![]() |
|
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |
|
|
![]() |
![]() |
๑๓. เอกปุคคลวรรค หมวดว่าด้วยบุคคลผู้เป็นเอก [๑๗๐] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เป็นเอก เมื่อเกิดขึ้น ในโลก ย่อมเกิดขึ้นเพื่อเกื้อกูลแก่คนหมู่มาก เพื่อสุขแก่คนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์ชาว โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย บุคคลผู้เป็น เอกคือใคร คือ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า บุคคลผู้เป็นเอกนี้แล เมื่อเกิด ขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้นเพื่อเกื้อกูลแก่คนหมู่มาก เพื่อสุขแก่คนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์ ชาวโลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย (๑) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๐ หน้า : ๒๒}
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกกนิบาต ๑๓. เอกปุคคลวรรค
[๑๗๑] ความปรากฏแห่งบุคคลผู้เป็นเอกหาได้ยากในโลก บุคคลผู้เป็นเอกคือใคร คือ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ความปรากฏแห่งบุคคลผู้เป็นเอก นี้แลหาได้ยากในโลก (๒) [๑๗๒] บุคคลผู้เป็นเอก เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้นเป็นอัจฉริยมนุษย์๑- บุคคล ผู้เป็นเอกคือใคร คือ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า บุคคลผู้เป็นเอกนี้แล เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้นเป็นอัจฉริยมนุษย์ (๓) [๑๗๓] การตายของบุคคลผู้เป็นเอกเป็นเหตุให้คนจำนวนมากพลอยเดือดร้อน ไปด้วย บุคคลผู้เป็นเอกคือใคร คือ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า การตาย ของบุคคลผู้เป็นเอกนี้แลเป็นเหตุให้คนจำนวนมากพลอยเดือดร้อนไปด้วย (๔) [๑๗๔] บุคคลผู้เป็นเอก เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้นไม่เป็นที่สอง๒- ไม่มี สหาย๓- ไม่มีอัตภาพใดเหมือน๔- ไม่มีใครเปรียบเทียบ๕- ไม่มีผู้ทำกิจเปรียบเทียบ๖- หา @เชิงอรรถ : @๑ เป็นอัจฉริยมนุษย์ ในที่นี้หมายถึงประกอบด้วยธรรมที่น่าอัศจรรย์เป็นอันมาก หรือเป็นมนุษย์ผู้ได้สั่งสม @บารมีมาแล้วโดยลำดับซึ่งยากที่ใครจะสั่งสมได้ เช่น ให้ทานในชาติที่เป็นพระเวสสันดรแล้วถือปฏิสนธิในภพ @ดุสิต ทรงรับคำอ้อนวอนของเทวดา เปิดวันมหาวิโลกนะ ๕ ถือปฏิสนธิในตระกูลมีโภคะมาก แม้ในวันถือ @ปฏิสนธิและในวันประสูติก็ให้โลกธาตุหวั่นไหว เสด็จดำเนินได้ ๗ ก้าว ทรงเศวตฉัตรทิพย์ บันลือสีหนาท @ว่า เราเป็นผู้เลิศแห่งโลก เมื่อญาณแก่เต็มที่ก็ทรงสละราชสมบัติออกผนวช ตรัสรู้พระสัพพัญญุตญาณ @(องฺ.เอกก.อ. ๑/๑๗๒/๑๐๒) @๒ ไม่เป็นที่สอง หมายถึงไม่มีพุทธเจ้าองค์ที่สอง (ในโลกธาตุเดียวกัน) กล่าวคือไม่มีพระสัพพัญญูพุทธเจ้า @ผู้บำเพ็ญบารมี ๔ อสงไขย แสนกัป ๘ อสงไขย แสนกัป หรือ ๑๖ อสงไขย แสนกัป กำจัดยอดแห่งมาร ๓ @จำพวก รู้แจ้งพระสัพพัญญุตญาณ (องฺ.