ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔๓ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๑๐ ปัฏฐานปกรณ์ ภาค ๔
ปัญหาวาร
[๖๕๖] สวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม โดยเหตุปัจจัย คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ สวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่อวิตักกธรรม โดยเหตุปัจจัย คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่วิตก และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
พึงกระทำมูล
เหตุทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายและวิตก และ จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่อวิตักกธรรม โดยเหตุปัจจัย คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป ทั้งหลาย โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ [๖๕๗] สวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม โดยอารัมมณปัจจัย คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม เกิดขึ้น.
พึงกระทำมูล
เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอวิตักกธรรมและวิตก เกิดขึ้น.
พึงกระทำมูล
เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรมและวิตก เกิดขึ้น. อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่อวิตักกธรรม โดยอารัมมณปัจจัย คือ พระอริยะทั้งหลายออกจากฌานที่เป็นอวิตักกธรรม แล้วพิจารณานที่เป็นอวิตักก- *ธรรม ออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรค ออกจากผลแล้วพิจารณาผล พิจารณานิพพาน นิพพาน เป็นปัจจัยแก่มรรคที่เป็นอวิตักกธรรม แก่ผล แก่วิตก โดยอารัมมณปัจจัย จักขุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอวิตักกธรรม และวิตก โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักขุเป็นต้นนั้น วิตก เกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นอวิตักกธรรม โดยเจโตปริยญาณ อากาสานัญจายตนะ ฯลฯ อากิญจัญญายตนะ ฯลฯ รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโตปริยญาณ แก่ บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมุปคญาณ แก่อนาคตังสญาณ แก่วิตก โดยอารัมมณปัจจัย เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอวิตักกธรรม และวิตก ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอวิตักกธรรม และวิตก เกิดขึ้น. อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม โดยอารัมมณปัจจัย คือ พระอริยะทั้งหลายออกจากฌาน ที่เป็นอวิตักกธรรม ฯลฯ ออกจากมรรค พิจารณา มรรค ออกจากผล พิจารณาผล พิจารณานิพพาน นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่โวทาน แก่มรรคที่เป็นสวิตักกธรรม แก่ผล แก่ อาวัชชนะ โดยอารัมมณปัจจัย จักขุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอวิตักกธรรม และ วิตก โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักขุเป็นต้น นั้น ราคะ เกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัสเกิดขึ้น เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอวิตักกธรรม และวิตก ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม เกิดขึ้น. อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม โดยอารัมมณปัจจัย คือ พระอริยะทั้งหลายออกจากฌานที่เป็นอวิตักกธรรม ฯลฯ ออกจากมรรค พิจารณา มรรค ออกจากผล พิจารณาผล พิจารณานิพพาน นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่โวทาน แก่มรรคที่เป็นสวิตักกธรรม แก่ผล แก่ อาวัชชนะ แก่วิตก โดยอารัมมณปัจจัย จักขุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอวิตักกธรรม และวิตก โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักขุเป็นต้นนั้น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตก เกิดขึ้น เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอวิตักกธรรม และวิตก ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตก เกิดขึ้น สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม โดยอารัมมณปัจจัย คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตก ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักก- *ธรรม เกิดขึ้น.
พึงกระทำมูล
เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตก ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอวิตักกธรรม และวิตก เกิดขึ้น.
พึงกระทำมูล
เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตก ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตก เกิดขึ้น. [๖๕๘] สวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ. ที่เป็นอารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรมให้เป็น อารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม เกิดขึ้น. ที่เป็นสหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่เป็นสวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ ทั้งหลาย โดยอธิปติปัจจัย. สวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่อวิตักกธรรม โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ. ที่เป็นอารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรมให้เป็นอารมณ์ อย่างหนักแน่น วิตก เกิดขึ้น. ที่เป็นสหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่เป็นสวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่วิตก และ จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยอธิปติปัจจัย. สวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ. ที่เป็นอารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรมให้เป็นอารมณ์ อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตก เกิดขึ้น. ที่เป็นสหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่เป็นสวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ ทั้งหลาย และวิตก และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยอธิปติปัจจัย. อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่อวิตักกธรรม โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ. ที่เป็นอารัมมณาธิปติ ได้แก่ พระอริยะทั้งหลายออกจากฌานที่เป็นอวิตักกธรรม ออก จากมรรค พิจารณามรรค ออกจากผล กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา กระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา นิพพาน เป็นปัจจัยแก่มรรคที่เป็นอวิตักกธรรม แก่ผล แก่วิตก โดยอธิปติปัจจัย จักขุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ บุคคลกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอวิตักกธรรม และวิตก ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักขุเป็นต้นนั้น ให้ เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น วิตก เกิดขึ้น. ที่เป็นสหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่เป็นอวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยอธิปติปัจจัย เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอวิตักกธรรม และวิตกให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น วิตก เกิดขึ้น. อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ พระอริยะทั้งหลายออกจากฌานที่เป็นอวิตักก- *ธรรม ฌาน ฯลฯ ออกจากมรรค มรรค ฯลฯ ออกจากผลกระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา กระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่โวทาน แก่มรรคที่เป็นสวิตักกธรรม แก่ผล โดย อธิปติปัจจัย จักขุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ บุคคลกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอวิตักกธรรม และวิตกให้เป็น อารมณ์อย่างหนักแน่น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักขุเป็นต้นนั้นให้เป็น อารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะ เกิดขึ้น ทิฏฐิ เกิดขึ้น เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอวิตักกธรรม และวิตก ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม เกิดขึ้น. อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ พระอริยะทั้งหลายออกจากฌานที่เป็นอวิตักก- *ธรรม ฯลฯ ออกจากผล พิจารณาผล พิจารณานิพพาน นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่โวทาน แก่มรรคที่เป็นสวิตักกธรรม แก่ผล และ แก่วิตก โดยอธิปติปัจจัย จักขุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ บุคคลกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอวิตักกธรรม และวิตกให้ เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักขุเป็นต้นนั้น ให้เป็น อารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะ เกิดขึ้น ทิฏฐิ เกิดขึ้น เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอวิตักกธรรม และวิตกให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตก เกิดขึ้น. สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตกให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม เกิดขึ้น.
พึงกระทำมูล
เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตกให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น วิตก เกิดขึ้น.
พึงกระทำมูล
เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตกให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตกเกิดขึ้น. [๖๕๙] สวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น สวิตักกธรรม ที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย. สวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่อวิตักกธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่อวิตักกธรรม ที่เกิด หลังๆ โดยอนันตรปัจจัย จุติจิต ที่เป็นสวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่เป็นอวิตักกธรรม โดยอนันตรปัจจัย อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ปัญจวิญญาณ โดยอนันตรปัจจัย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ที่เป็นอวิตักกธรรม โดย อนันตรปัจจัย บริกรรมแห่งทุติยฌาน เป็นปัจจัยแก่ทุติยฌาน โดยอนันตรปัจจัย บริกรรมแห่งตติยฌาน ฯลฯ บริกรรมแห่งเนวสัญญานาสัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ บริกรรม แห่งทิพพจักขุ ฯลฯ บริกรรมแห่งทิพพโสตธาตุ ฯลฯ บริกรรมแห่งอิทธิวิธญาณ ฯลฯ แห่ง เจโตปริยญาณ ฯลฯ แห่งบุพเพนิวาสานุสสติญาณ ฯลฯ บริกรรมแห่งยถากัมมุปคญาณ เป็น ปัจจัยแก่ยถากัมมุปคญาณ บริกรรมแห่งอนาคตังสญาณ เป็นปัจจัยแก่อนาคตังสญาณ โดยอนันตรปัจจัย โคตรภู เป็นปัจจัยแก่มรรคที่เป็นอวิตักกธรรม โวทาน เป็นปัจจัยแก่มรรคที่เป็นอวิตักก- *ธรรม อนุโลมเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ที่เป็นอวิตักกธรรม โดยอนันตรปัจจัย. สวิตักกธรรมเป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น สวิตักกธรรม ที่เกิดหลังๆ และวิตก โดยอนันตรปัจจัย. อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่อวิตักกธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ วิตกที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่วิตก ที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย ขันธ์ ทั้งหลายที่เป็นอวิตักกธรรม ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอวิตักกธรรม ที่เกิด หลังๆ โดยอนันตรปัจจัย มรรคที่เป็นอวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่ผลที่เป็นอวิตักกธรรม ผลที่ เป็นอวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่ผลที่เป็นอวิตักกธรรม เนวสัญญานาสัญญายตนะของผู้ออกจาก นิโรธ เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ที่เป็นอวิตักกธรรม โดยอนันตรปัจจัย. อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอวิตักกธรรม ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น สวิตักกธรรม ที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย จุติจิตที่เป็นอวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่ อุปัตติจิต ที่เป็นสวิตักกธรรม ภวังค์ที่เป็นอวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็นสวิตักกธรรม โดยอนันตรปัจจัย. อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ วิตก ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม ที่เกิดหลังๆ และวิตก โดยอนันตรปัจจัย. สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม ที่เกิดก่อนๆ และวิตก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม ที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย. สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่อวิตักกธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม ที่เกิดก่อนๆ และวิตก เป็นปัจจัยแก่วิตก ที่เกิด หลังๆ โดยอนันตรปัจจัย จุติจิตที่เป็นสวิตักกธรรมและวิตก เป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่เป็น อวิตักกธรรม อาวัชชนะ และวิตก เป็นปัจจัยแก่ปัญจวิญญาณ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตก เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็นอวิตักกธรรม โดยอนันตรปัจจัย บริกรรมแห่งทุติยฌาน และวิตก ฯลฯ ข้อความที่เขียนไว้ข้างต้น พึงเห็นโดยเหตุนี้. อนุโลมและวิตก เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติที่เป็นอวิตักกธรรม โดยอนันตรปัจจัย. สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม โดย อนันตรปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม ที่เกิดก่อนๆ และวิตก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม ที่เกิดหลังๆ และวิตก โดยอนันตรปัจจัย. ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยสมนันตรปัจจัย ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยสหชาตปัจจัย มี ๙ นัย ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ นัย ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยนิสสยปัจจัย มี ๙ นัย. [๖๖๐] สวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็นปกตูปนิสสยะ ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย.
พึงกระทำมูล
ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอวิตักกธรรม และวิตก โดยอุปนิสสยปัจจัย.
พึงกระทำมูล
ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตก โดยอุปนิสสยปัจจัย. อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่อวิตักกธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็นปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นอวิตักกธรรม แล้ว ยังฌานที่เป็นอวิตักกธรรมให้เกิดขึ้น ยังมรรคให้เกิดขึ้น ยังอภิญญาให้เกิดขึ้น ยังสมาบัติให้ เกิดขึ้น บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นอวิตักกธรรม ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย ฤดู โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ วิตกแล้ว ยังฌานที่เป็นอวิตักกธรรม ฯลฯ มรรค ฯลฯ อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิด ศรัทธาที่เป็นอวิตักกธรรม ฯลฯ เสนาสนะ และวิตก เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็น อวิตักกธรรม ฯลฯ แก่ปัญญา แก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย แก่มรรคที่เป็นอวิตักกธรรม แก่ผลสมาบัติ โดยอุปนิสสยปัจจัย. อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย. พึงทำอุปนิสสยปัจจัย ทั้ง ๓ นัย ในที่ทั้งปวง. บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นอวิตักกธรรม แล้วให้ทาน สมาทานศีล ทำอุโบสถกรรม ยังฌานที่เป็นสวิตักกธรรม ฯลฯ วิปัสสนา มรรค อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ ถือทิฏฐิ บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นอวิตักกธรรม ฯลฯ เสนาสนะ วิตก แล้วให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์ ศรัทธาที่เป็นอวิตักกธรรม ฯลฯ เสนาสนะ และวิตก เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็น สวิตักกธรรม ฯลฯ แก่ปัญญา แก่ราคะ แก่ความปรารถนา แก่มรรคที่เป็นสวิตักกธรรม แก่ ผลสมาบัติ โดยอุปนิสสยปัจจัย. อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม และแก่อวิตักกธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย คือ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาที่เป็นอวิตักกธรรม แล้วให้ทาน ฯลฯ ในทุติยวาร พึง ทำบทที่เขียนไว้ทั้งหมด. ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ ถือทิฏฐิ บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ เสนาสนะ วิตก แล้วให้ทาน ฯลฯ ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์ ศรัทธาที่เป็นอวิตักกธรรม ฯลฯ เสนาสนะ และวิตก เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็น สวิตักกธรรม ฯลฯ แก่ปัญญา แก่ราคะ แก่ความปรารถนา แก่มรรคที่เป็นสวิตักกธรรม แก่ ผลสมาบัติ และแก่วิตก โดยอุปนิสสยปัจจัย. สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น สวิตักกธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย.
