ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้า
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙ ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๕. จุลลสุตโสมชาดก
ว่าด้วยพระเจ้าจุลลสุตโสมออกบวช
[๒๕๑๙] เราขอบอกชาวเมือง มิตร อำมาตย์ และบริษัททั้งหลายด้วย ผมหงอก เกิดขึ้นบนศีรษะแล้ว บัดนี้ เราชอบใจจะบวช. [๒๕๒๐] อย่างไรหนอ พระองค์จึงทรงรับสั่งความไม่เจริญแก่ข้าพระพุทธเจ้า ข้า แต่พระองค์ผู้สมมติเทพ พระองค์ทรงปักพระแสงศรที่อกของข้าพระ- พุทธเจ้า พระชายาของพระองค์มีอยู่ประมาณ ๗๐๐ พระนางเหล่านั้นของ พระองค์จักเป็นอยู่อย่างไรหนอ? [๒๕๒๑] นางเหล่านั้นยังสาวจักปรากฏเอง นางเหล่านั้นจักไปพึ่งพิงพระราชาองค์ อื่นก็ได้ ส่วนเราปรารถนาสวรรค์ เพราะฉะนั้น จึงจักบวช. [๒๕๒๒] ดูกรพ่อสุตโสม แม่ผู้เป็นมารดาของเจ้าชื่อว่าได้แล้วชั่ว เพราะเมื่อแม่ พร่ำเพ้ออยู่ เจ้ายังไม่ห่วงใยจะบวชเสียให้ได้. ดูกรพ่อสุตโสม แม่ได้ คลอดเจ้าซึ่งเป็นผู้ที่แม่ได้มาไม่ดีเสียแล้ว เพราะเมื่อแม่พร่ำเพ้ออยู่ พ่อ ยังไม่ห่วงใยจะบวชเสียให้ได้. [๒๕๒๓] ดูกรพ่อสุตโสม ธรรมนั่นชื่ออะไร และการบวชชื่ออะไร เพราะว่าเจ้า ละทิ้งเรา ๒ คนผู้แก่เฒ่าแล้ว ไม่ห่วงใยจะบวชเสียให้ได้? [๒๕๒๔] แม้บุตรและธิดาทั้งหลายของเจ้าก็มากมี ยังเล็กนัก ไม่เจริญวัย กำลัง ฉอเลาะ น่ารักใคร่ เมื่อไม่เห็นเจ้า เข้าใจว่าจะได้รับความลำบากไป ตามๆ กัน. [๒๕๒๕] ความที่หม่อมฉันตั้งอยู่แม้นานมาแล้ว ก็จะต้องพลัดพรากจากบุตรและ ธิดาเหล่านี้ ซึ่งยังเล็กนัก ไม่เจริญวัย กำลังฉอเลาะ จากทูลกระหม่อม ทั้งสองพระองค์ และสิ่งทั้งปวงไปเป็นของเที่ยงแท้. [๒๕๒๖] พระทัยของทูลกระหม่อมจะตัดขาดเชียวหรือ หรือจะไม่ทรงพระกรุณา กระหม่อมฉันทั้งหลาย ไยเล่าพระองค์จึงไม่ห่วงใยกระหม่อมฉันทั้งหลาย ผู้คร่ำครวญอยู่ จะเสด็จออกผนวชเสียให้ได้เทียวหรือ เพคะ? [๒๕๒๗] ใจของเรามิได้ตัดขาด และเราก็มีความกรุณาในเธอทั้งหลาย แต่เรา ปรารถนาสวรรค์ เพราะฉะนั้น จึงจักออกบวช. [๒๕๒๘] ข้าแต่พระสุตโสมผู้ประเสริฐ หม่อมฉันผู้เป็นอัครมเหสีของพระองค์ ชื่อว่าได้แล้วชั่ว เพราะเหตุไร เมื่อหม่อมฉันพร่ำเพ้ออยู่ พระองค์จึงไม่ ทรงห่วงใย จะทรงผนวชเสียให้ได้. ข้าแต่พระสุตโสมผู้ประเสริฐ หม่อมฉันผู้เป็นอัครมเหสีของพระองค์ชื่อว่าได้แล้วชั่ว เพราะเหตุไร พระองค์จึงมิได้ทรงห่วงใยสัตว์ผู้ถือปฏิสนธิในครรภ์ของหม่อมฉัน จะ ทรงผนวชเสียให้ได้. ครรภ์ของหม่อมฉันแก่แล้ว ขอพระองค์ทรงรออยู่ จนกระทั่งหม่อมฉันประสูติ อย่าให้หม่อมฉันเป็นหม้ายอยู่แต่ผู้เดียว ต้องได้รับทุกข์ในภายหลังเลย. [๒๕๒๙] ครรภ์ของเธอแก่แล้ว ขอเชิญประสูติพระโอรสซึ่งมีมีผิวพรรณไม่ เลวทรามเถิด