เอกก.อ. ๑/๑๗๔/๑๐๔) @๓ ไม่มีสหาย หมายถึงไม่มีบุคคลที่มีอัตภาพหรือธรรมที่ตรัสรู้เสมอเหมือน (องฺ.เอกก.อ. ๑/๑๗๔/๑๐๔) @๔ ไม่มีอัตภาพใดเหมือนหมายถึงไม่มีอัตภาพอื่นเหมือนอัตภาพของพระพุทธเจ้า แม้ในสิ่งที่พวกมนุษย์ @ใช้เงินหรือทองสร้างรูปเหมือนนั้น ก็ไม่มีใครสามารถสร้างให้เหมือนพระองค์ได้เลยแม้แต่น้อย @(องฺ.เอกก.อ. ๑/๑๗๔/๑๐๔) @๕ ไม่มีใครเปรียบเทียบ หมายถึงไม่ว่าจะเป็นอัตภาพของผู้ใดก็ไม่สามารถจะเปรียบเทียบกับอัตภาพของ @พระพุทธเจ้า (องฺ.เอกก.อ. ๑/๑๗๔/๑๐๔-๑๐๕) @๖ ไม่มีผู้ทำกิจเปรียบเทียบ หมายถึงไม่มีผู้เทียมทาน คือไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงธรรมที่พระตถาคต @แสดงไว้ได้ เช่น สติปัฏฐาน ๔ ประการที่ทรงแสดงไว้ ไม่มีใครสามารถลดให้เหลือเป็น ๓ ประการ หรือ @เพิ่มให้เป็น ๕ ประการได้ (องฺ.เอกก.อ. ๑/๑๗๔/๑๐๔-๑๐๕) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๐ หน้า : ๒๓}
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกกนิบาต ๑๔. เอตทัคควรรค ๑. ปฐมวรรค
บุคคลเปรียบเทียบมิได้๑- หาผู้เสมอมิได้๒- เสมอกับบุคคลผู้หาผู้เสมอมิได้๓- เป็นผู้เลิศ กว่าสัตว์สองเท้า๔- บุคคลผู้เป็นเอกคือใคร คือ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า บุคคลผู้เป็นเอกนี้แล เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้นไม่เป็นที่สอง ไม่มีสหาย ไม่มี อัตภาพใดเหมือน ไม่มีใครเปรียบเทียบ ไม่มีผู้ทำกิจเปรียบเทียบ หาบุคคลเปรียบ เทียบมิได้ หาผู้เสมอมิได้ เสมอกับบุคคลผู้หาผู้เสมอมิได้ เป็นผู้เลิศกว่าสัตว์สองเท้า (๕) [๑๗๕-๑๘๖] ความปรากฏแห่งบุคคลผู้เป็นเอกเป็นความปรากฏแห่งจักษุอัน ยิ่งใหญ่ เป็นความปรากฏแห่งแสงสว่างอันยิ่งใหญ่ เป็นความปรากฏแห่งโอภาสอัน ยิ่งใหญ่ เป็นความปรากฏแห่งอนุตตริยะ ๖ ๕- เป็นการทำให้แจ้งปฏิสัมภิทา ๔ ๖- เป็น การรู้แจ้งชัดธาตุหลายชนิด เป็นการรู้แจ้งชัดธาตุที่แตกต่างกัน เป็นการทำให้แจ้ง ผลคือวิชชา(ความรู้แจ้ง)และวิมุตติ(ความหลุดพ้น) เป็นการทำให้แจ้งโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล และอรหัตตผล บุคคลผู้เป็นเอกคือใคร คือ พระตถาคต อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะความปรากฏแห่งบุคคลผู้เป็นเอกนี้แล จึงมีความ ปรากฏแห่งจักษุอันยิ่งใหญ่ มีความปรากฏแห่งแสงสว่างอันยิ่งใหญ่ มีความปรากฏ แห่งโอภาสอันยิ่งใหญ่ มีความปรากฏแห่งอนุตตริยะ ๖ มีการทำให้แจ้งปฏิสัมภิทา ๔ @เชิงอรรถ : @๑ หาบุคคลเปรียบเทียบมิได้ หมายถึงไม่มีคู่แข่ง คือ ไม่มีใครอื่นที่จะกล้าปฏิญญาว่า เราเป็นพระพุทธเจ้า @ได้เหมือนพระตถาคต (องฺ.เอกก.อ. ๑/๑๗๔/๑๐๕) @๒ หาผู้เสมอมิได้ หมายถึงไม่มีสรรพสัตว์เท่ากับพระองค์ เพราะไม่มีบุคคลจะเท่าเทียมได้ @(องฺ.เอกก.