ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔๑ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๘ มหาปัฏฐานปกรณ์ ภาค ๒ ปัจฉิมอนุโลมติกปัฏฐาน
สนิทัสสนสัปปฏิฆัตติกะ
ปฏิจจวาร
[๒๑๗๕] อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ เหตุปัจจัย คือ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม มหาภูตรูป ๑ อาศัยมหาภูตรูป ๒ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม จักขายตนะ รสายตนะ อาศัย โผฏฐัพพายตนะ อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิสทัสสนสัปปฏิฆธรรม รูปายตนะ อาศัยโผฏฐัพพายตนะ อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาโปธาตุ อินทรีย์รูป กวฬิงการาหาร อาศัยโผฏฐัพพายตนะ สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม รูปายตนะ อาโปธาตุ อินทรีย์รูป กวฬิงการาหาร อาศัยโผฏฐัพพายตนะ อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ มหาภูตรูป ๒ และอาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม มหาภูตรูป ๑ และอาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูป ๒ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็น อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรมจักขายตนะ รสายตนะ อาโปธาตุ อินทรีย์รูป กวฬิงการาหาร อาศัย โผฏฐัพพายตนะ สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม รูปายตนะ จักขายตนะ รสายตนะ อาศัยโผฏฐัพพายตนะ สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็น อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม รูปายตนะ จักขายตนะ รสายตนะ อาโปธาตุ อินทรีย์รูป กวฬิงการาหาร อาศัยโผฏฐัพพายตนะ [๒๑๗๖] อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ เพราะ เหตุปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๒ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูป ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทัยวัตถุ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ อินทรีย์รูป กวฬิงการาหาร อาศัยอาโปธาตุ สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ เพราะเหตุปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆ- *ธรรม อาศัยอาโปธาตุ รูปายตนะ อาศัยอาโปธาตุ อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ เพราะเหตุปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆ- *ธรรม อาศัยอาโปธาตุ จักขายตนะ รสายตนะ อาศัยอาโปธาตุ สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ เพราะเหตุปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสน- *สัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูป ที่เป็นสนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม และ อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏ- *ฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ รูปายตนะ อินทรีย์รูป กวฬิงการาหาร อาศัยอาโปธาตุ อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ เพราะเหตุปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสน- *อัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูป ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสน- *อัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัย อาโปธาตุ จักขายตนะ รสายตนะ อินทรีย์รูป กวฬิงการาหาร อาศัยอาโปธาตุ สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ รูปายตนะ จักขายตนะ รสายตนะ อาศัยอาโปธาตุ สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสน- *สัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และ อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ รูปายตนะ จักขายตนะ รสายตนะ อินทรีย์รูป กวฬิงการาหาร อาศัยอาโปธาตุ [๒๑๗๗] สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสน- *อัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ที่เป็นอนิทัสสน- *อัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ที่เป็นอนิทัสสน- *อัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็น สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย และอาโปธาตุ รูปายตนะ อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ที่เป็นอนิทัสสน- *อัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ที่เป็นอนิทัสสน- *อัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นอนิทัสสน- *สัปปฏิฆธรรม และอาโปธาตุ มหาภูตรูป ๑ อาศัยมหาภูตรูป ๒ และอาโปธาตุ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็น อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอาโปธาตุ จักขายตนะ รสายตนะ อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และ อาโปธาตุ อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ที่เป็นอนิทัสสน- *อัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ที่เป็นอนิทัสสน- *อัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็น อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอาโปธาตุ อินทรีย์รูป กวฬิงการาหาร อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ที่เป็นอนิทัสสน- *อัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็น สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสน- *สัปปฏิฆธรรม และอาโปธาตุ รูปายตนะ อินทรีย์รูป กวฬิงการาหาร อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูป ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอาโปธาตุ จักขายตนะ รสายตนะ อินทรีย์รูป กวฬิงการาหาร อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูป ทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอาโปธาตุ รูปายตนะ จักขายตนะ รสายตนะ อาศัย โผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนสัปปฏิฆ- *ธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูป ทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และ อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสน- *สัปปฏิฆธรรม และอาโปธาตุ รูปายตนะ จักขายตนะ รสายตนะ อินทรีย์รูป กวฬิงการาหาร อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ [๒๑๗๘] อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ อารัมมณปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทัยวัตถุ [๒๑๗๙] อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ อธิปติปัจจัย คือ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม มหาภูตรูป ๑ อาศัยมหาภูตรูป ๒ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสน- *สัปปฏิฆธรรม พึงจำแนกหัวข้อปัจจัย ๗ ด้วยเหตุนี้ ในอนิทัสสนสัปปฏิฆมูลกะ บทปลายไม่มี [๒๑๘๐] อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ อธิปติปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัย อาโปธาตุ พึงจำแนกหัวข้อปัจจัย ๗ ในอนิทัสสนอัปปฏิฆมูลกะ ด้วยเหตุนี้ บทปลายไม่มี [๒๑๘๑] สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสน- *อัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ที่เป็นอนิทัสสน- *อัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็น สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม และอาโปธาตุ
พึงจำแนกหัวข้อปัจจัยแม้ ๗ ด้วยเหตุนี้
[๒๑๘๒] อนิทัสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ อนันตรปัจจัย เพราะสมนันตรปัจจัย เหมือนกับอารัมมณปัจจัย [๒๑๘๓] อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ สหชาตปัจจัย คือ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม มหาภูตรูป ๑ อาศัยมหาภูตรูป ๒ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม จักขายตนะ รสายตนะ อาศัยโผฏฐัพพาย- *ตนะ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ พึงจำแนกหัวข้อปัจจัย ๗ ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม ด้วยเหตุนี้ [๒๑๘๔] สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ สหชาตปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูป ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย หทัยวัตถุ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป อุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโป- *ธาตุ อินทรีย์รูป กวฬิงการาหาร อาศัยอาโปธาตุ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัย อาโปธาตุ พึงกระทำหัวข้อปัจจัย ๗ ในอนิทัสสนอัปปฏิฆมูลกะ ด้วยเหตุนี้ [๒๑๘๕] สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสน- *อัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ที่เป็นอนิทัสสน- *อัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ที่เป็น อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และ อาโปธาตุ รูปายตนะ อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูปที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอาโปธาตุ
พึงแจกหัวข้อปัจจัย ๗ ด้วยเหตุนี้
[๒๑๘๖] อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ อัญญมัญญปัจจัย คือ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม มหาภูตรูป ๑ อาศัยมหาภูตรูป ๒ อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย คือ อาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย คือ มหาภูตรูป ๒ และอาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม มหาภูตรูป ๑ และอาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูป ๒ [๒๑๘๗] อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ อัญญมัญญปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และหทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายอาศัยหทัยวัตถุ อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญ ปัจจัย คือ มหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ [๒๑๘๘] อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสน- *อัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย คือ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอาโปธาตุ มหาภูตรูป ๑ อาศัยมหาภูตรูป ๒ และอาโปธาตุ [๒๑๘๙] อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ นิสสยเป็นปัจจัย เพราะ อุปนิสสยปัจจัย เพราะ ปุเรชาตปัจจัย เพราะ อาเสวนปัจจัย เพราะ กัมมปัจจัย เพราะ วิปากปัจจัย เพราะ อาหารปัจจัย เพราะ อินทริยปัจจัย เพราะ ฌานปัจจัย เพราะ มัคคปัจจัย เพราะ สัมปยุตตปัจจัย เพราะ วิปปยุตตปัจจัย เพราะ อัตถิปัจจัย เพราะ นัตถิปัจจัย เพราะ วิคตปัจจัย เพราะ อวิคตปัจจัย [๒๑๙๐] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๒๑ ในอารัมมณปัจจัย มี " ๑ ในอธิปติปัจจัย มี " ๒๑ ในอนันตรปัจจัย มี " ๑ ในสมนันตรปัจจัย มี " ๑ ในสหชาตปัจจัย มี " ๒๑ ในอัญญมัญญปัจจัย มี " ๖ ในนิสสยปัจจัย มีวาระ ๒๑ ในอุปนิสสยปัจจัย มี " ๑ ในปุเรชาตปัจจัย มี " ๑ ในอาเสวนปัจจัย มี " ๑ ในกัมมปัจจัย มี " ๒๑ ในวิปากปัจจัย ในอาหารปัจจัย มี " ๒๑ ในอินทริยปัจจัย มี " ๒๑ ในฌานปัจจัย ในมัคคปัจจัย มีวาระ ๒๑ ในสัมปยุตตปัจจัย มี " ๑ ในวิปปยุตตปัจจัย มี " ๒๑ ในอัตถิปัจจัย มี " ๒๑ ในนัตถิปัจจัย มี " ๑ ในวิคตปัจจัย มี " ๑ ในอวิคตปัจจัย มี " ๒๑