ฉันจักละโอรสพร้อมทั้งเธอบวชให้ได้. [๒๕๓๐] ดูกรแม่จันทาผู้มีดวงตาเสมอด้วยดอกอัญชัน เธออย่าร้องไห้เศร้าโศก ไปเลย จงขึ้นสู่ปราสาทอันประเสริฐเสียเถิด ฉันไม่ห่วงใย จักไปบวช ให้ได้. [๒๕๓๑] ข้าแต่เสด็จแม่ ใครทำให้เสด็จแม่ทรงพิโรธ เหตุไฉน เสด็จแม่จึงทรง กรรแสงและจ้องมองดูหม่อมฉันยิ่งนัก บรรดาพระประยูรญาติทั้งหลาย ที่เห็นอยู่ หม่อมฉันจะฆ่าใครที่ควรรับสั่งให้ฆ่า? [๒๕๓๒] ลูกรัก ท่านผู้ใด ผู้ชนะแผ่นดินทำให้แม่ขุ่นเคือง ท่านผู้นั้นเจ้าไม่อาจฆ่า ได้เลย พระบิดาของเจ้าได้ตรัสกะแม่ว่า ฉันไม่มีห่วงใยจักไปบวช. [๒๕๓๓] เมื่อก่อนเราเคยไปเที่ยวสวนด้วยรถ และรบกันด้วยช้างตกมัน เมื่อ พระราชบิดาทรงผนวชเสียแล้ว บัดนี้ เราจักทำอย่างไร? [๒๕๓๔] เมื่อพระมารดาของหม่อมฉันทรงกรรแสงอยู่ และเมื่อพระเชฏฐภาดา ไม่ทรงยินยอม หม่อมฉันก็จักยึดพระหัตถ์ทั้ง ๒ ของพระบิดาไว้ เมื่อ หม่อมฉันทั้งหลายไม่ยินยอม พระบิดาจะยังเสด็จไปไม่ได้. [๒๕๓๕] แม่นมจ๋า เชิญแม่ลุกขึ้นเถิด แม่จงพากุมารนี้ไปเล่นให้รื่นรมย์เสียใน ที่อื่น กุมารนี้อย่าได้ทำอันตรายแก่ฉัน เมื่อฉันปรารถนาสวรรค์. [๒๕๓๖] ไฉนหนอ พระราชาจึงพระราชทานแก้วมณีอันมีแสงสว่างนี้ เราจะ ประโยชน์ด้วยอะไรด้วยแก้วมณีนี้ เมื่อพระเจ้าสุตโสมทรงผนวชแล้ว เราจักทำแก้วมณีอะไรกัน? [๒๕๓๗] พระคลังน้อยของพระองค์ยังไพบูลย์ และพระคลังใหญ่ของพระองค์ ก็บริบูรณ์ ปฐพีมณฑลพระองค์ก็ทรงชนะแล้ว ขอพระองค์จงทรงยินดี เถิด อย่าทรงผนวชเลย พระเจ้าข้า. [๒๕๓๘] คลังน้อยของเราก็ไพบูลย์ คลังใหญ่ของเราก็บริบูรณ์ และปฐพีมณฑล เราก็ชนะแล้ว แต่เราก็จักละสิ่งนั้นๆ ออกบวช. [๒๕๓๙] ทรัพย์ของข้าพระพุทธเจ้ามีมากมาย ข้าพระพุทธเจ้าไม่สามารถจะนับได้ ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายทรัพย์ทั้งหมดนั้นแด่พระองค์ ขอพระองค์จงทรง ยินดี อย่าทรงผนวชเลย พระพุทธเจ้าข้า. [๒๕๔๐] ดูกรกุลวัฒนเศรษฐี เรารู้ว่าทรัพย์ของท่านมีมาก และท่านก็บูชาเรา แต่ เราปรารถนาสวรรค์ เพราะฉะนั้น เราจึงจักบวช. [๒๕๔๑] ดูกรพ่อโสมทัต เราเป็นผู้กระสันนัก ความไม่ยินดีย่อมมาครอบงำเรา อันตรายมีมาก เราจักบวชให้ได้ในวันนี้ทีเดียว. [๒๕๔๒] ข้าแต่พระเจ้าพี่สุตโสม แม้กิจนี้ พระองค์ทรงพอพระทัย ขอพระองค์ทรง ผนวช ณ บัดนี้ ในวันนี้ แม้หม่อมฉันก็จักบวช หม่อมฉันไม่อาจจะอยู่ ห่างพระองค์ได้. [๒๕๔๓] เธอจะบวชไม่ได้เป็นอันขาด เพราะว่าใครๆ ในพระนครแลคามนิคม ชนบทก็พากันไม่หุงต้ม. [๒๕๔๔] เมื่อพระเจ้าสุตโสมทรงผนวชเสียแล้ว บัดนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายจัก ทำอย่างไรเล่า พระเจ้าข้า? [๒๕๔๕] เราเข้าใจว่า ชีวิตนี้ถูกชรานำเข้าไป เป็นของน้อย ดุจน้ำในโคลนฉะนั้น