บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |||||
พระไตรปิฏกเล่มที่ ๓๗ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๔ [ฉบับมหาจุฬาฯ] กถาวัตถุปกรณ์ หน้าที่ ๓๒๖-๓๒๙.
พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [๒. ทุติยวรรค]
๙. อนุปุพพาภิสมยกถา (๑๘)
สก. บุคคลย่อมทำให้แจ้งโสดาปัตติผลด้วยญาณ ๑๒ ๑- ใช่ไหม ปร. ใช่ สก. โสดาปัตติผลมี ๑๒ ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. บุคคลย่อมทำให้แจ้งโสดาปัตติผลด้วยญาณ ๔๔ ๒- ใช่ไหม ปร. ใช่ สก. โสดาปัตติผลมี ๔๔ ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. บุคคลทำให้แจ้งโสดาปัตติผลด้วยญาณ ๗๗ ๓- ใช่ไหม ปร. ใช่ สก. โสดาปัตติผลมี ๗๗ ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ [๓๔๖] ปร. ท่านไม่ยอมรับว่า มีการบรรลุธรรมโดยลำดับ ใช่ไหม สก. ใช่ @เชิงอรรถ : @๑ หมายถึงญาณในปฏิจจสมุปบาทซึ่งมีองค์ ๑๒ (อภิ.ปญฺจ.อ. ๓๔๕/๑๘๗) @๒ หมายถึงญาณที่ท่านกล่าวไว้ในนิทานวรรคอย่างนี้ว่า ญาณในชราและมรณะ ญาณในชรา มรณะ และ @สมุทัย (อภิ.ปญฺจ.อ. ๓๔๕/๑๘๗) @๓ หมายถึงญาณที่ท่านกล่าวไว้ในนิทานวรรคอย่างนี้ว่า ชราและมรณะเป็นของไม่เที่ยง ถูกปัจจัยปรุงแต่ง @อาศัยกันและกันเกิดขึ้น มีความสิ้นไป คลายไป ดับไปเป็นธรรมดา (อภิ.ปญฺจ.อ. ๓๔๕/๑๘๗) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๗ หน้า : ๓๒๖}
พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [๒. ทุติยวรรค]
๙. อนุปุพพาภิสมยกถา (๑๘)
ปร. พระสูตรที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า ภิกษุทั้งหลาย ธรรมวินัยมีการ ศึกษาไปโดยลำดับ๑- มีการบำเพ็ญไปโดยลำดับ๒- มีการปฏิบัติไปโดยลำดับ๓- ไม่ใช่ มีการบรรลุอรหัตตผลโดยทันที เหมือนมหาสมุทรต่ำลงไปโดยลำดับ ลาดลงไป โดยลำดับ ลึกลงไปโดยลำดับ ไม่ลึกชันดิ่งไปทันที๔- มีอยู่จริงมิใช่หรือ สก. ใช่ ปร. ดังนั้น จึงมีการบรรลุธรรมโดยลำดับ ปร. ท่านไม่ยอมรับว่า มีการบรรลุธรรมโดยลำดับ ใช่ไหม สก. ใช่ ปร. พระสูตรที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า ผู้มีปัญญาพึงกำจัดมลทินของตนทีละน้อยๆ ทุกขณะ โดยลำดับ เหมือนช่างทองกำจัดสนิมทอง๕- มีอยู่จริงมิใช่หรือ สก. ใช่ ปร. ดังนั้น จึงมีการบรรลุธรรมโดยลำดับ สก. ท่านยอมรับว่า มีการบรรลุธรรมโดยลำดับ ใช่ไหม ปร. ใช่ @เชิงอรรถ : @๑ การศึกษาไปโดยลำดับ หมายถึงการศึกษาสิกขา ๓ คือ ศีล สมาธิ และปัญญา @(องฺ.อฏฺฐก.อ. ๓/๑๙/๒๔๔) @๒ การบำเพ็ญไปโดยลำดับ หมายถึงการบำเพ็ญธุดงค์ ๑๓ (องฺ.อฏฺฐก.อ. ๓/๑๙/๒๔๔) @๓ การปฏิบัติไปโดยลำดับ หมายถึงอนุปัสสนา ๙ มหาวิปัสสนา ๑๘ อารัมมณวิภัตติ ๓๘ และ @โพธิปักขิยธรรม ๓๗ (องฺ.อฏฺฐก.อ. ๓/๑๙/๒๔๔) @๔ ดูเทียบ องฺ.อฏฺฐก. (แปล) ๒๓/๑๙-๒๐/๒๔๘-๒๕๕ @๕ ดูเทียบ ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๒๓๙/๑๐๖ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๗ หน้า : ๓๒๗}
พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [๒. ทุติยวรรค]
๙. อนุปุพพาภิสมยกถา (๑๘)
สก. พระสูตรที่ว่า ท่านพระควัมปติเถระกล่าวกับภิกษุทั้งหลายดังนี้ว่า ผู้มี อายุทั้งหลาย ผมได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่า ภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นชื่อว่าเห็นทุกขสมุทัยบ้าง เห็นทุกขนิโรธบ้าง เห็นทุกขนิโรธ- คามินีปฏิปทาบ้าง ผู้ใดเห็นทุกขสมุทัย ผู้นั้นชื่อว่าเห็นทุกข์บ้าง เห็นทุกขนิโรธบ้าง เห็นทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาบ้าง ผู้ใดเห็นทุกขนิโรธ ผู้นั้นชื่อว่าเห็นทุกข์บ้าง เห็น ทุกขสมุทัยบ้าง เห็นทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาบ้าง