หมวดหนังสือธรรมะ
  สมุดภาพพระพุทธประวัติ
ฉบับอนุรักษ์ภาพเขียนทางพระพุทธศาสนา โดย ครูเหม เวชกร
ภาพที่ ๕๑
พระนันทะรับบาตรส่งเสด็จ นางคู่วิวาห์ร้องสั่งให้รีบกลับ พอถึงวัดกลับชวนให้ผนวช

	ในวันที่  ๕  นับแต่วันที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาถึงเมืองกบิลพัสดุ์เป็นครั้งแรก  มีพิธีวิวาหมงคล
ระหว่างเจ้าชายศากยะที่ชื่อว่า  'นันทะ'  กับเจ้าหญิงที่มีชื่อว่า  'ชนบทกัลยาณี'

	นันทะเป็นพระอนุชาหรือน้องชายของพระพุทธเจ้า    แต่เป็นพระอนุชาต่างมารดา   กล่าวคือ
ภายหลังพระมารดาของพระพุทธเจ้า  คือ  พระนางสิริมหามายาสิ้นพระชนม์   แต่เมื่อพระพุทธเจ้าประสูติ
ได้ไม่กี่วันแล้ว   พระเจ้าสุทโธทนะทรงได้พระนางปชาบดีโคตมี   ผู้เป็นน้องสาวของพระนางสิริมหามายา
เป็นชายา

	เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จออกบวชแล้ว  รัชทายาทของพระเจ้าสุทโธทนะจึงตกอยู่แก่นันทะ  พระ
เจ้าสุทโธทนะทรงหมายพระทัยว่า  เมื่อนันทะอภิเษกสมรสแล้ว  จะได้ครองราชย์สืบต่อจากพระองค์

	ในงานวิวาหมงคลนั้น  พระพุทธเจ้าจึงได้เสด็จมาตามคำทูลอาราธนาของพระพุทธบิดา  เมื่อ
ทรงฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว  พระพุทธเจ้าได้เสด็จกลับ  ได้ทรงมอบบาตรของพระองค์ให้เจ้าชายนันทะทรง
ถือตามส่งเสด็จ   นันทะทรงดำริว่า    เมื่อถึงประตูพระราชนิเวศน์   พระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นพระเชษฐาคงจะ
ทรงหันมารับบาตรคืนไปจากตน   แต่ครั้นไปถึงที่นั่น   พระพุทธเจ้ามิได้ทรงทำอย่างนั้นเลย   ครั้นนันทะจะ
มอบบาตรถวายพระพุทธเจ้าก็ไม่กล้า   ด้วยเกรงพระทัยผู้ทรงเป็นพระเชษฐา  จนไปถึงพระอารามที่ประทับ  
พระพุทธเจ้าจึงหันมาตรัสกับพระอนุชาว่า  "บวชไหม"

	นันทะจะปฏิเสธก็เกรงใจพี่ชาย   นี่ว่าตามภาษาสามัญ  จึงทูลตอบพระพุทธเจ้าว่า  "บวชพระ
เจ้าข้า"

	นันทะไม่ได้ยอมบวชด้วยน้ำใสใจจริง  เพราะกำลังจะแต่งงาน   ทั้งตอนที่จะออกจากพระราช
นิเวศน์นำบาตรมาส่งพระพุทธเจ้า  นางชนบทกัลยาณีผู้เป็นเจ้าหญิงคู่อภิเษกสมรส  ยังร้องเรียกสั่งตามมาว่า  
"เจ้าพี่ไปแล้วให้รีบเสด็จกลับ"  แต่ที่ตอบเช่นนั้น  ก็เพราะความเกรงใจพระพุทธเจ้าดังกล่าวแล้ว
_________________________________________
บันทึก  ๒๘  ตุลาคม  พ.ศ.  ๒๕๔๕
ติดต่อ : [email protected]