เมื่อชีวิตเป็นของน้อยเหลือเกินอย่างนี้ เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะประมาทเลย. เราเข้าใจว่าชีวิตนี้ถูกชรานำเข้าไป เป็นของน้อย ดุจน้ำในโคลนฉะนั้น เมื่อชีวิตเป็นของน้อยเหลือเกินอย่างนี้ แต่พวกคนพาลย่อมพากันประ- มาท. คนพาลเหล่านั้นอันเครื่องผูกคือตัณหาผูกไว้แล้ว ย่อมยังนรก กำเนิดสัตว์เดียรัจฉาน เปรตวิสัย และอสุรกายให้เจริญ. [๒๕๔๖] กลุ่มธุลีตั้งขึ้นไม่ไกลปุปผกปราสาท ชะรอยพระธรรมราชา ผู้เรืองยศ ของพวกเราจะทรงตัดพระเกศาแล้ว. [๒๕๔๗] พระราชาทรงห้อมล้อมด้วยพระสนมนางใน เสด็จไปเที่ยวยังปราสาทใด นี่คือปราสาทของพระองค์ เกลื่อนกล่นไปด้วยสุวรรณบุบผามาลัย พระ ราชาทรงห้อมล้อมด้วยหมู่พระประยูรญาติ เสด็จเที่ยวไปยังปราสาทใด. นี่คือปราสาทของพระองค์ เกลื่อนกล่นไปด้วยสุวรรณบุบผามาลัย พระราชาทรงห้อมล้อมด้วยพระสนมนางใน เสด็จเที่ยวไปยังกูฏาคารใด. นี่คือกูฏาคารของพระองค์ เกลื่อนกล่นไปด้วยสุวรรณบุบผามาลัย พระ- ราชาทรงห้อมล้อมด้วยหมู่พระประยูรญาติ เสด็จเที่ยวไปยังกูฏาคารใด. นี่คือกูฏาคารของพระองค์ เกลื่อนกล่นไปด้วยสุวรรณบุบผามาลัย พระ- ราชาทรงห้อมล้อมด้วยพระสนมนางใน เสด็จเที่ยวไปยังสวนอโศกวัน ใด. นี่คือสวนอโศกวันของพระองค์ มีดอกไม้บานสะพรั่ง น่ารื่นรมย์ ตลอดกาลทั้งปวง พระราชาทรงห้อมล้อมด้วยพระประยูรญาติ เสด็จ เที่ยวไปยังสวนอโศกวันใด. นี่คือสวนอโศกวันของพระองค์ มีดอก ไม้บานสะพรั่ง น่ารื่นรมย์ตลอดกาลทั้งปวง พระราชาทรงห้อมล้อมด้วย พระสนมนางใน เสด็จเที่ยวไปยังพระราชอุทยานใด. นี่คือพระราชอุทยาน ของพระองค์ มีดอกไม้บานสะพรั่ง น่ารื่นรมย์ตลอดกาลทั้งปวง พระราชาทรงห้อมล้อมด้วยหมู่พระประยูรญาติ เสด็จเที่ยวไปในพระ อุทยานใด. นี่คือพระราชอุทยานของพระองค์ มีดอกไม้บานสะพรั่ง น่ารื่น รมย์ตลอดกาลทั้งปวง พระราชาทรงห้อมล้อมด้วยพระสนมนางใน เสด็จ เที่ยวไปยังสวนกรรณิการ์ใด. นี่คือ สวนกรรณิการ์ของพระองค์ มีดอก ไม้บานสะพรั่ง น่ารื่นรมย์ตลอดกาลทั้งปวง พระราชาทรงห้อมล้อม ด้วยหมู่พระประยูรญาติ เสด็จเที่ยวไปยังสวนกรรณิการ์ใด. นี่คือสวน กรรณิการ์ของพระองค์ มีดอกบานสะพรั่ง น่ารื่นรมย์ตลอดกาลทั้งปวง พระราชาทรงห้อมล้อมด้วยพระสนมนางใน เสด็จเที่ยวไปยังสวนปาฏ- ลิวันใด. นี่คือ สวนปาฏลิวันของพระองค์ มีดอกบานสะพรั่ง น่ารื่น รมย์ตลอดกาลทั้งปวง พระราชาทรงห้อมล้อมด้วยหมู่พระประยูรญาติ เสด็จเที่ยวไปยังสวนปาฏลิวันใด. นี่คือ สวนปาฏลิวันของพระองค์ มี ดอกบานสะพรั่ง น่ารื่นรมย์ตลอดกาลทั้งปวง พระราชาทรงห้อมล้อม ด้วยพระสนมนางใน เสด็จเที่ยวไปยังสวนอัมพวันใด. นี่คือสวน อัมพวันของพระองค์ มีดอกบานสะพรั่ง น่ารื่นรมย์ตลอดกาลทั้งปวง