ผู้ใดเห็นทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ผู้นั้นชื่อว่าเห็นทุกข์บ้าง เห็นทุกขสมุทัยบ้าง เห็นทุกขนิโรธบ้าง๑- มีอยู่จริงมิใช่หรือ ปร. ใช่ สก. ดังนั้น ท่านจึงไม่ควรยอมรับว่า มีการบรรลุธรรมโดยลำดับ สก. มีการบรรลุธรรมโดยลำดับใช่ไหม ปร. ใช่ สก. พระสูตรที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า พร้อมกับการได้บรรลุโสดาปัตติมรรค ฯลฯ และเป็นผู้ไม่ควรเพื่อทำอภิฐาน ๖ มีอยู่จริงมิใช่หรือ ปร. ใช่ สก. ดังนั้น ท่านจึงไม่ควรยอมรับว่า มีการบรรลุธรรมโดยลำดับ สก. มีการบรรลุธรรมโดยลำดับใช่ไหม ปร. ใช่ สก. พระสูตรที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า ภิกษุทั้งหลาย ในสมัยที่ธรรม- จักษุที่ปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน เกิดขึ้นแก่อริยสาวกว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมี ความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดมีความดับเป็นธรรมดา พร้อมกับการเกิด @เชิงอรรถ : @๑ ดูเทียบ สํ.ม. (แปล) ๑๙/๑๑๐๐/๖๑๑ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๗ หน้า : ๓๒๘}
พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [๒. ทุติยวรรค]
๑๐. โวหารกถา (๑๙)
ขึ้นแห่งโสดาปัตติมรรค อริยสาวกย่อมละสังโยชน์ได้ ๓ ประการ คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาส๑- มีอยู่จริงมิใช่หรือ ปร. ใช่ สก. ดังนั้น ท่านจึงไม่ควรยอมรับว่า มีการบรรลุธรรมโดยลำดับอนุปุพพาภิสมยกถา จบ ๑๐. โวหารกถา (๑๙) ว่าด้วยพระโวหาร [๓๔๗] สก. พระโวหารของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเป็นโลกุตตระใช่ไหม ปร.๒- ใช่๓- สก. พระโวหารของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า กระทบโสตะที่เป็นโลกุตตระ ไม่กระทบโสตะที่เป็นโลกิยะ รับรู้ได้ด้วยวิญญาณที่เป็นโลกุตตระ รับรู้ไม่ได้ด้วย วิญญาณที่เป็นโลกิยะ พระอริยสาวกรับรู้ได้ แต่ปุถุชนรับรู้ไม่ได้ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. พระโวหารของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า กระทบโสตะที่เป็นโลกิยะมิใช่หรือ ปร. ใช่ สก. หากพระโวหารของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า กระทบโสตะที่เป็นโลกิยะ ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า พระโวหารของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเป็นโลกุตตระ @เชิงอรรถ : @๑ ดูเทียบ องฺ.ติก. (แปล) ๒๐/๙๕/๓๒๘ @๒ ปร. หมายถึงภิกษุในนิกายอันธกะ (อภิ.ปญฺจ.อ. ๓๔๗/๑๘๗-๑๘๘) @๓ เพราะมีความเห็นว่า พระโวหารที่พระพุทธองค์ทรงใช้แสดงธรรมล้วนเป็นโลกุตตระ @(อภิ.ปญฺจ.อ. ๓๔๗/๑๘๗-๑๘๘) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๗ หน้า : ๓๒๙}
เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับ มจร. เล่มที่ ๓๗ หน้าที่ ๓๒๖-๓๒๙. https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/read_page.php?book=37&page=326&pages=4&edition=mcu ศึกษาพระสูตร (เนื้อความ) นี้แยกตามสารบัญ :- https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_read.php?B=37&A=8947 https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_line.php?B=37&A=8947#p326 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ 37 :- https://84000.org/tipitaka/read/?index_37 https://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu37 https://84000.org/tipitaka/english/?index_37
จบการแสดงผล หน้าที่ ๓๒๖-๓๒๙.
บันทึก ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]