ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๘ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๕ ยมกปกรณ์ ภาค ๑
นิโรธวาร
[๙๑๙] ทุกขสัจของสัตว์ใดย่อมดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้นย่อมดับไปหรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลังจุติอยู่ทั้งหมด ในภังคขณะแห่งตัณหาวิปปยุตตจิต ในปวัตติกาล ย่อมดับไป แต่สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นย่อมดับไปก็หาไม่ ทุกขสัจของสัตว์ เหล่านั้นย่อมดับไป และสมุทยสัจก็ย่อมดับไป ในภังคขณะแห่งตัณหา. หรือว่า สมุทยสัจของสัตว์ใดย่อมดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้นย่อมดับไป? ถูกแล้ว. [๙๒๐] ทุกขสัจของสัตว์ใดย่อมดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้นย่อมดับไปหรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลังจุติอยู่ทั้งหมด ในภังคขณะแห่งมัคควิปปยุตตจิต ใน ปวัตติกาล ย่อมดับไป แต่มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นย่อมดับไปก็หาไม่ ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ย่อมดับไป และมัคคสัจก็ย่อมดับไป ในภังคขณะแห่งมรรค ในปัญจโวการภูมิ. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใดย่อมดับไป ทุกขสัจของสัตว์นั้นย่อมดับไป? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นย่อมดับไป ในภังคขณะแห่งมรรค ในอรูปภูมิ แต่ทุกขสัจ ของสัตว์เหล่านั้นย่อมดับไปก็หาไม่ มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นย่อมดับไปและทุกขสัจก็ย่อมดับไป ในภังคขณะแห่งมรรค ในปัญจโวการภูมิ. [๙๒๑] สมุทยสัจของสัตว์ใดย่อมดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้นย่อมดับไปหรือ? หามิได้. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใดย่อมดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้นย่อมดับไป? หามิได้. [๙๒๒] ทุกขสัจในภูมิใดย่อมดับไป สมุทยสัจในภูมินั้นย่อมดับไปหรือ? ทุกขสัจในภูมินั้น คือ อสัญญสัตตภูมิ ย่อมดับไป ฯลฯ. คำที่กำหนดด้วยบทว่า ยตฺถ (ในภูมิใด) เป็นเช่นเดียวกัน ทั้งในอุปปาทวาร ทั้งใน นิโรธวาร ทั้งในอุปปาทนิโรธวาร. เหตุเครื่องกระทำให้ต่างกัน ย่อมไม่มี [๙๒๓] ทุกขสัจของสัตว์ใดในภูมิใด ย่อมดับไป ฯลฯ. แม้คำที่กำหนดด้วยบทว่า ยสฺส (ของสัตว์ใด) ยตฺถ (ในภูมิใด) พึงให้พิสดารเช่น เดียวกัน. [๙๒๔] ทุกขสัจของสัตว์ใดในภูมิใด ย่อมไม่ดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้นย่อมไม่ ดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า สมุทยสัจของสัตว์ใดย่อมไม่ดับไป ทุกขสัจของสัตว์นั้นย่อมไม่ดับไป? สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลังจุติอยู่ทั้งหมด ในภังคขณะแห่งตัณหาวิปปยุตตจิต ในปวัตติกาล ย่อมไม่ดับไป แต่ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ สมุทยสัจของ สัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในภังคขณะ แห่งมัคคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ ย่อมไม่ดับไป และทุกขสัจก็ย่อมไม่ดับไป. [๙๒๕] ทุกขสัจของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้นย่อมไม่ดับไป หรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งมัคคจิตในอรูปภูมิ ย่อมไม่ดับไป แต่มัคคสัจ ของสัตว์เหล่านั้นย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งผลจิต ในอรูปภูมิ ย่อมไม่ดับไป และ มัคคสัจก็ย่อมไม่ดับไป. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใดย่อมไม่ดับไป ทุกขสัจของสัตว์นั้นย่อมไม่ดับไป. มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น ที่กำลังจุติอยู่ทั้งหมด ในภังคขณะแห่งมัคควิปปยุตตจิต ใน ปวัตติกาล ย่อมไม่ดับไป แต่ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ มัคคสัจของสัตว์ เหล่านั้น ซึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งผลจิต ในอรูปภูมิ ย่อมไม่ดับไป และทุกขสัจก็ย่อมไม่ดับไป. [๙๒๖] สมุทยสัจของสัตว์ใดย่อมไม่ดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้นย่อมไม่ดับไป หรือ? สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งมัคคจิต ย่อมไม่ดับไป แต่มัคคสัจของ- *สัตว์เหล่านั้นย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในภังคขณะแห่งตัณหาวิปปยุตตจิต และมัคควิปปยุตตจิต ของผู้ที่เข้านิโรธ ของอสัญญสัตว์ ย่อมไม่ดับไป และมัคคสัจก็ย่อมไม่ดับไป. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใดย่อมไม่ดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้นย่อมไม่ดับไป? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งตัณหาย่อมไม่ดับไป แต่สมุทยสัจของสัตว์ เหล่านั้นย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ใน ภังคขณะแห่งมัคควิปปยุตตจิต และตัณหาวิปปยุตตจิต ของผู้ที่เข้านิโรธ ของอสัญญสัตว์ ย่อมไม่ดับไป และสมุทยสัจก็ย่อมไม่ดับไป. [๙๒๗] ทุกขสัจในภูมิใดย่อมไม่ดับไป ฯลฯ. [๙๒๘] ทุกขสัจของสัตว์ใดในภูมิใด ย่อมไม่ดับไป ฯลฯ. คำที่กำหนดด้วยบทว่า ยสฺส (ของสัตว์ใด) ยตฺถ (ในภูมิใด) ก็ดี เป็นเช่นเดียวกัน. อนึ่ง ไม่พึงกระทำคำว่า นิโรธสมาปนฺนานํ นี้ แม้ในคำที่กำหนดด้วยบทว่า ยสฺส ยตฺถ. [๙๒๙] ทุกขสัจของสัตว์ใดเคยดับไปแล้ว สมุทยสัจของสัตว์นั้นเคยดับไปแล้ว หรือ? ถูกแล้ว. การปุจฉาที่เป็นอดีต ในอุปปาทวาร ทั้งเป็นอนุโลม ทั้งเป็นปัจจนียะ ท่านจำแนก ไว้แล้ว ฉันใด แม้ในนิโรธวาร ก็พึงจำแนก ฉันนั้น เหตุเครื่องกระทำให้ต่างกัน ไม่มี. [๙๓๐] ทุกขสัจของสัตว์ใดจักดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้นจักดับไปหรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค ของพระอรหันต์ทั้งหลาย สัตว์ใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้นในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น จักดับไป แต่สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นจักดับไปก็หาไม่ ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นนอกนี้ จักดับไป และสมุทยสัจก็จักดับไป. หรือว่า สมุทยสัจของสัตว์ใด. ถูกแล้ว. [๙๓๑] ทุกขสัจของสัตว์ใดจักดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้นจักดับไปหรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค และของพระอรหันต์ทั้งหลาย และของปุถุชนที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรคจักดับไป แต่มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นจักดับไปก็หาไม่ ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น และของสัตว์เหล่าอื่นที่จักได้เฉพาะซึ่งมรรค จักดับไป และมัคคสัจก็จักดับไป. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใด ฯลฯ? ถูกแล้ว. [๙๓๒] สมุทยสัจของสัตว์ใดจักดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้นจักดับไปหรือ? สมุทยสัจของปุถุชนเหล่านั้น ที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรคจักดับไป แต่มัคคสัจของปุถุชน เหล่านั้นจักดับไปก็หาไม่ สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งมรรค สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นจักดับไป และมัคคสัจก็จักดับไป. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใดจักดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้นจักดับไป? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะ ซึ่งอรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น จักดับไป แต่สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้น จักดับไปก็หาไม่ สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งมรรค มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นจักดับไป และ สมุทยสัจก็จักดับไป. [๙๓๓] ทุกขสัจในภูมิใดจักดับไป ฯลฯ? [๙๓๔] ทุกขสัจของสัตว์ใดในภูมิใด จักดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น จักดับไปหรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค ของพระอรหันต์ ทั้งหลาย สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด สัตว์เหล่านั้น และของ อสัญญสัตว์ทั้งหลายจักดับไป แต่สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นจักดับไปก็หาไม่ ทุกขสัจ ของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ผู้มีขันธ์ ๔ มีขันธ์ ๕ นอกนี้จักดับไป และสมุทยสัจก็จักดับไป. คำที่กำหนดด้วยบทว่า ยสฺส (ของสัตว์) ยตฺถ (ในภูมิใด) ก็ดี คำที่กำหนดด้วยบทว่า ยสฺส (ของสัตว์ใด) ยตฺถ (ในภูมิใด) ก็ดี เหมือนกัน. [๙๓๕] ทุกขสัจของสัตว์ใด จักไม่ดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้น จักไม่ดับไป หรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า สมุทยสัจของสัตว์ใด จักไม่ดับไป ทุกขสัจของสัตว์นั้น จักไม่ดับไป? สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค ของพระอรหันต์ ทั้งหลาย สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใดของสัตว์เหล่านั้น จักไม่ดับไป แต่ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นจักไม่ดับไปก็หาไม่ สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นจักไม่ดับไป และ ทุกขสัจก็จักไม่ดับไป ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต. [๙๓๖] ทุกขสัจของสัตว์ใด จักไม่ดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้น จักไม่ดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใด จักไม่ดับไป ทุกขสัจของสัตว์นั้น จักไม่ดับไป? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค และของพระอรหันต์ทั้งหลาย และของปุถุชนทั้งหลาย ที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค จักไม่ดับไป แต่ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น จักไม่ดับไป และทุกขสัจก็จักไม่ดับไป ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต. [๙๓๗] สมุทยสัจของสัตว์ใด จักไม่ดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้น จักไม่ดับไป หรือ? สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะ ซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น จักไม่ดับไป แต่มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค และของ พระอรหันต์ทั้งหลาย จักไม่ดับไป มัคคสัจก็จักไม่ดับไป. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใด จักไม่ดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้น จักไม่ดับไป? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น คือปุถุชนที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรคจักไม่ดับไป แต่สมุทยสัจ ของสัตว์เหล่านั้นจักไม่ดับไปก็หาไม่ มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค และของพระอรหันต์ทั้งหลาย จักไม่ดับไป และสมุทยสัจก็จักไม่ดับไป. [๙๓๘] ทุกขสัจในภูมิใด จักไม่ดับไป ฯลฯ. [๙๓๙] ทุกขสัจของสัตว์ใดในภูมิใด จักไม่ดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า สมุทยสัจของสัตว์ใดในภูมิใด จักไม่ดับไป ทุกขสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น จักไม่ดับไป. สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค ของพระอรหันต์ทั้งหลาย และสัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น และ อสัญญสัตว์ทั้งหลาย จักไม่ดับไป แต่ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ดับไปก็หาไม่ สมุทยสัจ ของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น จักไม่ดับไป และทุกขสัจก็จักไม่ดับไป ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต. [๙๔๐] ทุกขสัจของสัตว์ใดในภูมิใด จักไม่ดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใดในภูมิใด จักไม่ดับไป ทุกขสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น จักไม่ดับไป? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค และของพระอรหันต์ ทั้งหลาย และของปุถุชนที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค ของอาปายิกสัตว์ และอสัญญสัตว์ทั้งหลาย จักไม่ดับไป แต่ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นจักไม่ดับไปก็หาไม่ มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไป และทุกขสัจก็จักไม่ดับไป ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต. [๙๔๑] สมุทยสัจของสัตว์ใดในภูมิใด จักไม่ดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค สัตว์เหล่าใด จักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น จักไม่ดับไป แต่มัคคสัจ ของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ใน ภังคขณะแห่งอรหัตมรรค และของพระอรหันต์ทั้งหลาย ของอสัญญสัตว์ จักไม่ดับไป และ มัคคสัจก็จักไม่ดับไป. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใดในภูมิใด จักไม่ดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น จักไม่ดับไป? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งเป็นอาปายิกสัตว์ และของปุถุชนที่จักไม่ได้เฉพาะ ซึ่งมรรค จักไม่ดับไป แต่สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นจักไม่ดับไปก็หาไม่ มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค และของพระอรหันต์ทั้งหลาย และอสัญญสัตว์ จักไม่ดับไป และสมุทยสัจก็จักไม่ดับไป. [๙๔๒] ทุกขสัจของสัตว์ใด ย่อมดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้น เคยดับไปแล้วหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า สมุทยสัจของสัตว์ใด เคยดับไปแล้ว ทุกขสัจของสัตว์นั้นย่อมดับไป. สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้น ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ใน ปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ เคยดับไปแล้ว แต่ทุกขสัจของ สัตว์เหล่านั้นย่อมดับไปก็หาไม่ สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นที่กำลังจุติอยู่ทั้งหมด ในภังคขณะ แห่งจิตในปวัตติกาล เคยดับไปแล้ว และทุกขสัจก็ย่อมดับไป. [๙๔๓] ทุกขสัจของสัตว์ใด ย่อมดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้น เคยดับไปแล้วหรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งยังมิได้ตรัสรู้ ที่กำลังจุติอยู่ในภังคขณะแห่งจิต ใน ปวัตติกาล ย่อมดับไป แต่มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นเคยดับไปแล้วก็หาไม่ ทุกขสัจของสัตว์ เหล่านั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ที่กำลังจุติอยู่ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ย่อมดับไป และ มัคคสัจก็เคยดับไปแล้ว. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใด เคยดับไปแล้ว ทุกขสัจของสัตว์นั้นย่อมดับไป? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ เคยดับไปแล้ว แต่ทุกขสัจของ สัตว์เหล่านั้นย่อมดับไปก็หาไม่ มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้วที่กำลังจุติอยู่ ใน ภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล เคยดับไปแล้ว และทุกขสัจก็ย่อมดับไป. [๙๔๔] สมุทยสัจของสัตว์ใด ย่อมดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้น เคยดับไปแล้ว หรือ? สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ ในภังคขณะแห่งตัณหา ย่อมดับไป แต่มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นเคยดับไปแล้วก็หาไม่ สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ในภังคขณะแห่งตัณหา ย่อมดับไป และมัคคสัจก็เคยดับไปแล้ว. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใด เคยดับไปแล้ว สมุทยสัจของสัตว์นั้น ย่อมดับไป? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา ในเมื่อตัณหา วิปปยุตตจิตเป็นไปอยู่ และผู้ซึ่งเข้านิโรธเคยดับไปแล้ว แต่สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นย่อมดับไป ก็หาไม่ มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ในภังคขณะแห่งตัณหาเคยดับไปแล้ว และ สมุทยสัจก็ย่อมดับไป. [๙๔๕] ทุกขสัจในภูมิใด ย่อมดับไป ฯลฯ. [๙๔๖] ทุกขสัจของสัตว์ใดในภูมิใด ย่อมดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น เคยดับไปแล้วหรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งอยู่ในชั้นสุทธาวาส ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิต ที่กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ ย่อมดับไป แต่สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับไปแล้ว ก็หาไม่ ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น นอกนี้ ซึ่งกำลังจุติอยู่จากจตุโวการภูมิ จากปัญจ- *โวการภูมิ ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ย่อมดับไป และสมุทยสัจก็เคยดับไปแล้ว. หรือว่า สมุทยสัจของสัตว์ใดในภูมิใด เคยดับไปแล้ว ทุกขสัจของสัตว์นั้นใน ภูมินั้นย่อมดับไป? สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งกำลังเข้าถึงจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ ใน อุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ เคยดับไป แล้ว แต่ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ย่อมดับไปก็หาไม่ สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นใน ภูมินั้น ที่กำลังจุติจากจตุโวการภูมิ จากปัญจโวการภูมิ เคยดับไปแล้ว ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล และทุกขสัจก็ย่อมดับไป. [๙๔๗] ทุกขสัจของสัตว์ใดในภูมิใด ย่อมดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น เคยดับไปแล้วหรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งอยู่ในชั้นสุทธาวาส ในภังคขณะแห่งอุปัตติจิต ซึ่งเป็นสัตว์ที่ยังไม่ได้ตรัสรู้ ที่กำลังจุติอยู่ ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ซึ่งเป็นสัตว์ที่กำลัง จุติจากอสัญญสัตตภูมิ ย่อมดับไป แต่มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น เคยดับไปแล้วก็หาไม่ ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ที่กำลังจุติอยู่ ในภังคขณะแห่งจิต ใน ปวัตติกาล ย่อมดับไป และมัคคสัจก็เคยดับไปแล้ว. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใดในภูมิใด เคยดับไปแล้ว ทุกขสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น ย่อมดับไป? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ในอุปปาท- *ขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ เคยดับไปแล้ว แต่ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ย่อมดับไปก็หาไม่ มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ที่กำลังจุติอยู่ ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาลเคยดับไปแล้ว และทุกขสัจ ก็ย่อมดับไป. [๙๔๘] สมุทยสัจของสัตว์ใดในภูมิใด ย่อมดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น เคยดับไปแล้วหรือ? สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ผู้ยังไม่ได้ตรัสรู้ ในภังคขณะแห่งตัณหา ย่อมดับ ไป แต่มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น เคยดับไปแล้วก็หาไม่ สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ในภังคขณะแห่งตัณหา ย่อมดับไป และมัคคสัจก็เคยดับไปแล้ว. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใดในภูมิใด เคยดับไปแล้ว สมุทยสัจของสัตว์นั้นใน ภูมินั้นย่อมดับไป? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งตรัสรู้แล้ว ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา ในเมื่อ ตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไปอยู่ เคยดับไปแล้ว แต่สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ย่อมดับไป ก็หาไม่ มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ในภังคขณะแห่งตัณหาเคยดับไป แล้ว และสมุทยสัจก็ย่อมดับไป. [๙๔๙] ทุกขสัจของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้นไม่เคยดับไป แล้วหรือ? เคยดับไปแล้ว. หรือว่า สมุทยสัจของสัตว์ใด ไม่เคยดับไปแล้ว ทุกขสัจของสัตว์นั้นย่อม ไม่ดับไป. ไม่มี. [๙๕๐] ทุกขสัจของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้นไม่เคยดับไปหรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ ย่อมไม่ดับไป แต่มัคคสัจของ สัตว์เหล่านั้น ไม่เคยดับไปแล้วก็หาไม่ ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ ที่กำลัง เกิดขึ้นอยู่ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ย่อมไม่ดับไป และมัคคสัจก็ไม่เคยดับไปแล้ว. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใด ไม่เคยดับไปแล้ว ทุกขสัจของสัตว์นั้นย่อมไม่ ดับไป? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ ที่กำลังจุติอยู่ในภังคขณะแห่งจิต ใน ปวัตติกาล ไม่เคยดับไปแล้ว แต่ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ มัคคสัจของ สัตว์เหล่านั้น ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาลไม่ เคยดับไปแล้ว และทุกขสัจก็ย่อมไม่ดับไป. [๙๕๑] สมุทยสัจของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้น ไม่เคยดับไป แล้วหรือ? สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ที่เข้านิโรธ ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไปอยู่ ย่อมไม่ดับไป แต่มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น ไม่เคยดับไป แล้วก็หาไม่ สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา ในเมื่อ ตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไปอยู่ ย่อมไม่ดับไป และมัคคสัจก็ไม่เคยดับไปแล้ว. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใด ไม่เคยดับไปแล้ว สมุทยสัจของสัตว์นั้นย่อมไม่ดับไป? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งยังมิได้ตรัสรู้ ในภังคขณะแห่งตัณหา ไม่เคยดับไปแล้ว แต่สมุทยของสัตว์เหล่านั้น ย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไปอยู่ ของอสัญญสัตว์ ไม่เคยดับไปแล้ว และสมุทยสัจก็ย่อมไม่ดับไป. [๙๕๒] ทุกขสัจในภูมิใดย่อมไม่ดับไป ฯลฯ. [๙๕๓] ทุกขสัจของสัตว์ใดในภูมิใด ย่อมไม่ดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้นใน ภูมินั้นไม่เคยดับไปแล้วหรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งกำลังเข้าถึงจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ ใน อุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งมรรคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ ย่อมไม่ ดับไป แต่สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งอยู่ในชั้นสุทธาวาส ในอุปปาทขณะแห่ง อุปปัตติจิต และสัตว์ซึ่งเข้าถึงอสัญญสัตตภูมิ ย่อมไม่ดับไป และสมุทยสัจก็ไม่เคยดับไปแล้ว. หรือว่า สมุทยสัจของสัตว์ใดในภูมิใดไม่เคยดับไปแล้ว ทุกขสัจของสัตว์นั้นใน ภูมินั้นย่อมไม่ดับไป? สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งอยู่ในชั้นสุทธาวาส ในภังคขณะแห่งอุปัตติจิต และสัตว์ซึ่งกำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ ไม่เคยดับไปแล้ว แต่ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งอยู่ในชั้นสุทธาวาส ในอุปปาทขณะ- *แห่งอุปปัตติจิต และสัตว์ซึ่งกำลังเข้าถึงอสัญญสัตตภูมิ ไม่เคยดับไปแล้ว และทุกขสัจก็ย่อมไม่ ดับไป. [๙๕๔] ทุกขสัจของสัตว์ใดในภูมิใด ย่อมไม่ดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น ไม่เคยดับไปแล้วหรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ในอุปปาทขณะ แห่งจิต ในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งมรรคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ ย่อมไม่ดับไป แต่ มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ไม่เคยดับไปแล้วก็หาไม่ ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งอยู่ในชั้นสุทธาวาส ในอุปปาทขณะแห่งอุปัตติจิต ของสัตว์ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ ที่กำลังเกิดขึ้น อยู่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ของสัตว์ซึ่งกำลังเข้าถึงอสัญญสัตตภูมิ ย่อมไม่ดับไป และมัคคสัจก็ไม่เคยดับไปแล้ว. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใดในภูมิใด ไม่เคยดับไปแล้ว ทุกขสัจของสัตว์นั้น ในภูมินั้น ย่อมไม่ดับไป. มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งอยู่ในชั้นสุทธาวาส ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิต ของสัตว์ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ ที่กำลังจุติอยู่ ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ของสัตว์ซึ่งกำลัง จุติจากอสัญญสัตตภูมิ ไม่เคยดับไปแล้ว แต่ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ย่อมไม่ดับไป ก็หาไม่ มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งอยู่ในชั้นสุทธาวาส ของสัตว์ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ของสัตว์ซึ่งกำลังเข้าถึงอสัญญสัตตภูมิ ไม่เคยดับไปแล้ว และทุกขสัจก็ย่อมไม่ดับไป. [๙๕๕] สมุทยสัจของสัตว์ใดในภูมิใด ย่อมไม่ดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้นในภูมิ นั้น ไม่เคยดับไปแล้วหรือ? สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา ใน เมื่อตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไปอยู่ ย่อมไม่ดับไป แต่มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น ไม่เคยดับไปแล้ว ก็หาไม่ สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งอยู่ในชั้นสุทธาวาส ในเมื่อทุติยจิตเป็นไปอยู่ ของสัตว์ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไปอยู่ ของ อสัญญสัตว์ทั้งหลาย ย่อมไม่ดับไป และมัคคสัจก็ไม่เคยดับไปแล้ว. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใดในภูมิใด ไม่เคยดับไปแล้ว สมุทยสัจของสัตว์นั้น ในภูมินั้น ย่อมไม่ดับไป? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ ในภังคขณะแห่งตัณหา ไม่เคย ดับไปแล้ว แต่สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ มัคคสัจของสัตว์ เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งอยู่ในชั้นสุทธาวาส ในเมื่อทุติยจิตเป็นไปอยู่ ของสัตว์ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ ในเมื่ออุปปาทขณะแห่งตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไปอยู่ ของอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ไม่เคยดับไปแล้ว และสมุทยสัจก็ย่อมไม่ดับไป. [๙๕๖] ทุกขสัจของสัตว์ใดย่อมดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้นจักดับไปหรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค ของพระอรหันต์ทั้งหลาย ใน ภังคขณะแห่งจิต สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งจิตนั้นย่อมดับไป แต่สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นจักดับไปก็หาไม่ ทุกขสัจของ สัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลังจุติอยู่ นอกนี้ ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ย่อมดับไป และ สมุทยสัจก็จักดับไป. หรือว่า สมุทยสัจของสัตว์ใดจักดับไป ทุกขสัจของสัตว์นั้นย่อมดับไป? สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ใน ปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ จักดับไป แต่ทุกขสัจของสัตว์ เหล่านั้นย่อมดับไปก็หาไม่ สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลังจุติอยู่ทั้งหมด ในภังคขณะแห่ง จิต ในปวัตติกาล จักดับไป และทุกขสัจก็ย่อมดับไป. [๙๕๗] ทุกขสัจของสัตว์ใดย่อมดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้นจักดับไปหรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค ของพระอรหันต์ทั้งหลาย ใน ภังคขณะแห่งจิต และของปุถุชนซึ่งจะไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรคที่กำลังจุติอยู่ ในภังคขณะแห่งจิต ใน ปวัตติกาล ย่อมไม่ดับไป แต่มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นจักดับไปก็หาไม่ สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะ ซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งจิตนั้น และของ สัตว์เหล่าอื่นที่จักได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลังจุติอยู่ ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ย่อมดับไป และมัคคสัจก็จักดับไป. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใดจักดับไป ทุกขสัจของสัตว์นั้นย่อมดับไป? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่ง อรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และของสัตว์ เหล่าอื่น ซึ่งจักได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ใน ในภังคขณะแห่งมรรคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ จักดับไป แต่ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ย่อม ดับไปก็หาไม่ สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด มัคคสัจของสัตว์ เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งจิตนั้น และของสัตว์เหล่าอื่นซึ่งจักได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลังจุติอยู่ ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล จักดับไป และทุกขสัจก็ย่อมดับไป. [๙๕๘] สมุทยสัจของสัตว์ใดย่อมดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้นจักดับไปหรือ? ปุถุชนเหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งมรรค สมุทยสัจของปุถุชนเหล่านั้น และของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งตัณหา ย่อมดับไป แต่มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น จักดับไปก็หาไม่ สมุทยสัจ ของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งจักได้เฉพาะซึ่งมรรคของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งตัณหา ย่อมดับไป และมัคคสัจก็จักดับไป. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใดจักดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้นย่อมดับไป? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่ง อรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และของสัตว์ เหล่าอื่น ซึ่งจักได้เฉพาะซึ่งมรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไป อยู่ ของผู้เข้านิโรธ ของอสัญญสัตว์ทั้งหลาย จักดับไป แต่สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้น ย่อม ดับไปก็หาไม่ สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งมรรค มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่ง ตัณหา จักดับไป และสมุทยสัจก็ย่อมดับไป. [๙๕๙] ทุกขสัจในภูมิใดย่อมดับไป ฯลฯ. [๙๖๐] ทุกขสัจของสัตว์ใดในภูมิใด ย่อมดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น จักดับไปหรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค ของพระอรหันต์ ทั้งหลาย ในภังคขณะแห่งจิต สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของ สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งจิตนั้น ของสัตว์ที่กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ ย่อมดับไป แต่ สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น จักดับไปก็หาไม่ ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลังจุติอยู่ จากจตุโวการภูมิ จากปัญจโวการภูมิ นอกนี้ ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ย่อมดับไป และสมุทยสัจก็จักดับไป. หรือว่า สมุทยสัจของสัตว์ใดในภูมิใด จักดับไป ทุกขสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น ย่อมดับไป? สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งกำลังเข้าถึงจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ ใน อุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งมรรคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ จักดับไป แต่ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ย่อมดับไปก็หาไม่ สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งกำลังจุติจากจตุโวการภูมิ จากปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล จักดับไป และทุกขสัจก็ย่อมดับไป. [๙๖๑] ทุกขสัจของสัตว์ใดในภูมิใด ย่อมดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น จักดับไปหรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค และของพระอรหันต์ ทั้งหลาย ในภังคขณะแห่งจิต และปุถุชนเหล่านั้น ซึ่งจักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลังจุติอยู่ ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล จากอบายภูมิ จากอสัญญสัตตภูมิ ย่อมดับไป แต่มัคคสัจ ของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น จักดับไปก็หาไม่ ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในภังคขณะ- *แห่งมรรค ในปัญจโวการภูมิ และสัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งจิตนั้น และของสัตว์เหล่าอื่น ซึ่งจักได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่ กำลังจุติอยู่ ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ย่อมดับไป และมัคคสัจก็จักดับไป. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใดในภูมิใด จักดับไป ทุกขสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น ย่อมดับไป? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่ง อรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และของสัตว์ เหล่าอื่น ซึ่งจักได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ใน ในภังคขณะแห่งมรรคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ จักดับไป แต่ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ย่อมดับไปก็หาไม่ มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งมรรค ในปัญจโวการภูมิ สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่ง จิตนั้น และของสัตว์เหล่าอื่นซึ่งจักได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลังจุติอยู่ ในภังคขณะแห่งจิต ใน ปวัตติกาล จักดับไป และทุกขสัจก็ย่อมดับไป. [๙๖๒] สมุทยสัจของสัตว์ใดในภูมิใด ย่อมดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น จักดับไปหรือ? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งเป็นอาปายิกสัตว์ และของปุถุชน ซึ่งจักไม่ได้เฉพาะซึ่ง มรรค ในภังคขณะแห่งตัณหา ย่อมดับไป แต่มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น จักดับไปก็หาไม่ สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งจักได้เฉพาะซึ่งมรรค ในภังคขณะแห่งตัณหา ย่อม ดับไป และมัคคสัจก็จักดับไป. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใดในภูมิใดย่อมดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้นย่อม ดับไป? มัคคสัตว์ของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะ ซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และของสัตว์ เหล่าอื่น ซึ่งจักได้เฉพาะซึ่งมรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไป อยู่ จักดับไป แต่สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นย่อมดับไปก็หาไม่ สัตว์เหล่าใดจักได้ เฉพาะซึ่งมรรค มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งตัณหา จักดับไป และ สมุทยสัจก็ย่อมดับไป. [๙๖๓] ทุกขสัจของสัตว์ใดย่อมไม่ดับไป สมุทยสัจจักไม่ดับไปหรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ใน ปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งมรรคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ ย่อมไม่ดับไป แต่สมุทยสัจของสัตว์ เหล่านั้นจักดับไปก็หาไม่ ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค ของพระ- *อรหันต์ทั้งหลาย ในอุปปาทขณะแห่งจิต สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่ง จิตใด ของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ในภังคขณะแห่งมรรคจิตและผลจิต ใน อรูปภูมิ ย่อมไม่ดับไป และสมุทยสัจก็จักไม่ดับไป. หรือว่า สมุทยสัจของสัตว์ใดจักไม่ดับไป ทุกขสัจของสัตว์นั้นย่อมไม่ดับไป? สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค ของพระอรหันต์ทั้งหลาย ในภังคขณะแห่งจิต สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งจิตนั้น จักไม่ดับไป แต่ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ สมุทยสัจ ของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค ของพระอรหันต์ทั้งหลาย ในอุปปาทขณะ แห่งจิต สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ในภังคขณะแห่งมรรคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ จักไม่ดับไป และ ทุกขสัจก็ย่อมไม่ดับไป. [๙๖๔] ทุกขสัจของสัตว์ใดย่อมไม่ดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้น จักไม่ดับไปหรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค สัตว์ทั้งหลายจักได้เฉพาะ ซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และของ สัตว์เหล่าอื่น ซึ่งจักได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งมรรคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ ย่อมดับไป แต่มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นจักไม่ ดับไปก็หาไม่ ทุกขสัตว์ของสัตว์เหล่านั้น คือ ของพระอรหันต์ทั้งหลาย ในอุปปาทขณะแห่งจิต และปุถุชนซึ่งจักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งมรรคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ ย่อมไม่ดับไป และมัคคสัจก็จักไม่ดับไป. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใดจักไม่ดับไป ทุกขสัจของสัตว์นั้น ย่อมไม่ดับไป? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค ของพระอรหันต์ทั้งหลาย ใน ภังคขณะแห่งจิต และปุถุชนเหล่านั้น ซึ่งจักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรคที่กำลังจุติอยู่ ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล จักไม่ดับไป แต่ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ มัคคสัจของ พระอรหันต์ทั้งหลาย ในอุปปาทขณะแห่งจิต และของปุถุชนเหล่านั้น ซึ่งจักไม่ได้เฉพาะซึ่ง มรรค ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งมรรคจิตและ ผลจิต ในอรูปภูมิ จักไม่ดับไป และทุกขสัจก็ย่อมไม่ดับไป. [๙๖๕] สมุทยสัจของสัตว์ใดย่อมไม่ดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้น จักไม่ดับไปหรือ? สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่ง อรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นและของสัตว์ เหล่าอื่น ซึ่งจักได้เฉพาะซึ่งมรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไป อยู่ ของผู้ที่เข้านิโรธ ของอสัญญสัตว์ ย่อมไม่ดับไป แต่มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นจักไม่ดับไป ก็หาไม่ สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค ของพระอรหันต์ทั้งหลาย และของปุถุชน ที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิต เป็นไปอยู่ ของผู้ซึ่งเข้านิโรธ ของอสัญญสัตว์ ย่อมไม่ดับไป และมัคคสัจก็จักไม่ดับไป. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใดจักไม่ดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้นย่อมไม่ดับไป? ปุถุชนเหล่าใด จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค มัคคสัจของปุถุชนเหล่านั้น ในภังคขณะแห่ง ตัณหา จักไม่ดับไป แต่สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้น ย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ มัคคสัจของสัตว์ เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค ของพระอรหันต์ทั้งหลาย และของปุถุชนซึ่งจักไม่ได้ เฉพาะซึ่งมรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไปอยู่ ของผู้ที่เข้านิโรธ ของอสัญญสัตว์ จักไม่ดับไป และสมุทยสัจก็ย่อมไม่ดับไป. [๙๖๖] ทุกขสัจในภูมิใดย่อมไม่ดับไป ฯลฯ. [๙๖๗] ทุกขสัจของสัตว์ใดในภูมิใด ย่อมไม่ดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้นใน ภูมินั้นจักไม่ดับไปหรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งกำลังเข้าถึงจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ ใน อุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งมรรคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ ย่อมไม่ดับ ไป แต่สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นจักไม่ดับไปก็หาไม่ ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค ของพระอรหันต์ทั้งหลาย ในอุปปาทขณะแห่งจิต สัตว์เหล่าใด จักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ในภังคขณะแห่งมรรคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ ของสัตว์ซึ่งกำลังเข้าถึงอสัญญสัตตภูมิ ย่อม