พึงกระทำมูล
ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอวิตักกธรรม และวิตก โดยอุปนิสสยปัจจัย.
พึงกระทำมูล
ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตก โดยอุปนิสสยปัจจัย. [๖๖๑] อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่อวิตักกธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาต วัตถุปุเรชาต. ที่เป็นอารัมมณปุเรชาต ได้แก่ จักขุ ฯลฯ บุคคลพิจารณาเห็นหทัยวัตถุ โดยความ เป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภความยินดีนั้น วิตก เกิดขึ้น ด้วยทิพพจักขุ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ. ที่เป็นวัตถุปุเรชาต ได้แก่ จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ กายายตนะ ฯลฯ หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอวิตักกธรรม และวิตก โดยปุเรชาตปัจจัย. อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย. มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาต วัตถุปุเรชาต. ที่เป็นอารัมมณปุเรชาต ได้แก่ จักขุ ฯลฯ บุคคลพิจารณาเห็นหทัยวัตถุ โดยความ เป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักขุเป็นต้นนั้น ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสวิตักกธรรม เกิดขึ้น. ที่เป็นวัตถุปุเรชาต ได้แก่ หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย. อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาต วัตถุปุเรชาต. ที่เป็นอารัมมณปุเรชาต ได้แก่ จักขุ ฯลฯ บุคคลพิจารณาเห็นหทัยวัตถุ โดยความเป็น ของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักขุเป็นต้นนั้น ขันธ์ทั้งหลายที่ เป็นสวิตักกธรรม และวิตก เกิดขึ้น. ที่เป็นวัตถุปุเรชาต ได้แก่ หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตก โดยปุเรชาตปัจจัย. [๖๖๒] สวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่อวิตักกธรรม โดยปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ นัย เป็นปัจฉาชาตปัจจัย. ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยอาเสวนปัจจัย มี ๙ นัย. [๖๖๓] สวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม โดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต นานาขณิก. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ เจตนาที่เป็นสวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย โดยกัมมปัจจัย. ที่เป็นนานาขณิก ได้แก่ เจตนาที่เป็นสวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ทั้งหลายที่ เป็นสวิตักกธรรม โดยกัมมปัจจัย. โดยนัยนี้ พึงกระทำหัวข้อปัจจัย ๔ ทั้งสหชาต และนานาขณิก. ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยวิปากปัจจัย มี ๙ นัย ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยอาหารปัจจัย มี ๔ นัย ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยอินทริยปัจจัย มี ๔ นัย ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยฌานปัจจัย มี ๙ นัย ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยมัคคปัจจัย มี ๙ นัย ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ นัย. [๖๖๔] สวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปัจฉาชาต. อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่อวิตักกธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต ปัจฉาชาต. อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต. อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่วิตก และสัมปยุตต- *ขันธ์ทั้งหลาย โดยวิปปยุตตปัจจัย. ที่เป็นปุเรชาต ได้แก่ หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่วิตก และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย โดย วิปปยุตตปัจจัย. สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่อวิตักกธรรม โดยวิปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปัจฉาชาต ฯลฯ. [๖๖๕] สวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๑ นัย เหมือน กับปฏิจจวาร. สวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่อวิตักกธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปัจฉาชาต ฯลฯ. สวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม โดยอัตถิปัจจัย เหมือน กับปฏิจจวาร. อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่อวิตักกธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต ปัจฉาชาต อาหาร อินทรีย์ ฯลฯ. อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต ฯลฯ. อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ วิตกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยอัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ วิตก เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และกฏัตตารูปทั้งหลาย โดย อัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่วิตก และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย โดย อัตถิปัจจัย ที่เป็นปุเรชาต ได้แก่ จักขุ ฯลฯ บุคคลพิจารณาเห็นหทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่ เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักขุเป็นต้นนั้น วิตก และสัมปยุตต- *ขันธ์ทั้งหลาย เกิดขึ้น หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่วิตก และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย โดย อัตถิปัจจัย. สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ ๒ ฯลฯ. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสวิตักกธรรม และหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ แม้สหชาต ก็พึงกระทำเป็น ๒ นัย. สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่อวิตักกธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต ปัจฉาชาต อาหาร อินทรีย์. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตก เป็นปัจจัยแก่ จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยอัตถิปัจจัย. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม และหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ วิตก โดยอัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ มี ๓ นัย. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายเป็นสวิตักกธรรม และวิตก เป็นปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน โดยอัตถิปัจจัย. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตก และกวฬิงการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายนี้ โดยอัตถิปัจจัย. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตก และรูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย โดยอัตถิปัจจัย. สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม โดย อัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสวิตักกธรรม และวิตก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ ๒ ฯลฯ. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่เป็นสวิตักกธรรม และหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และวิตก โดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ ๒ ฯลฯ แม้ในปฏิสนธิมี ๒ นัย. ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยนัตถิปัจจัย ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยวิคตปัจจัย ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยอวิคตปัจจัย. [๖๖๖] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๔ ในอารัมมณปัจจัย มี " ๙ ในอธิปติปัจจัย มี " ๙ ในอนันตรปัจจัย มี " ๙ ในสมนันตรปัจจัย มี " ๙ ในสหชาตปัจจัย มี " ๙ ในอัญญมัญญปัจจัย มี " ๙ ในนิสสยปัจจัย มี " ๙ ในอุปนิสสยปัจจัย มี " ๙ ในปุเรชาตปัจจัย มี " ๓ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี " ๓ ในอาเสวนปัจจัย มี " ๙ ในกัมมปัจจัย มี " ๔ ในวิปากปัจจัย มี " ๙ ในอาหารปัจจัย มี " ๔ ในอินทริยปัจจัย มี " ๔ ในฌานปัจจัย มี " ๙ ในมัคคปัจจัย มี " ๙ ในสัมปยุตตปัจจัย มี " ๖ ในวิปปยุตตปัจจัย มี " ๕ ในอัตถิปัจจัย มี " ๙ ในนัตถิปัจจัย มี " ๙ ในวิคตปัจจัย มี " ๙ ในอวิคตปัจจัย มี " ๙. [๖๖๗] สวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัยโดย สหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยกัมมปัจจัย. สวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่อวิตักกธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสหชาต- *ปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยกัมมปัจจัย. สวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็น ปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยกัมมปัจจัย. อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่อวิตักกธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสหชาต ปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาต- *ปัจจัย เป็นปัจจัยโดยกัมมปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอินทริยปัจจัย. อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสหชาต- *ปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย. อวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็น ปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย. สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็น ปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย. สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่อวิตักกธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็น ปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย. สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม เป็นปัจจัยแก่สวิตักกธรรม และอวิตักกธรรม โดย อารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย. [๖๖๘] ในปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีวาระ ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย มี " ๙ ในปัจจัยทั้งปวง มี " ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อวิคตปัจจัย มี " ๙. [๖๖๙] ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มีวาระ ๔ ฯลฯ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สมนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๔ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อัญญมัญญปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๒ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อุปนิสสยปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๔ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๒ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๔ ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๔ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๔. [๖๗๐] ในอารัมมณปัจจัย กับปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีวาระ ๙ ในอธิปติปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๙.
อนุโลมมาติกาพึงให้พิสดาร.
ในอวิคตปัจจัย กับปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มี " ๙
สวิตักกทุกะ จบ

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๔๓ บรรทัดที่ ๑๐๘๐๘-๑๑๑๙๘ หน้าที่ ๔๒๓-๔๓๘. https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=43&A=10808&Z=11198&pagebreak=0 https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=43&A=10808&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3], [4], [5], [6]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=43&siri=89              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=43&A=7893              The Pali Tipitaka in Roman :- https://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=43&A=7893              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๓ https://84000.org/tipitaka/read/?index_43

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]