บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |||||
พระไตรปิฏกเล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๒ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต หน้าที่ ๓๕๘-๓๕๙.
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต [๓. ตติยปัณณาสก์]
๒. อาปายิกวรรค ๓. อัปปเมยยสูตร
๒. ทุลลภสูตร ว่าด้วยบุคคลหาได้ยาก [๑๑๕] ภิกษุทั้งหลาย ความปรากฏของบุคคล ๓ จำพวกหาได้ยากในโลก ความปรากฏของบุคคล ๓ จำพวกไหนบ้าง คือ ๑. ตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ๒. บุคคลผู้แสดงธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศไว้ ๓. กตัญญูกตเวทีบุคคล๑- ภิกษุทั้งหลาย ความปรากฏของบุคคล ๓ จำพวกนี้แลหาได้ยากในโลกทุลลภสูตรที่ ๒ จบ ๓. อัปปเมยยสูตร ว่าด้วยบุคคลที่ประมาณไม่ได้ [๑๑๖] ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก บุคคล ๓ จำพวกไหนบ้าง คือ ๑. สุปปเมยยบุคคล (บุคคลที่ประมาณได้ง่าย) ๒. ทุปปเมยยบุคคล (บุคคลที่ประมาณได้ยาก) ๓. อัปปเมยยบุคคล (บุคคลที่ประมาณไม่ได้) สุปปเมยยบุคคล เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ฟุ้งซ่าน ถือตัว โลเล ปากกล้า พูดพร่ำเพรื่อ หลงลืมสติ ไม่มีสัมปชัญญะ มีจิตไม่ตั้งมั่น มีจิตกวัดแกว่ง ไม่สำรวมอินทรีย์ นี้เรียกว่า สุปปเมยยบุคคล ทุปปเมยยบุคคล เป็นอย่างไร @เชิงอรรถ : @๑ กตัญญูกตเวทีบุคคล หมายถึงบุคคลที่รู้อุปการคุณที่ผู้อื่นกระทำแก่ตนแล้วกระทำปฏิการคุณตอบแทน @พร้อมทั้งประกาศเกียรติคุณให้ปรากฏ (องฺ.ติก.อ. ๒/๑๑๕/๒๖๑) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๐ หน้า : ๓๕๘}
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต [๓. ตติยปัณณาสก์]
๒. อาปายิกวรรค ๔. อาเนญชสูตร
คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ถือตัว ไม่โลเล ไม่ปากกล้า ไม่พูด พร่ำเพรื่อ มีสติมั่นคง มีสัมปชัญญะ มีจิตตั้งมั่น มีจิตแน่วแน่ สำรวมอินทรีย์ ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า ทุปปเมยยบุคคล อัปปเมยยบุคคล เป็นอย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นพระอรหันตขีณาสพ นี้เรียกว่า อัปปเมยยบุคคล ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกนี้แลมีปรากฏอยู่ในโลกอัปปเมยยสูตรที่ ๓ จบ ๔. อาเนญชสูตร ว่าด้วยธรรมอันไม่หวั่นไหว [๑๑๗] ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก บุคคล ๓ จำพวกไหนบ้าง คือ ๑. บุคคลบางคนในโลกนี้บรรลุอากาสานัญจายตนฌานโดยกำหนดว่า อากาศไม่มีที่สุด อยู่ เพราะล่วงรูปสัญญา ดับปฏิฆสัญญา ไม่กำหนด นานัตตสัญญาโดยประการทั้งปวง เขาชอบใจฌานนั้น ติดใจฌาน นั้นและถึงความปลื้มใจกับฌานนั้น เขาดำรงอยู่ในฌานนั้น น้อมใจ ไปในฌานนั้น ชอบอยู่กับฌานนั้นโดยมาก ไม่เสื่อม หลังจากตายแล้ว เข้าถึงความเป็นผู้อยู่ร่วมกับเทวดาพวกที่เข้าถึงชั้นอากาสานัญจายตนะ พวกเทวดาที่เข้าถึงชั้นอากาสานัญจายตนะ มีอายุประมาณ ๒๐,๐๐๐ กัป คนที่เป็นปุถุชนดำรงอยู่ในชั้นอากาสานัญจายตนะนั้นจนสิ้นอายุ ให้ระยะเวลาที่เป็นกำหนดอายุของเทวดาเหล่านั้นหมดไปแล้วไปสู่ นรกบ้าง ไปสู่กำเนิดสัตว์ดิรัจฉานบ้าง ไปสู่แดนเปรตบ้าง ส่วนสาวก ของพระผู้มีพระภาคดำรงอยู่ในชั้นอากาสานัญจายตนะนั้นจนสิ้นอายุ ให้ระยะเวลาที่เป็นกำหนดอายุของเทวดาเหล่านั้นหมดไปแล้วปรินิพพาน ในภพนั้นแล นี้แลเป็นความแปลกกัน เป็นความแตกต่างกัน เป็น เหตุทำให้ต่างกัน ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ เมื่อคติ(การตาย)และอุบัติ(การเกิด)ยังมีอยู่ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๐ หน้า : ๓๕๙}
เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับ มจร. เล่มที่ ๒๐ หน้าที่ ๓๕๘-๓๕๙. https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/read_page.php?book=20&page=358&pages=2&edition=mcu ศึกษาพระสูตร (เนื้อความ) นี้แยกตามสารบัญ :- https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_read.php?B=20&A=10184 https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_line.php?B=20&A=10184#p358 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ 20 :- https://84000.org/tipitaka/read/?index_20 https://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu20 https://84000.org/tipitaka/english/?index_20
จบการแสดงผล หน้าที่ ๓๕๘-๓๕๙.
บันทึก ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]