ไม่ดับไป และสมุทยสัจก็จักไม่ดับไป. หรือว่า สมุทยสัจของสัตว์ใดในภูมิใด จักไม่ดับไป ทุกขสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น ย่อมไม่ดับไป? สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค ของพระอรหันต์ ทั้งหลาย ในภังคขณะแห่งจิต สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของ สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งจิตนั้น ของสัตว์ซึ่งกำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ จักไม่ดับไป แต่ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค ของพระอรหันต์ทั้งหลาย ในอุปปาทขณะแห่งจิต สัตว์เหล่าใด จักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ในภังคขณะแห่งมรรคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ ของสัตว์ซึ่งกำลังเข้าถึงอสัญญสัตตภูมิ จักไม่ ดับไป และทุกขสัจก็ย่อมไม่ดับไป. [๙๖๘] ทุกขสัจของสัตว์ใดในภูมิใด ย่อมไม่ดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค ในปัญจโวการภูมิ สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะ แห่งจิตนั้น และของสัตว์เหล่าอื่นซึ่งจักได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ในอุปปาทขณะ แห่งจิต ในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งมรรคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ ย่อมไม่ดับไป แต่มัคคสัจ ของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นจักไม่ดับไปก็หาไม่ ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งเป็น พระอรหันต์ ในอุปปาทขณะแห่งจิต และของปุถุชนซึ่งจักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรคที่เกิดขึ้นอยู่ใน อุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งมรรคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ ของสัตว์ ซึ่งกำลังเข้าถึงอบายภูมิ อสัญญสัตตภูมิ ย่อมไม่ดับไป และมัคคสัจก็จักไม่ดับไป. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใดในภูมิใด จักไม่ดับไป ทุกขสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น ย่อมไม่ดับไป? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค ของพระอรหันต์ ทั้งหลาย ในภังคขณะแห่งจิต และของปุถุชนเหล่านั้นซึ่งจักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลังจุติอยู่ใน ภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ของสัตว์ซึ่งกำลังจุติจากอบายภูมิ อสัญญสัตตภูมิ จักไม่ดับไป แต่ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งเป็นพระอรหันต์ในอุปปาทขณะแห่งจิต และของปุถุชนเหล่านั้น ซึ่งจักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในภังคขณะมรรคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ ของสัตว์ซึ่งกำลังเข้าถึงอบายภูมิ อสัญญสัตตภูมิ จักไม่ดับไป และทุกขสัจก็ย่อมไม่ดับไป. [๙๖๙] สมุทยสัจของสัตว์ใดในภูมิใด ย่อมไม่ดับไป มัคคสัจของสัตว์นั้นในภูมิ นั้นจักไม่ดับไปหรือ? สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค สัตว์เหล่าใด จักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้นในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และ ของสัตว์เหล่าอื่นที่จักได้เฉพาะซึ่งมรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิต เป็นไปอยู่ ย่อมไม่ดับไป แต่มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ สมุทยสัจ ของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค และของพระอรหันต์ทั้งหลาย และของ ปุถุชนที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไปอยู่ และของอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ย่อมไม่ดับไป และมัคคสัจก็จักไม่ดับไป. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใดในภูมิใด จักไม่ดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น ย่อมไม่ดับไป? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งเป็นอาปายิกสัตว์ ซึ่งเป็นปุถุชนที่จักไม่ได้ เฉพาะซึ่งมรรค ในภังคขณะแห่งตัณหา จักไม่ดับไป แต่สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค และ ของพระอรหันต์ทั้งหลาย และของปุถุชนที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไปอยู่ และของอสัญญสัตว์ทั้งหลาย จักไม่ดับไป และสมุทยสัจ ก็ย่อมไม่ดับไป. [๙๗๐] ทุกขสัจของสัตว์ใด เคยดับไปแล้ว สมุทยสัจของสัตว์นั้น จักดับไปหรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งมีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค ซึ่งเป็นพระอรหันต์ และสัตว์เหล่าใดที่จักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น เคยดับไปแล้ว แต่สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้น จักดับไปก็หาไม่ ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น นอกนี้ เคยดับไปแล้ว และสมุทยสัจก็จักดับไป. หรือว่า สมุทยสัจของสัตว์ใด ฯลฯ? ถูกแล้ว. [๙๗๑] ทุกขสัจของสัตว์ใด เคยดับไปแล้ว มัคคสัจของสัตว์นั้นจักดับไปหรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค และของพระอรหันต์ทั้งหลาย และของปุถุชนที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค เคยดับไปแล้ว แต่มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น จักดับไป ก็หาไม่ ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค และสัตว์เหล่าใดจักได้ เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น และของสัตว์เหล่าอื่นที่จักได้ เฉพาะซึ่งมรรค เคยดับไปแล้ว และมัคคสัจก็จักดับไป. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใด ฯลฯ? ถูกแล้ว. [๙๗๒] สมุทยสัจของสัตว์ใด เคยดับไปแล้ว มัคคสัจของสัตว์นั้นจักดับไปหรือ? สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค และของพระอรหันต์ทั้งหลาย และของปุถุชนที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค เคยดับไปแล้ว แต่มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น จักไม่ดับไป ก็หาไม่ สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค สัตว์เหล่าใดจักได้ เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น และของสัตว์เหล่าอื่นที่จักได้ เฉพาะซึ่งมรรค เคยดับไปแล้ว และมัคคสัจก็จักดับไป. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใด ฯลฯ? ถูกแล้ว. [๙๗๓] ทุกขสัจในภูมิใด เคยดับไปแล้ว ฯลฯ. [๙๗๔] ทุกขสัจของสัตว์ใดในภูมิใด เคยดับไปแล้ว สมุทยสัจของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักดับไปหรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค ที่เป็นพระ- *อรหันต์ สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น และ ของอสัญญสัตว์ เคยดับไปแล้ว แต่ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น จักดับไปก็หาไม่ ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งมีขันธ์ ๔ ขันธ์ ๕ นอกนี้ เคยดับไปแล้ว และสมุทยสัจ ก็จักดับไป. หรือว่า สมุทยสัจของสัตว์ใดในภูมิใด จักดับไป ทุกขสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น เคยดับไปแล้ว? สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งกำลังเข้าถึงชั้นสุทธาวาสจักดับไป แต่ทุกขสัจ ของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น เคยดับไปแล้วก็หาไม่ สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งมี ขันธ์ ๔ ขันธ์ ๕ นอกนี้ จักดับไป และทุกขสัจก็เคยดับไปแล้ว. [๙๗๕] ทุกขสัจของสัตว์ใดในภูมิใด เคยดับไปแล้ว มัคคสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค และของพระอรหันต์ ทั้งหลาย และของปุถุชน ซึ่งจักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค ของอาปายิกสัตว์ ของอสัญญสัตว์ เคยดับไปแล้ว แต่มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นจักดับไปก็หาไม่ ทุกขสัจของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับ แห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น และของสัตว์เหล่าอื่น ซึ่งจักได้เฉพาะซึ่งมรรค เคยดับไปแล้ว และมัคคสัจก็จักดับไป. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใดในภูมิใด จักดับไป ทุกขสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น เคยดับไปแล้ว? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งกำลังเข้าถึงชั้นสุทธาวาส จักดับไป แต่ทุกขสัจ ของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น เคยดับไปแล้วก็หาไม่ มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในอุปปาท- *ขณะแห่งอรหัตมรรค สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของสัตว์ เหล่านั้นและของสัตว์เหล่าอื่น ซึ่งจักได้เฉพาะซึ่งมรรค จักดับไป และทุกขสัจก็เคยดับไปแล้ว. [๙๗๖] สมุทยสัจของสัตว์ใดในภูมิใด เคยดับไปแล้ว มัคคสัจของสัตว์นั้น ในภูมินั้นจักดับไปหรือ? สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค และของพระอรหันต์ ทั้งหลาย และของปุถุชนที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค และของอาปายิกสัตว์ เคยดับไปแล้ว แต่ มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น จักดับไปก็หาไม่ สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ใน อุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ของ สัตว์เหล่านั้นและของสัตว์เหล่าอื่น ที่จักได้เฉพาะซึ่งมรรค เคยดับไปแล้ว และมัคคสัจก็จัก ดับไป. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใดในภูมิใด จักดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น เคยดับไปแล้ว? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งอยู่ในชั้นสุทธาวาส ในเมื่อทุติยจิตเป็นไปอยู่ จักดับไป แต่สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับไปแล้วก็หาไม่ มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับ แห่งจิตใด ของสัตว์เหล่านั้น และของสัตว์เหล่าอื่นที่จักได้เฉพาะซึ่งมรรค จักดับไป และ สมุทยสัจก็เคยดับไปแล้ว. [๙๗๗] ทุกขสัจของสัตว์ใด ไม่เคยดับไปแล้ว สมุทยสัจของสัตว์นั้น จักไม่ดับไป หรือ? ไม่มี. หรือว่า สมุทยสัจของสัตว์ใด จักไม่ดับไป ทุกขสัจของสัตว์นั้นไม่เคยดับไปแล้ว? เคยดับไปแล้ว. [๙๗๘] ทุกขสัจของสัตว์ใด ไม่เคยดับไปแล้ว มัคคสัจของสัตว์นั้น จักไม่ดับไป หรือ? ไม่มี. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใด จักไม่ดับไป ทุกขสัจของสัตว์นั้น ไม่เคยดับไปแล้ว? เคยดับไปแล้ว. [๙๗๙] สมุทยสัจของสัตว์ใด ไม่เคยดับไปแล้ว มัคคสัจของสัตว์นั้นจักไม่ดับไป หรือ? ไม่มี. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใด จักไม่ดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้น ไม่เคยดับไปแล้ว? เคยดับไปแล้ว. [๙๘๐] ทุกขสัจในภูมิใด ไม่เคยดับไปแล้ว ฯลฯ. [๙๘๑] ทุกขสัจของสัตว์ใดในภูมิใด ไม่เคยดับไปแล้ว สมุทยสัจของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? จักดับไป. หรือว่า สมุทยสัจของสัตว์ใดในภูมิใด จักไม่ดับไป ทุกขสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น ไม่เคยดับไปแล้ว? เคยดับไปแล้ว. [๙๘๒] ทุกขสัจของสัตว์ใดในภูมิใด ไม่เคยดับไปแล้ว มัคคสัจของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? จักดับไป. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใดในภูมิใด จักไม่ดับไป ทุกขสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น ไม่เคยดับไปแล้ว? เคยดับไปแล้ว. [๙๘๓] สมุทยสัจของสัตว์ใดในภูมิใด ไม่เคยดับไปแล้ว มัคคสัจของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? สมุทยสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งอยู่ในชั้นสุทธาวาส ในเมื่อทุติยจิตเป็นไปอยู่ ไม่เคยดับไปแล้ว แต่มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นจักไม่ดับไปก็หาไม่ สมุทยสัจของสัตว์ เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งเป็นอสัญญสัตว์ ไม่เคยดับไปแล้ว และมัคคสัจก็จักไม่ดับไป. หรือว่า มัคคสัจของสัตว์ใดในภูมิใด จักไม่ดับไป สมุทยสัจของสัตว์นั้นในภูมินั้น ไม่เคยดับไปแล้ว? มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งอรหันตมรรค และของพระอรหันต์ ทั้งหลาย และของปุถุชนซึ่งจักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค ของอาปายิกสัตว์จักไม่ดับไป แต่สมุทยสัจ ของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ไม่เคยดับไปแล้วก็หาไม่ มัคคสัจของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งเป็น อสัญญสัตว์ จักไม่ดับไป และสมุทยสัจก็ไม่เคยดับไปแล้ว.
นิโรธวาร จบ.

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๘ บรรทัดที่ ๘๑๕๓-๘๗๓๙ หน้าที่ ๓๒๖-๓๔๙. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=38&A=8153&Z=8739&pagebreak=0 http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=38&A=8153&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3], [4], [5], [6], [7], [8], [9]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=38&siri=25              ศึกษาอรรถกถาได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=38&i=919              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=38&A=6261              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=38&A=6261              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๘ http://84000.org/tipitaka/read/?index_38

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]