เสด็จประทับอยู่ภายใต้ต้นจิก หรือมุจลินทร์ตลอด ๗ วันแล้ว พระพุทธเจ้าเสด็จไปประทับอยู่
ใต้ต้นไม้ที่ภาษาบาลีเรียกว่า 'ราชายตนะ' อยู่ถัดไปทางทิศใต้ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ ราชายตนะแปลกันว่า
ไม้เกด เป็นไม้ที่อยู่ในตระกูลพิกุล ผู้บรรยายเคยเห็นที่ชานพระทักษิณาด้านนอกขององค์ปฐมเจดีย์ นครปฐม
ที่ทางราชการนำมาปลูกไว้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นต้นใหญ่แล้ว จำได้ว่าใบเหมือนประดู่
ตอนพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่นี่ มีพ่อค้านายกองเกวียนสองคนเข้ามาเฝ้า และนำของมาถวาย
คนหนึ่งชื่อ 'ตปุสสะ' อีกคนหนึ่งชื่อ 'ภัลลิกะ' เดินทางด้วยขบวนเกวียนหลายร้อยเล่ม (ปฐมสมโพธิว่า ๕๐๐
เล่ม) มาจากอุกกลชนบท ได้เห็นพระพุทธเจ้าประทับอยู่ใต้ต้นไม้เกด ก็ให้นึกเลื่อมใสจึงนำข้าวสัตตุก้อนและ
สัตตุผง ซึ่งเป็นเสบียงสำหรับเดินทางเข้าไปถวาย ข้าวสัตตุนี้ ไทยเราเรียกว่าข้าวตู พจนานุกรมฉบับราช
บัณฑิตยสถานอธิบายว่า "ข้าวตากคั่วแล้วตำเป็นผลเคล้ากับน้ำตาลและมะพร้าว"
พระพุทธเจ้าทรงรับอาหารนายกองเกวียนสองคนนั้นด้วยบาตรศิลาที่ท้าวจตุมหาราชทั้ง ๔
นำมาถวาย เสวยเสร็จแล้ว นายกองเกวียนทั้งสองคนเกิดความเลื่อมใสได้แสดงตนเป็นอุบาสก ขอถึง
พระพุทธเจ้าและพระธรรมเจ้าเป็นสรณะ
กล่าวอย่างสั้นๆ ก็ว่า ทั้งสองประกาศตนเป็นพุทธศาสนิกชน ทั้งสองจึงนับได้ว่าอุบาสกหรือ
พุทธศาสนิกชนคู่แรกก่อนใครในโลก นับแต่พระพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นต้นมา ที่ทั้งสองนายประกาศตนนับถือ
พระรัตนะทั้งสองดังกล่าวแล้วนั้น เพราะตอนที่กล่าวนี้ สังฆรัตนะ คือ พระสงฆ์ยังไม่เกิดมี ด้วยพระพุทธ
เจ้ายังมิได้ตรัสเทศนาโปรดใครเลย
ปฐมสมโพธิเล่าว่าเมื่อสองนายกองเกวียนประกาศตนเป็นอุบาสกแล้ว ก่อนที่จะถวายบังคม
กราบทูลลาพระพุทธเจ้าไป ได้กราบทูลขอสิ่งของเป็นที่ระลึกจากพระพุทธเจ้า อพระพุทธเจ้าจึงทรงยกพระ
หัตถ์ขวาลูบเบื้องพระเศียรและว่า "ลำดับนั้นพระเกศาธาตุ (ผม) ทั้ง ๘ เส้นมีสีดุจแก้วอินทนิล แลปีกแมลง
ภู่...ก็หล่นลงประดิษฐานในฝ่าพระหัตถ์"
แล้วทรงประทานเส้นพระเกศาทั้งแปดแก่นายกองเกวียนเพื่อนำไปบูชาเป็นที่ระลึก ทั้งสอง
เมื่อได้รับต่างโสมนัสยิ่งนัก แล้วถวายอภิวาทกราบทูลลาพระพุทธเจ้าจากไป
|