-----------------------------------------------------
อธิกรณวารที่ ๖
[๕๐๘] ถามว่า เพราะปัจจัย คือ เสพเมถุนธรรม อาบัติจัดเป็นอธิกรณ์อะไร บรรดา อธิกรณ์ ๔? ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ เสพเมถุนธรรม อาบัติจัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์ บรรดา อธิกรณ์ ๔ ... ถามว่า เพราะปัจจัย คือ อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ หรือ บ้วนเขฬะลงในน้ำ อาบัติจัดเป็นอธิกรณ์อะไร บรรดาอธิกรณ์ ๔? ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ หรือบ้วน เขฬะลงในน้ำ อาบัติจัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ ๔.
อธิกรณวาร ที่ ๖ จบ
-----------------------------------------------------
สมถวาร ที่ ๗
[๕๐๙] ถามว่า เพราะปัจจัย คือ เสพเมถุนธรรม อาบัติระงับด้วยสมถะเท่าไร บรรดาสมถะ ๗? ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ เสพเมถุนธรรม อาบัติระงับด้วยสมถะ ๓ บรรดาสมถะ ๗ คือ บางทีด้วยสัมมุขาวินัย ๑ ด้วยปฏิญญาตกรณะ ๑ บางทีด้วยสัมมุขาวินัย กับติณวัตถารกะ ๑ ... ถามว่า เพราะปัจจัย คือ อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ หรือ บ้วนเขฬะลงในน้ำ อาบัติระงับด้วยสมถะเท่าไร บรรดาสมถะ ๗? ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ หรือ บ้วนเขฬะลงในน้ำ อาบัติระงับด้วยสมถะ ๓ บรรดาสมถะ ๗ คือ บางทีด้วยสัมมุขาวินัย ๑ ด้วย ปฏิญญาตกรณะ ๑ บางทีด้วยสัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ ๑.
สมถวารที่ ๗ จบ
-----------------------------------------------------
สมุจจยวาร ที่ ๘
[๕๑๐] ถามว่า เพราะปัจจัย คือ เสพเมถุนธรรม ภิกษุและภิกษุณีต้องอาบัติเท่าไร? ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ เสพเมถุนธรรม ภิกษุและภิกษุณีต้องอาบัติ ๔ คือ เสพ เมถุนธรรมในสรีระที่สัตว์มิได้กัด ต้องอาบัติปาราชิก ๑ เสพเมถุนธรรมในสรีระที่สัตว์กัดแล้ว โดยมาก ต้องอาบัติลถุลัจจัย ๑ สอดองค์กำเนิดเข้าไปในปากที่อ้ามิได้ถูกต้อง ต้องอาบัติทุกกฏ ๑ เป็นปาจิตตีย์ในเพราะท่อนยาง ๑ เพราะปัจจัย คือ เสพเมถุนธรรม ภิกษุและภิกษุณีต้องอาบัติ ๔ เหล่านี้. ถามว่า อาบัติเหล่านั้นจัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดาวิบัติ ๔? สงเคราะห์ด้วยกองอาบัติ เท่าไร บรรดากองอาบัติ ๗? เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖? เป็น อธิกรณ์อะไร บรรดาอธิกรณ์ ๔? ระงับด้วยสมถะเท่าไร บรรดาสมถะ ๗? ตอบว่า อาบัติเหล่านั้นจัดเป็นวิบัติ ๒ บรรดาวิบัติ ๔ คือ บางทีเป็นศีลวิบัติ บางที เป็นอาจารวิบัติ. สงเคราะห์ด้วยกองอาบัติ ๔ บรรดากองอาบัติ ๗ คือ บางทีด้วยกองอาบัติปาราชิก บางทีด้วยกองอาบัติถุลลัจจัย บางทีด้วยกองอาบัติปาจิตตีย์ บางทีด้วยกองอาบัติทุกกฏ. เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่ วาจา. เป็นอาปัตตาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ ๔. ระงับด้วยสมถะ ๓ บรรดาสมถะ ๗ คือ บางทีด้วยสัมมุขาวินัย ๑ ด้วยปฏิญญาตกรณะ ๑ บางทีด้วยสัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ ๑ ... ถามว่า เพราะปัจจัย คือ อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ หรือ บ้วนเขฬะลงในน้ำ ต้องอาบัติเท่าไร? ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ หรือ บ้วนเขฬะลงในน้ำ ต้องอาบัติตัวหนึ่ง คือ ทุกกฏ. เพราะปัจจัย คือ อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ หรือบ้วนเขฬะ ลงในน้ำ ต้องอาบัติตัวหนึ่งนี้. ถามว่า อาบัตินั้นจัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดาวิบัติ ๔? สงเคราะห์ด้วยกองอาบัติเท่าไร บรรดากองอาบัติ ๗? เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖? เป็นอธิกรณ์ อะไร บรรดาอธิกรณ์ ๔? ระงับด้วยสมถะเท่าไร บรรดาสมถะ ๗? ตอบว่า อาบัตินั้น จัดเป็นวิบัติ ๑ คือ อาจารวิบัติ บรรดาวิบัติ ๔. สงเคราะห์ด้วยกองอาบัติ ๑ บรรดากองอาบัติ ๗ คือ ด้วยกองอาบัติทุกกฏ. เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่ วาจา. เป็นอาปัตตาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ ๔. ระงับด้วยสมถะ ๓ บรรดาสมถะ ๗ คือ บางทีด้วยสัมมุขาวินัย ๑ ด้วยปฏิญญาต- *กรณะ ๑ บางทีด้วยสัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ ๑.
สมุจจยวารที่ ๘ จบ
ปัจจยวาร ๘ จบ
มหาวิภังค์ ๑๖ มหาวาร จบ
-----------------------------------------------------

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๘ บรรทัดที่ ๓๕๒๘-๓๖๒๖ หน้าที่ ๑๓๔-๑๓๗. http://84000.org/tipitaka/english/v.php?B=8&A=3528&Z=3626&pagebreak=0 http://84000.org/tipitaka/english/r.php?B=8&A=3528&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=8&siri=35              ศึกษาอรรถกถาได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=8&i=505              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=8&A=2672              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=8&A=2672              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๘ http://84000.org/tipitaka/read/?index_8              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/pli-tv-pvr1.11/en/brahmali https://suttacentral.net/pli-tv-pvr1.12/en/brahmali https://suttacentral.net/pli-tv-pvr1.13/en/brahmali https://suttacentral.net/pli-tv-pvr1.14/en/brahmali https://suttacentral.net/pli-tv-pvr1.15/en/brahmali https://suttacentral.net/pli-tv-pvr1.16/en/brahmali https://suttacentral.net/pli-tv-pvr1.11/en/horner-brahmali https://suttacentral.net/pli-tv-pvr1.12/en/horner-brahmali https://suttacentral.net/pli-tv-pvr1.13/en/horner-brahmali https://suttacentral.net/pli-tv-pvr1.14/en/horner-brahmali https://suttacentral.net/pli-tv-pvr1.15/en/horner-brahmali https://suttacentral.net/pli-tv-pvr1.16/en/horner-brahmali

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]