บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |
สังขารขันธ์ สังขารขันธ์ เป็นไฉน[ทุกมูลกวาร] [๖๔] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต สังขารขันธ์หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นเหตุ เป็นนเหตุ สังขารขันธ์หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นกุศล เป็นอกุศล เป็น อัพยากฤต สังขารขันธ์หมวดละ ๔ คือ สังขารขันธ์เป็นกามาวจร เป็นรูปาวจร เป็น อรูปาวจร เป็นอปริยาปันนะ สังขารขันธ์หมวดละ ๕ คือ สังขารขันธ์เป็นสุขินทริยสัมปยุต เป็น ทุกขินทริยสัมปยุต เป็นโสมนัสสินทริยสัมปยุต เป็นโทมนัสสินทริยสัมปยุต เป็นอุเปกขินทริยสัมปยุต สังขารขันธ์หมวดละ ๖ คือ จักขุสัมผัสสชาเจตนา โสตสัมผัสสชา- *เจตนา ฆานสัมผัสสชาเจตนา ชิวหาสัมผัสสชาเจตนา กายสัมผัสสชาเจตนา มโนสัมผัสสชาเจตนา สังขารขันธ์หมวดละ ๖ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๗ คือ จักขุสัมผัสสชาเจตนา ฯลฯ กาย- *สัมผัสสชาเจตนา มโนธาตุสัมผัสสชาเจตนา มโนวิญญาณธาตุสัมผัสสชาเจตนา สังขารขันธ์หมวดละ ๗ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๘ คือ จักขุสัมผัสสชาเจตนา ฯลฯ สุขสหคต- *กายสัมผัสสชาเจตนา ทุกขสหคตกายสัมผัสสชาเจตนา มโนธาตุสัมผัสสชาเจตนา มโนวิญญาณธาตุสัมผัสสชาเจตนา สังขารขันธ์หมวดละ ๘ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๙ คือ จักขุสัมผัสสชาเจตนา ฯลฯ มโนธาตุ- *สัมผัสสชาเจตนา กุสลมโนวิญญาณธาตุสัมผัสสชาเจตนา อกุสลมโนวิญญาณ- *ธาตุสัมผัสสชาเจตนา อัพยากตมโนวิญญาณธาตุสัมผัสสชาเจตนา สังขารขันธ์ หมวดละ ๙ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ คือ จักขุสัมผัสสชาเจตนา ฯลฯ สุขสหคต- *กายสัมผัสสชาเจตนา ทุกขสหคตกายสัมผัสสชาเจตนา มโนธาตุสัมผัสสชาเจตนา กุสลมโนวิญญาณธาตุสัมผัสสชาเจตนา อกุสลมโนวิญญาณธาตุสัมผัสสชาเจตนา อัพยากตมโนวิญญาณธาตุสัมผัสสชาเจตนา สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการ ฉะนี้ [๖๕] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นเหตุ เป็นนเหตุ. สังขารขันธ์ หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นสุขเวทนาสัมปยุต เป็นทุกขเวทนาสัมปยุต เป็น อทุกขมสุขเวทนาสัมปยุต สังขารขันธ์เป็นวิบาก เป็นวิปากธัมมธรรม เป็น เนววิปากนวิปากธัมมธรรม สังขารขันธ์เป็นอุปาทินนุปาทานิยะ เป็นอนุปาทินนุ- *ปาทานิยะ เป็นอนุปาทินนานุปาทานิยะ สังขารขันธ์เป็นสังกิลิฏฐสังกิเลสิกะ เป็น เป็นอสังกิลิฏฐสังกิเลสิกะ เป็นอสังกิลิฏฐาสังกิเลสิกะ สังขารขันธ์เป็นสวิตักก- *สวิจาระ เป็นอวิตักกวิจารมัตตะ เป็นอวิตักกาวิจาระ สังขารขันธ์เป็นปีติสหคตะ เป็นสุขสหคตะ เป็นอุเปกขาสหคตะ สังขารขันธ์เป็นทัสสนปหาตัพพะ เป็น ภาวนาปหาตัพพะ เป็นเนวทัสสนนภาวนาปหาตัพพะ สังขารขันธ์เป็นทัสสน- *ปหาตัพพเหตุกะ เป็นภาวนาปหาตัพพเหตุกะ เป็นเนวทัสสนนภาวนาปหาตัพพ- *เหตุกะ สังขารขันธ์เป็นอาจยคามี เป็นอปจยคามี เป็นเนวาจยคามินาปจยคามี สังขารขันธ์เป็นเสกขะ เป็นอเสกขะ เป็นเนวเสกขนาเสกขะ สังขารขันธ์เป็น