บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |||||
พระไตรปิฏกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ] สังยุตตนิกาย สคาถวรรค หน้าที่ ๒๒๗-๒๒๘.
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [๕. ภิกขุนีสังยุต]
๑๐. วชิราสูตร
พืชชนิดใดชนิดหนึ่งที่บุคคลหว่านลงในนา อาศัยเหตุ ๒ ประการ คือรสดินและยางพืช จึงงอกขึ้น ฉันใด ขันธ์ ธาตุ และอายตนะ ๖ เหล่านี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน อาศัยเหตุจึงเกิด เพราะเหตุดับจึงดับ ลำดับนั้น มารผู้มีบาปเป็นทุกข์เสียใจว่า เสลาภิกษุณีรู้จักเรา จึงหายตัวไป ณ ที่นั้นเองเสลาสูตรที่ ๙ จบ ๑๐. วชิราสูตร ว่าด้วยวชิราภิกษุณี [๑๗๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถ- บิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ครั้นเวลาเช้า วชิราภิกษุณีครองอันตรวาสก ถือบาตร และจีวร เข้าไปบิณฑบาตยังกรุงสาวัตถี กลับจากบิณฑบาต ภายหลังจากฉัน ภัตตาหารเสร็จแล้ว เข้าไปยังป่าอันธวันเพื่อพักกลางวัน ถึงป่าอันธวันแล้ว จึงนั่งพัก กลางวันที่โคนต้นไม้แห่งหนึ่ง ลำดับนั้น มารผู้มีบาปประสงค์จะให้วชิราภิกษุณีเกิดความกลัว ความหวาด สะดุ้ง ความขนพองสยองเกล้า และประสงค์จะให้เคลื่อนจากสมาธิ จึงเข้าไปหา วชิราภิกษุณีถึงที่นั่งพักแล้วได้กล่าวกับวชิราภิกษุณีด้วยคาถาว่า ใครสร้างสัตว์นี้ ผู้สร้างสัตว์อยู่ที่ไหน สัตว์เกิดขึ้นที่ไหน สัตว์ดับที่ไหน ลำดับนั้น วชิราภิกษุณีได้มีความคิดดังนี้ว่า นี่ใครหนอมากล่าวคาถา จะเป็น มนุษย์หรืออมนุษย์กันแน่ ทันใดนั้น วชิราภิกษุณีได้มีความคิดดังนี้อีกว่า นี่คือมาร {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๑๕ หน้า : ๒๒๗}
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [๕. ภิกขุนีสังยุต]
รวมพระสูตรที่มีในสังยุต
ผู้มีบาป ประสงค์จะให้เราเกิดความกลัว ความหวาดสะดุ้ง ความขนพองสยองเกล้า และประสงค์จะให้เคลื่อนจากสมาธิ จึงกล่าวคาถา ครั้งนั้นแล วชิราภิกษุณีทราบว่า นี่คือมารผู้มีบาป จึงได้กล่าวกับมาร ผู้มีบาปด้วยคาถาว่า มารเอ๋ย ทิฏฐิของเจ้าเชื่อว่าอะไรเป็นสัตว์ กองแห่งสังขารล้วนๆ นี้ บัณฑิตจะเรียกว่าสัตว์ไม่ได้เลย เมื่อขันธ์ทั้งหลายมีอยู่ การสมมติว่าสัตว์ก็มีได้ เหมือนคำว่ารถมีได้เพราะประกอบส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน อนึ่ง ทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นดำรงอยู่และแปรผันไป นอกจากทุกข์ ไม่มีสิ่งอื่นเกิดขึ้น นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรอื่นดับไป๑- ลำดับนั้น มารผู้มีบาปเป็นทุกข์เสียใจว่า วชิราภิกษุณีรู้จักเรา จึงหายตัวไป ณ ที่นั้นเองวชิราสูตรที่ ๑๐ จบ ภิกขุนีสังยุต จบบริบูรณ์ รวมพระสูตรที่มีในสังยุตนี้ คือ ๑. อาฬวิกาสูตร ๒. โสมาสูตร ๓. กีสาโคตมีสูตร ๔. วิชยาสูตร ๕. อุปปลวัณณาสูตร ๖. จาลาสูตร ๗. อุปจาลาสูตร ๘. สีสุปจาลาสูตร ๙. เสลาสูตร ๑๐. วชิราสูตร @เชิงอรรถ : @๑ ดูเทียบ ขุ.ม. (แปล) ๒๙/๑๘๖/๕๒๗-๕๒๘ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๑๕ หน้า : ๒๒๘}
เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับ มจร. เล่มที่ ๑๕ หน้าที่ ๒๒๗-๒๒๘. https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/read_page.php?book=15&page=227&pages=2&edition=mcu ศึกษาพระสูตร (เนื้อความ) นี้แยกตามสารบัญ :- https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_read.php?B=15&A=6102 https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_line.php?B=15&A=6102#p227 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ 15 :- https://84000.org/tipitaka/read/?index_15 https://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu15 https://84000.org/tipitaka/english/?index_15
จบการแสดงผล หน้าที่ ๒๒๗-๒๒๘.
บันทึก ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]