อ. ๑/๑๗๔/๑๐๕) @๓ เสมอกับบุคคลผู้หาผู้เสมอมิได้ หมายถึงทรงเป็นผู้เสมอกับพระสัพพัญญูพุทธเจ้าทั้งหลายทั้งในอดีต และ @อนาคต ซึ่งหาผู้เสมอมิได้ (องฺ.เอกก.อ. ๑/๑๗๔/๑๐๕) @๔ สัตว์สองเท้า ในที่นี้หมายถึงมนุษย์ และเทวดาทั้งหลาย (องฺ.เอกก.อ. ๑/๑๗๔/๑๐๕) @๕ อนุตตริยะ ๖ คือ ทัสสนานุตตริยะ การเห็นอันเยี่ยม สวนานุตตริยะ การฟังอันเยี่ยม ลาภานุตตริยะ การ @ได้อันเยี่ยม สิกขานุตตริยะ การศึกษาอันเยี่ยม ปาริจริยานุตตริยะ การบำรุงอันเยี่ยม อนุสสตานุตตริยะ @การระลึกอันเยี่ยม (องฺ.เอกก.อ. ๑/๑๗๕-๑๘๖/๑๐๖) @๖ ปฏิสัมภิทา ๔ คือ อัตถปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในเนื้อความ ธัมมปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉาน @ในหลักการ นิรุตติปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในภาษา และปฏิภาณปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานใน @ความคิดทันการ (องฺ.จตุกฺก. ๒๑/๑๗๒/๑๘๓-๑๘๔, ขุ.ปฏิ. ๓๑/๑๑๐/๑๒๓, อภิ.วิ. ๓๕/๗๑๘/๓๕๙) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๐ หน้า : ๒๔}
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกกนิบาต ๑๔. เอตทัคควรรค ๑. ปฐมวรรค
มีการรู้แจ้งชัดธาตุหลายชนิด มีการรู้แจ้งชัดธาตุที่แตกต่างกัน มีการทำให้แจ้งผล คือวิชชาและวิมุตติ มีการทำให้แจ้งโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล และ อรหัตตผล (๖-๑๗) [๑๘๗] เราไม่เห็นบุคคลอื่นแม้คนเดียวที่เผยแผ่โดยชอบซึ่งธรรมจักรอันยอด เยี่ยมที่ตถาคตประกาศไว้แล้วเหมือนสารีบุตรนี้ สารีบุตรย่อมเผยแผ่โดยชอบซึ่ง ธรรมจักรอันยอดเยี่ยมที่ตถาคตประกาศไว้แล้ว (๑๘)เอกปุคคลวรรคที่ ๑๓ จบ เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๒๐ หน้าที่ ๒๒-๒๕. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_siri.php?B=20&siri=13 ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2]. อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=20&A=585&Z=627 ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=139 พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=20&item=139&items=7 อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=14&A=2013 The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=20&item=139&items=7 The Pali Atthakatha in Roman :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=14&A=2013 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๐ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu20 อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://84000.org/tipitaka/english/metta.lk/20i139-e.php# https://suttacentral.net/an1.170-187/en/sujato
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
![]() |
บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]