ปริตตะ เป็นมหัคคตะ เป็นอัปปมาณะ สังขารขันธ์เป็นปริตตารัมมณะ เป็น มหัคคตารัมมณะ เป็นอัปปมาณารัมมณะ สังขารขันธ์ เป็นหีนะเป็นมัชฌิมะ เป็น ปณีตะ สังขารขันธ์เป็นมิจฉัตตนิยตะ เป็นสัมมัตตนิยตะ เป็นอนิยตะ สังขาร- *ขันธ์เป็นมัคคารัมมณะ เป็นมัคคเหตุกะ เป็นมัคคาธิปติ สังขารขันธ์เป็นอุปปันนะ เป็นอนุปปันนะ เป็นอุปปาที สังขารขันธ์เป็นอดีต เป็นอนาคต เป็นปัจจุบัน สังขาร- *ขันธ์เป็นอตีตารัมมณะ เป็นอนาคตารัมมณะ เป็นปัจจุปปันนารัมมณะ สังขารขันธ์ เป็นอัชฌัตตะ เป็นพหิทธา เป็นอัชฌัตตพหิทธา สังขารขันธ์เป็นอัชฌัตตารัมมณะ เป็นพหิทธารัมมณะ เป็นอัชฌัตตพหิทธารัมมณะ ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ [๖๖] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขาร- *หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นสเหตุกะ เป็นอเหตุกะ สังขารขันธ์เป็นเหตุ สัมปยุต เป็นเหตุวิปปยุต สังขารขันธ์เป็นเหตุสเหตุกะ เป็นสเหตุกนเหตุ สังขารขันธ์เป็นเหตุเหตุสัมปยุต เป็นเหตุสัมปยุตตนเหตุ สังขารขันธ์เป็นนเหตุ- *สเหตุกะ เป็นนเหตุอเหตุกะ สังขารขันธ์เป็นโลกิยะ เป็นโลกุตตระ สังขารขันธ์ เป็นเกนจิวิญเญยยะ เป็นเกนจินวิญเญยยะ สังขารขันธ์เป็นอาสวะ เป็นโนอาสวะ สังขารขันธ์เป็นสาสวะ เป็นอนาสวะ สังขารขันธ์เป็นอาสวสัมปยุต เป็นอาสว- *วิปปยุต สังขารขันธ์เป็นอาสวสาสวะ เป็นสาสวโนอาสวะ สังขารขันธ์เป็น อาสวอาสวสัมปยุต เป็นอาสวสัมปยุตตโนอาสวะ สังขารขันธ์เป็นอาสววิปปยุตต- *สาสวะ เป็นอาสววิปปยุตตอนาสวะ สังขารขันธ์เป็นสัญโญชนะ เป็นโนสัญโญชนะ สังขารขันธ์เป็นสัญโญชนิยะ เป็นอสัญโญชนิยะ สังขารขันธ์เป็นสัญโญชน- *สัมปยุต เป็นสัญโญชนวิปปยุต สังขารขันธ์เป็นสัญโญชนสัญโญชนิยะ เป็น สัญโญชนิยโนสัญโญชนะ สังขารขันธ์เป็นสัญโญชนสัญโญชนสัมปยุต เป็น สัญโญชนสัมปยุตตโนสัญโญชนะ สังขารขันธ์เป็นสัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยะ เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญชนิยะ สังขารขันธ์เป็นคันถะ เป็นโนคันถะ สังขารขันธ์เป็นคันถนิยะ เป็นอคันถนิยะ สังขารขันธ์เป็นคันถสัมปยุต เป็น คันถวิปปยุต สังขารขันธ์เป็นคันถคันถนิยะ เป็นคันถนิยโนคันถะ สังขารขันธ์ เป็นคันถคันถสัมปยุต เป็นคันถสัมปยุตตโนคันถะ สังขารขันธ์เป็นคันถวิปปยุตต- *คันถนิยะ เป็นคันถวิปปยุตตอคันถนิยะ สังขารขันธ์เป็นโอฆะ เป็นโนโอฆะ สังขารขันธ์เป็นโอฆนิยะ เป็นอโนฆนิยะ สังขารขันธ์เป็นโอฆสัมปยุต เป็น โอฆวิปปยุต สังขารขันธ์เป็นโอฆโอฆนิยะ เป็นโอฆนิยโนโอฆะ สังขารขันธ์ เป็นโอฆโอฆสัมปยุต เป็นโอฆสัมปยุตตโนโอฆะ สังขารขันธ์เป็นโอฆวิปปยุตต- *โอฆนิยะ เป็นโอฆวิปปยุตตอโนฆนิยะ สังขารขันธ์เป็นโยคะ เป็นโนโยคะ สังขารขันธ์เป็นโยคนิยะ เป็นอโยคนิยะ สังขารขันธ์เป็นโยคสัมปยุต เป็น โยควิปปยุต สังขารขันธ์เป็นโยคโยคนิยะ เป็นโยคนิยโนโยคะ สังขารขันธ์เป็น โยคโยคสัมปยุต เป็นโยคสัมปยุตตโนโยคะ สังขารขันธ์เป็นโยควิปปยุตตโยคนิยะ เป็นโยควิปปยุตตอโยคนิยะ สังขารขันธ์เป็นนีวรณะ เป็นโนนีวรณะ สังขารขันธ์ เป็นนีวรณิยะ เป็นอนีวรณิยะ สังขารขันธ์เป็นนีวรณสัมปยุต เป็นนีวรณวิปปยุต สังขารขันธ์เป็นนีวรณนีวรณิยะ เป็นนีวรณิยโนนีวรณะ สังขารขันธ์เป็นนีวรณ- *นีวรณสัมปยุต เป็นนีวรณสัมปยุตตโนนีวรณะ สังขารขันธ์เป็นนีวรณวิปปยุตต- *นีวรณิยะ เป็นนีวรณวิปปยุตตอนีวรณิยะ สังขารขันธ์เป็นปรามาสะ เป็นโน- *ปรามาสะ สังขารขันธ์เป็นปรามัฏฐะ เป็นอปรามัฏฐะ สังขารขันธ์เป็นปรามาส- *สัมปยุต เป็นปรามาสวิปปยุต สังขารขันธ์เป็นปรามาสปรามัฏฐะ เป็นปรามัฏฐโน- *ปรามาสะ สังขารขันธ์เป็นปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐะ เป็นปรามาสวิปปยุตตอปรา- *มัฏฐะสังขารขันธ์เป็นอุปาทินนะ เป็นอนุปาทินนะ สังขารขันธ์เป็นอุปาทานะ เป็น โนอุปาทานะ สังขารขันธ์เป็นอุปาทานิยะ เป็นอนุปาทานิยะ สังขารขันธ์เป็น อุปาทานสัมปยุต เป็นอุปาทานวิปปยุต สังขารขันธ์เป็นอุปาทานอุปาทานิยะ เป็น อุปาทานิยโนอุปาทานะ สังขารขันธ์เป็นอุปาทานอุปาทานสัมปยุต เป็นอุปาทาน สัมปยุตตโนอุปาทานะ สังขารขันธ์เป็นอุปาทานวิปปยุตตอุปาทานิยะ เป็น อุปาทานวิปปยุตตอนุปาทานิยะ สังขารขันธ์เป็นกิเลสะ เป็นโนกิเลสะ สังขาร- *ขันธ์เป็นสังกิเลสิกะ เป็นอสังกิเลสิกะ สังขารขันธ์เป็นสังกิลิฏฐะ เป็นอสังกิลิฏฐะ สังขารขันธ์เป็นกิเลสสัมปยุต เป็นกิเลสวิปปยุต สังขารขันธ์เป็นกิเลสสังกิเลสิกะ เป็นสังกิเลสิกโนกิเลสะ สังขารขันธ์เป็นกิเลสสังกิลิฏฐะ เป็นสังกิลิฏฐโนกิเลสะ สังขารขันธ์เป็นกิเลสกิเลสสัมปยุต เป็นกิเลสสัมปยุตตโนกิเลสะ สังขารขันธ์ เป็นกิเลสวิปปยุตตสังกิเลสิกะ เป็นกิเลสวิปปยุตตอสังกิเลสิกะ สังขารขันธ์เป็น ทัสสนปหาตัพพะ เป็นนทัสสนปหาตัพพะ สังขารขันธ์เป็นภาวนาปหาตัพพะ เป็นนภาวนาปหาตัพพะ สังขารขันธ์เป็นทัสสนปหาตัพพเหตุกะ เป็นนทัสสน- *ปหาตัพพเหตุกะ สังขารขันธ์เป็นภาวนาปหาตัพพเหตุกะ เป็นนภาวนาปหาตัพพ- *เหตุกะ สังขารขันธ์เป็นสวิตักกะ เป็นอวิตักกะ สังขารขันธ์เป็นสวิจาระ เป็น อวิจาระ สังขารขันธ์เป็นสัปปีติกะ เป็นอัปปีติกะ สังขารขันธ์เป็นปีติสหคตะ เป็นนปีติสหคตะ สังขารขันธ์เป็นสุขสหคตะ เป็นนสุขสหคตะ สังขารขันธ์ เป็นอุเปกขาสหคตะ เป็นนอุเปกขาสหคตะ สังขารขันธ์เป็นกามาวจร เป็น นกามาวจร สังขารขันธ์เป็นรูปาวจร เป็นนรูปาวจร สังขารขันธ์เป็นอรูปาวจร เป็นนอรูปาวจร สังขารขันธ์เป็นปริยาปันนะ เป็นอปริยาปันนะ สังขารขันธ์เป็น นิยยานิกะ เป็นอนิยยานิกะ สังขารขันธ์เป็นนิยตะ เป็นอนิยตะ สังขารขันธ์เป็น สอุตตระ เป็นอนุตตระ สังขารขันธ์เป็นสรณะ เป็นอรณะ. สังขารขันธ์หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นกุศล เป็นอกุศล เป็นอัพยากฤต ฯลฯ สังขารขันธ์ หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ [๖๗] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขาร- *ขันธ์หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นสรณะ เป็นอรณะ. สังขารขันธ์หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นสุขเวทนาสัมปยุต เป็นทุกขเวทนาสัมปยุต เป็นอทุกขม- *สุขเวทนาสัมปยุต ฯลฯ สังขารขันธ์เป็นอัชฌัตตารัมมณะ เป็นพหิทธารัมมณะ เป็นอัชฌัตตพหิทธารัมมณะ ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ทุกมูลกวาร จบ [ติกมูลกวาร] [๖๘] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขาร- *ขันธ์หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นเหตุ เป็นนเหตุ. สังขารขันธ์หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นกุศล เป็นอกุศล เป็นอัพยากฤต ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นสรณะ เป็นอรณะ. สังขารขันธ์หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นกุศล เป็นอกุศล เป็นอัพยากฤต ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นเหตุ เป็นนเหตุ. สังขารขันธ์หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นสุขเวทนาสัมปยุต เป็นทุกขเวทนาสัมปยุต เป็นอทุกขมสุขเวทนา- *สัมปยุต ฯลฯ สังขารขันธ์เป็นอัชฌัตตารัมมณะ เป็นพหิทธารัมมณะ เป็น อัชฌัตตพหิทธารัมมณะ ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นสรณะ เป็นอรณะ. สังขารขันธ์หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นสุขเวทนาสัมปยุต เป็นทุกขเวทนาสัมปยุต เป็นอทุกขมสุข- *เวทนาสัมปยุต ฯลฯ สังขารขันธ์เป็นอัชฌัตตารัมมณะ เป็นพหิทธารัมมณะ เป็นอัชฌัตตพหิทธารัมมณะ ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ติกมูลกวาร จบ [อุภโตวัฑฒกวาร] [๖๙] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นเหตุ เป็นนเหตุ. สังขารขันธ์ หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นกุศล เป็นอกุศล เป็นอัพยากฤต ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นสเหตุกะ เป็นอเหตุกะ. สังขารขันธ์หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นสุขเวทนาสัมปยุต เป็นทุกขเวทนาสัมปยุต เป็นอทุกข- *มสุขเวทนาสัมปยุต ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นเหตุสัมปยุต เป็นเหตุวิปปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นวิบาก เป็นวิปากธัมมธรรม เป็นเนววิปาก- *นวิปากธัมมธรรม ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๒ คือสังขารขันธ์เป็นเหตุสเหตุกะ เป็นสเหตุกนเหตุ. สังขารขันธ์ หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นอุปาทินนุปาทานิยะ เป็นอนุปาทินนุปาทานิยะ เป็นอนุปาทินนานุปาทานิยะ ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นเหตุเหตุสัมปยุต เป็นเหตุสัมปยุตตนเหตุ. สังขารขันธ์หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นสังกิลิฏฐสังกิเลสิกะ เป็นอสัง- *กิลิฏฐสังกิเลสิกะ เป็นอสังกิลิฏฐาสังกิเลสิกะ ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นนเหตุสเหตุกะ เป็นนเหตุอเหตุกะ. สังขาร- *ขันธ์หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นสวิตักกสวิจาระ เป็นอวิตักกวิจารมัตตะ เป็นอวิตักกาวิจาระ ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นโลกิยะ เป็นโลกุตตระ. สังขารขันธ์หมวด ละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นปีติสหคตะ เป็นสุขสหคตะ เป็นอุเปกขาสหคตะ ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นเกนจิวิญเญยยะ เป็นเกนจินวิญเญยยะ. สังขารขันธ์หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นทัสสนปหาตัพพะ เป็นภาวนาปหาตัพพะ เป็นเนวทัสสนนภาวนาปหาตัพพะ ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นอาสวะ เป็นโนอาสวะ สังขารขันธ์หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นทัสสนปหาตัพพเหตุกะ เป็นภาวนาปหาตัพพเหตุกะ เป็น เนวทัสสนนภาวนาปหาตัพพเหตุกะ ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการ ฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นสาสวะ เป็นอนาสวะ. สังขารขันธ์หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นอาจยคามี เป็นอปจยคามี เป็นเนวาจยคามีนาปจยคามี ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นอาสวสัมปยุต เป็นอาสววิปปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นเสกขะ เป็นอเสกขะ เป็นเนวเสกขนาเสกขะ ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นอาสวสาสวะ เป็นสาสวโนอาสวะ สังขารขันธ์ หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นปริตตะ เป็นมหัคคตะ เป็นอัปปมาณะ ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นอาสวอาสวสัมปยุต เป็นอาสวสัมปยุตตโนอาสวะ. สังขารขันธ์หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นปริตตารัมมณะ เป็นมหัคคตารัมมณะ เป็นอัปปมาณารัมมณะ ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นอาสววิปปยุตตสาสวะ เป็นอาสววิปปยุตต- *อนาสวะ. สังขารขันธ์หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นหีนะ เป็นมัชฌิมะ เป็น ปณีตะ ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นสัญโญชนะ เป็นโนสัญโญชนะ. สังขารขันธ์ หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นมิจฉัตตนิยตะ เป็นสัมมัตตนิยตะ เป็นอนิยตะ ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นสัญโญชนิยะ เป็นอสัญโญชนิยะ. สังขารขันธ์ หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นมัคคารัมมณะ เป็นมัคคเหตุกะ เป็นมัคคาธิปติ ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นสัญโญชนสัมปยุต เป็นสัญโญชนวิปปยุต. สังขารขันธ์หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นอุปปันนะ เป็นอนุปปันนะ เป็น อุปปาที ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นสัญโญชนสัญโญชนิยะ เป็นสัญโญชนิยโน- *สัญโญชนะ สังขารขันธ์หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นอดีต เป็นอนาคต เป็นปัจจุบัน ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นสัญโญชนสัญโญชนสัมปยุต เป็นสัญโญชน- *สัมปยุตตโนสัญโญชนะ. สังขารขันธ์หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นอตีตา- *รัมมณะ เป็นอนาคตารัมมณะ เป็นปัจจุปปันนารัมมณะ ฯลฯ สังขารขันธ์หมวด ละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นสัญโญชนวิปปยุตสัญโญชนิยะ เป็น สัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญชนิยะ. สังขารขันธ์หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์ เป็นอัชฌัตตะ เป็นพหิทธา เป็นอัชฌัตตพหิทธา ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๑ คือ สังขารขันธ์เป็นจิตตสัมปยุต. สังขารขันธ์ หมวดละ ๒ คือ สังขารขันธ์เป็นคันถะ เป็นโนคันถะ. สังขารขันธ์หมวดละ ๓ คือ สังขารขันธ์เป็นอัชฌัตตารัมมณะ เป็นพหิทธารัมมณะ เป็นอัชฌัตตพหิทธา- *รัมมณะ ฯลฯ สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ด้วยประการฉะนี้อุภโตวัฑฒกวาร จบ [พหุวิธวาร] [๗๐] สังขารขันธ์หมวดละ ๗ คือ สังขารขันธ์เป็นกุศล เป็นอกุศล เป็นอัพยากฤต เป็นกามาวจร เป็นรูปาวจร เป็นอรูปาวจร เป็นอปริยาปันนะ สังขารขันธ์หมวดละ ๗ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๗ อีกอย่างหนึ่ง คือ สังขารขันธ์เป็นสุขเวทนา- *สัมปยุต เป็นทุกขเวทนาสัมปยุต เป็นอทุกขมสุขเวทนาสัมปยุต ฯลฯ สังขาร- *ขันธ์เป็นอัชฌัตตารัมมณะ เป็นพหิทธารัมมณะ เป็นอัชฌัตตพหิทธารัมมณะ เป็น กามาวจร เป็นรูปาวจร เป็นอรูปาวจร เป็นอปริยาปันนะ สังขารขันธ์หมวดละ ๗ ด้วยประการฉะนี้ [๗๑] สังขารขันธ์หมวดละ ๒๔ คือ สังขารขันธ์เพราะจักขุสัมผัสเป็น ปัจจัย เป็นกุศล เป็นอกุศล เป็นอัพยากฤต สังขารขันธ์เพราะโสตสัมผัสเป็น ปัจจัย ฯลฯ สังขารขันธ์เพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ สังขารขันธ์เพราะ ชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ สังขารขันธ์เพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ สังขารขันธ์เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย เป็นกุศล เป็นอกุศล เป็นอัพยากฤต จักขุสัมผัสสชาเจตนา ฯลฯ มโนสัมผัสสชาเจตนา สังขารขันธ์หมวดละ ๒๔ ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละ ๒๔ อีกอย่างหนึ่ง คือ สังขารขันธ์เพราะจักขุ- *สัมผัสเป็นปัจจัย เป็นสุขเวทนาสัมปยุต เป็นทุกขเวทนาสัมปยุต เป็นอทุกขมสุข- *เวทนาสัมปยุต ฯลฯ เป็นอัชฌัตตารัมมณะ เป็นพหิทธารัมมณะ เป็นอัชฌัตต- *พหิทธารัมมณะ สังขารขันธ์เพราะโสตสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ สังขารขันธ์ เพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ สังขารขันธ์เพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ สังขารขันธ์เพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ สังขารขันธ์เพราะมโนสัมผัสเป็น ปัจจัย เป็นอัชฌัตตารัมมณะ เป็นพหิทธารัมมณะ เป็นอัชฌัตตพหิทธารัมมณะ จักขุสัมผัสสชาเจตนา ฯลฯ มโนสัมผัสสชาเจตนา สังขารขันธ์หมวดละ ๒๔ ด้วยประการฉะนี้ [๗๒] สังขารขันธ์หมวดละ ๓๐ คือ สังขารขันธ์เพราะจักขุสัมผัส เป็นปัจจัย เป็นกามาวจร เป็นรูปาวจร เป็นอรูปาวจร เป็นอปริยาปันนะ สังขารขันธ์เพราะโสตสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ สังขารขันธ์เพราะฆานสัมผัสเป็น ปัจจัย ฯลฯ สังขารขันธ์เพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ สังขารขันธ์เพราะ กายสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ สังขารขันธ์เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย เป็นกามาวจร เป็นรูปาวจร เป็นอรูปาวจร เป็นอปริยาปันนะ จักขุสัมผัสสชาเจตนา ฯลฯ มโนสัมผัสสชาเจตนา สังขารขันธ์หมวดละ ๓๐ ด้วยประการฉะนี้ [๗๓] สังขารขันธ์หมวดละมากอย่าง คือ สังขารขันธ์เพราะจักขุสัมผัส เป็นปัจจัย เป็นกุศล เป็นอกุศล เป็นอัพยากฤต เป็นกามาวจร เป็นรูปาวจร เป็นอรูปาวจร เป็นอปริยาปันนะ สังขารขันธ์เพราะโสตสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ สังขารขันธ์เพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ สังขารขันธ์เพราะชิวหาสัมผัสเป็น ปัจจัย ฯลฯ สังขารขันธ์เพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ สังขารขันธ์เพราะ มโนสัมผัสเป็นปัจจัย เป็นกุศล เป็นอกุศล เป็นอัพยากฤต เป็นกามาวจร เป็นรูปาวจร เป็นอรูปาวจร เป็นอปริยาปันนะ จักขุสัมผัสสชาเจตนา ฯลฯ มโนสัมผัสสชาเจตนา สังขารขันธ์หมวดละมากอย่าง ด้วยประการฉะนี้ สังขารขันธ์หมวดละมากอย่างอีกอย่างหนึ่ง คือ สังขารขันธ์เพราะจักขุ- *สัมผัสเป็นปัจจัย เป็นสุขเวทนาสัมปยุต เป็นทุกขเวทนาสัมปยุต เป็นอทุกขม- *สุขเวทนาสัมปยุต ฯลฯ เป็นอัชฌัตตารัมมณะ เป็นพหิทธารัมมณะ เป็น อัชฌัตตพหิทธารัมมณะ เป็นกามาวจร เป็นรูปาวจร เป็นอรูปาวจร เป็นอปริยา- *ปันนะ สังขารขันธ์เพราะโสตสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ สังขารขันธ์เพราะฆานสัมผัส เป็นปัจจัย สังขารขันธ์เพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ สังขารขันธ์เพราะ กายสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ สังขารขันธ์เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย เป็นอัชฌัตตา- *รัมมณะ เป็นพหิทธารัมมณะ เป็นอัชฌัตตพหิทธารัมมณะ เป็นกามาวจร เป็น รูปาวจร เป็นอรูปาวจร เป็นอปริยาปันนะ จักขุสัมผัสสชาเจตนา ฯลฯ มโน- *สัมผัสชาเจตนา สังขารขันธ์หมวดละมากอย่าง ด้วยประการฉะนี้ สภาวธรรมนี้เรียกว่า สังขารขันธ์พหุวิธวาร จบ เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕ บรรทัดที่ ๙๖๒-๑๒๓๙ หน้าที่ ๔๓-๕๔. https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=35&A=962&Z=1239&pagebreak=0 https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=35&A=962&pagebreak=0 ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3], [4] อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=35&siri=5 ศึกษาอรรถกถาได้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=35&i=64 พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=35&A=899 The Pali Tipitaka in Roman :- https://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=35&A=899 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๕ https://84000.org/tipitaka/read/?index_35 อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/vb1/en/thittila#pts-s92
บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]