พระราชาทรงห้อมล้อมด้วยหมู่พระประยูรญาติ เสด็จเที่ยวไปยังสวน อัมพวันใด. นี่คือสวนอัมพวันของพระองค์ มีดอกบานสะพรั่ง น่ารื่น- รมย์ตลอดกาลทั้งปวง พระราชาห้อมล้อมด้วยพระสนมนางใน เสด็จ เที่ยวไปยังสระโบกขรณีใด. นี่คือ สระโบกขรณีของพระองค์ ดาดาษ ไปด้วยบุบผาชาตินานาชนิด เกลื่อนกล่นไปด้วยฝูงวิหค พระราชา ทรงห้อมล้อมด้วยหมู่พระประยูรญาติ เสด็จเที่ยวไปยังสระโบกขรณีใด. นี่คือ สระโบกขรณีของพระองค์ ดาดาษไปด้วยบุบผาชาตินานาชนิด เกลื่อนกล่นไปด้วยฝูงวิหค. [๒๕๔๘] พระเจ้าสุตโสมทรงสละราชสมบัตินี้แล้ว เสด็จออกผนวช ทรงผ้า กาสาวพัสตร เที่ยวไปพระองค์เดียว เหมือนช้างเชือกตัวประเสริฐฉะนั้น. [๒๕๔๙] ท่านทั้งหลายอย่าระลึกถึงความยินดี การเล่นและการร่าเริงในครั้งก่อน เลย กามทั้งหลายอย่าทำลายท่านทั้งหลายได้เลย จริงอยู่ สุทัสสนนคร น่ารื่นรมย์ยิ่งนัก ท่านทั้งหลายจงเจริญ เมตตาจิตหาประมาณมิได้ ทั้งกลางวันกลางคืนเถิด เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านทั้งหลายจะได้ไปสู่เทพบุรี อันเป็นที่อยู่ของท่านมีบุญกรรม.
จบ จุลลสุตโสมชาดกที่ ๕.
-----------------------------------------------------
รวมชาดกที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. เตสกุณชาดก ๒. สรภังคชาดก ๓. อลัมพุสาชาดก ๔. สังขปาลชาดก ๕. จุลลสุตโสมชาดก.
จบ จัตตาฬีสนิบาตชาดก.
-----------------------------------------------------

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๗ บรรทัดที่ ๑๐๕๖๔-๑๐๖๙๗ หน้าที่ ๔๕๗-๔๖๒. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=27&A=10564&Z=10697&pagebreak=0 http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=27&A=10564&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=27&siri=525              ศึกษาอรรถกถาชาดกได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=2519              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=27&A=11569              อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=41&A=8921              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=27&A=11569              The Pali Atthakatha in Roman :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=41&A=8921              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ http://84000.org/tipitaka/read/?index_27              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/ja525/en/francis

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้า

บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]