พึงนับอย่างนี้
อนุโลม จบ
[๒๑๙๑] อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่ เพราะเหตุปัจจัย คือ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม มหาภูตรูป ๑ อาศัยมหาภูตรูป ๒ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูปที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัย มหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม จักขายตนะ รสายตนะ อาศัยโผฏฐัพพายตนะ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นอนิทัสสน- *สัปปฏิฆธรรม มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๒ ในอนิทัสสนสัปปฏิฆมูลกะ พึงแจกหัวข้อปัจจัยแม้ ๗ ด้วยเหตุนี้ [๒๑๙๒] อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่ เพราะเหตุปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่ เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูป ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัย ขันธ์ ๑ ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายอาศัย หทัยวัตถุ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัย อาโปธาตุ อินทรีย์รูป กวฬิงการาหาร อาศัยอาโปธาตุ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆ- *ธรรม อาศัยอาโปธาตุ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ พึงแจกหัวข้อปัจจัย ๗ ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆมูลกะ ด้วยเหตุนี้ [๒๑๙๓] สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสน- *อัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะเหตุปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ที่เป็นอนิทัสสน- *อัปปฏิฆธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ และมหาภูตรูปทั้งหลาย ในอหตุกปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ที่เป็น อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และ อาโปธาตุ รูปายตนะ อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัย มหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอาโปธาตุ ผู้มีปัญญาพึงยังหัวข้อปัจจัย ๗ ให้พิสดารด้วยเหตุนี้ [๒๑๙๔] อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่ เพราะอารัมมณปัจจัย คือ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม มหาภูตรูป ๑ อาศัยมหาภูตรูป ๒ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม จักขายตนะ รสายตนะ อาศัยโผฏฐัพพาย- *ตนะ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐาน ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม มหาภูตรูป ๑ อาศัยมหาภูตรูป ๒ พึงยังหัวข้อปัจจัย ๗ ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆมูลกะให้พิสดารด้วยเหตุนี้ [๒๑๙๕] อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่ เพราะอารัมมณปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็น อุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ อินทรีย์รูป กวฬิงการาหาร อาศัย อาโปธาตุ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆ- *ธรรม อาศัยอาโปธาตุ พึงยังหัวข้อปัจจัยแม้ ๗ ในอนิทัสสนอัปปฏิฆมูลกะให้พิสดารด้วยเหตุนี้ [๒๑๙๖] สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสน- *อัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอารัมมณปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิธรรม อาศัยขันธ์ที่เป็นอนิทัสสน- *อัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ที่เป็น อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และ อาโปธาตุ รูปายตนะ อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆ- *ธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรมและอาโปธาตุ ในปัจจัยสงเคราะห์ พึงแจกหัวข้อปัจจัยทั้ง ๗ ด้วยเหตุนี้ [๒๑๙๗] อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่ เพราะอธิปติปัจจัย เหมือนกับ สหชาตปัจจัย ไม่ใช่เพราะอนันตรปัจจัย ไม่ใช่เพราะสมนันตรปัจจัย ไม่ใช่เพราะอัญญมัญญ- *ปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม จักขายตนะ รสายตนะ อาศัยโผฏฐัพพาย- *ตนะ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆ- *ธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย
พึงแจกหัวข้อปัจจัย ๒๑ ด้วยเหตุนี้
ไม่ใช่เพราะอุปนิสสยปัจจัย ไม่ใช่เพราะปุเรชาตปัจจัย ไม่ใช่เพราะปัจฉาชาต- *ปัจจัย ไม่ใช่เพราะอาเสวนปัจจัย ไม่ใช่เพราะกัมมปัจจัย คือ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม มหาภูตรูป ๑ อาศัยมหาภูตรูป ๒ อุปาทา รูปที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม พึงแจกกัมมปัจจัยแล้ว กระทำหัวข้อปัจจัย ๒๑ ด้วยที่ไม่ใช่กัมมปัจจัยนั่นเอง ไม่ใช่เพราะวิปากปัจจัย ปฏิสนธิก็ดี กฏัตตารูปก็ดี ไม่มี พึงกระทำในปัญจโวการภพ เท่านั้น ไม่ใช่เพราะอาหารปัจจัย คือ พาหิรรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ
พึงแจกหัวข้อปัจจัย ๒๑ ด้วยเหตุนี้
ไม่ใช่เพราะอินทริยปัจจัย คือ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย รูปชีวิตินทรีย์ อาศัย มหาภูตรูปทั้งหลาย ฯลฯ
พึงแจกหัวข้อปัจจัยทั้งปวง
ไม่ใช่เพราะฌานปัจจัย คือ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวก อสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ
พึงแจกหัวข้อปัจจัยทั้ง ๗
[๒๑๙๘] อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่ เพราะฌานปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยปัญจวิญญาณ ขันธ์ ๒ ฯลฯ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็น อุปาทารูป ที่เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ
พึงแจกหัวข้อปัจจัย ๗ ด้วยเหตุนี้
[๒๑๙๙] สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสน- *อัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะฌานปัจจัย คือ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวก อสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูต รูปทั้งหลายที่เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอาโปธาตุ
พึงแจกหัวข้อปัจจัยทั้ง ๗ อย่างนี้
ไม่ใช่เพราะมัคคปัจจัย เหมือนกับ ที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย พึงกระทำให้เต็ม โมหะ ไม่มี ไม่ใช่เพราะสัมปยุตตปัจจัย ไม่ใช่เพราะวิปปยุตตปัจจัย
พึงใส่ให้เต็ม
ไม่ใช่เพราะนัตถิปัจจัย ไม่ใช่เพราะวิคตปัจจัย [๒๒๐๐] ในปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีวาระ ๒๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย มี " ๒๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อธิปติปัจจัย มี " ๒๑ ฯลฯ ในปัจจัยทั้งปวง มี " ๒๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย มี " ๒๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย มี " ๒๑
พึงนับอย่างนี้
ปัจจนียะ จบ
[๒๒๐๑] ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัยมีวาระ ๒๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อธิปติปัจจัย กับ ฯลฯ มีวาระ ๒๑ ฯลฯ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปากปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๒๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๒๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๒๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย กับ ฯลฯ มีวาระ ๒๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๒๑
พึงนับอย่างนี้
อนุโลมปัจจนียะ จบ
[๒๒๐๒] ในอารัมมณปัจจัย กับปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีวาระ ๑ ในอนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑ ในสมนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑ ในสหชาตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๒๑ ฯลฯ ในฌานปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๒๑ ในมัคคปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๒๑ ในสัมปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑ ในวิปปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๒๑ ในอัตถิปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๒๑ ในนัตถิปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑ ในวิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑ ในอวิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๒๑
พึงนับอย่างนี้
ปัจจนียานุโลม จบ
ปฏิจจวาร จบ
สหชาตวารก็ดี ปัจจยวารก็ดี นิสสยวารก็ดี เหมือนกับปฏิจจวาร สังสัฏฐวารก็ดี สัมปยุตตวารก็ดี พึงกระทำในอรูปภูมิเท่านั้น

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๔๑ บรรทัดที่ ๑๔๙๑๑-๑๕๓๑๙ หน้าที่ ๖๓๒-๖๔๙. https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=41&A=14911&Z=15319&pagebreak=0 https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=41&A=14911&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3], [4], [5], [6]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=41&siri=48              ศึกษาอรรถกถาได้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=41&i=2175              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=41&A=11915              อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=55&A=12770              The Pali Tipitaka in Roman :- https://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=41&A=11915              The Pali Atthakatha in Roman :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=55&A=12770              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๑ https://84000.org/tipitaka/read/?index_41              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/patthana1.23/en/narada

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]