คำถามและคำตอบในอารามวรรค ที่ ๖
[๕๙๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้รู้อยู่ไม่บอกกล่าวก่อน แล้วเข้าไปสู่อารามซึ่งมีภิกษุ
ณ ที่ไหน?
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
ถ. ทรงปรารภใคร?
ต. ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป.
ถ. เพราะเรื่องอะไร?
ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปไม่บอกกล่าวก่อนแล้วเข้าไปสู่อาราม.
มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๒ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วย
สมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนธุรนิกเขปสิกขาบท).
[๕๙๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้ด่าบริภาษภิกษุ ณ ที่ไหน?
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครเวสาลี.
ถ. ทรงปรารภใคร?
ต. ทรงปรารภภิกษุณีฉัพพัคคีย์.
ถ. เพราะเรื่องอะไร?
ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีฉัพพัคคีย์ด่าท่านพระอุบาลี.
มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓.
[๕๙๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้แค้นเคืองบริภาษคณะ ณ ที่ไหน?
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
ถ. ทรงปรารภใคร?
ต. ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา.
ถ. เพราะเรื่องอะไร?
ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาแค้นเคืองบริภาษคณะ.
มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓.
[๕๙๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้อันทายกนิมนต์แล้วห้ามภัตรแล้ว ฉันของเคี้ยวก็ดี ของ
ฉันก็ดี ณ ที่ไหน?
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
ถ. ทรงปรารภใคร?
ต. ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป.
ถ. เพราะเรื่องอะไร?
ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปฉันแล้ว ห้ามภัตรแล้ว ไปฉัน ณ แห่งอื่น.
มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔.
[๕๙๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้หวงตระกูล ณ ที่ไหน?
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
ถ. ทรงปรารภใคร?
ต. ทรงปรารภภิกษุณีรูปหนึ่ง.
ถ. เพราะเรื่องอะไร?
ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีรูปหนึ่งหวงตระกูล.
มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓.
[๕๙๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้จำพรรษาในอาวาสที่ไม่มีภิกษุ ณ ที่ไหน?
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
ถ. ทรงปรารภใคร?
ต. ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป.
ถ. เพราะเรื่องอะไร?
ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปจำพรรษาในอาวาสที่ไม่มีภิกษุ.
มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒
(เหมือนเอฬกโลมสิกขาบท).
[๕๙๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้จำพรรษาแล้วไม่ปวารณาในสงฆ์ ๒ ฝ่าย ด้วย ๓ สถาน
ณ ที่ไหน?
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
ถ. ทรงปรารภใคร?
ต. ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป.
ถ. เพราะเรื่องอะไร?
ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปจำพรรษาแล้ว ไม่ปวารณากะภิกษุสงฆ์.
มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
(เหมือนธุรนิกเขปสิกขาบท).
[๕๙๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้ไม่ไปรับโอวาทก็ดี เพื่อร่วมสังฆกรรมก็ดี ณ ที่ไหน?
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ สักกชนบท.
ถ. ทรงปรารภใคร?
ต. ทรงปรารภภิกษุณีฉัพพัคคีย์.
ถ. เพราะเรื่องอะไร?
ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีฉัพพัคคีย์ไม่ไปรับโอวาท.
มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
(เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท).
[๖๐๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้ไม่ถามแม้ซึ่งอุโบสถ ไม่ขอแม้ซึ่งโอวาท ณ ที่ไหน?
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
ถ. ทรงปรารภใคร?
ต. ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป.
ถ. เพราะเรื่องอะไร?
ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปไม่ถามแม้ซึ่งอุโบสถ ไม่ขอแม้ซึ่งโอวาท.
มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
(เหมือนธุรนิกเขปสิกขาบท).
[๖๐๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้ไม่บอกสงฆ์ หรือคณะ ให้บุรุษผ่าฝีก็ดี บาดแผลก็ดี อัน
เกิดที่แง้มขา ตัวต่อตัวร่วมกัน ณ ที่ไหน?
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
ถ. ทรงปรารภใคร?
ต. ทรงปรารภภิกษุณีรูปหนึ่ง.
ถ. เพราะเรื่องอะไร?
ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีรูปหนึ่ง ให้บุรุษผ่าฝีอันเกิดที่แง้มขาตัวต่อตัวร่วมกัน.
มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒
(เหมือนกฐินสิกขาบท).
อารามวรรคที่ ๖ จบ.
-----------------------------------------------------
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๘ บรรทัดที่ ๔๕๑๕-๔๖๐๗ หน้าที่ ๑๗๑-๑๗๔.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=8&A=4515&Z=4607&pagebreak=0
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=8&A=4515&pagebreak=0
ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2]
อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :-
http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=8&siri=44
ศึกษาอรรถกถาได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=8&i=592
พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :-
http://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=8&A=3349
The Pali Tipitaka in Roman :-
http://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=8&A=3349
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๘
http://84000.org/tipitaka/read/?index_8
อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :-
https://suttacentral.net/pli-tv-pvr2.1/en/brahmali#pli-tv-pvr2.1:112.0
https://suttacentral.net/pli-tv-pvr2.1/en/horner-brahmali#Prv.2.1:Bi-Pc.51
บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖.
บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙.
บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐.
การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง.
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]
