ฆฏิกรสูตรที่ ๑๐
[๑๕๒] ฆฏิกรพรหมกราบทูลว่า
ภิกษุ ๗ รูปผู้เข้าถึงพรหมโลกชื่อว่าอวิหา เป็นผู้หลุดพ้นแล้ว
มีราคะ โทสะสิ้นแล้ว ข้ามเครื่องเกาะเกี่ยวในโลกได้แล้ว ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า
ก็ภิกษุเหล่านั้นคือผู้ใดบ้าง ผู้ข้ามเครื่องข้องเป็นบ่วงของมารที่
ข้ามได้แสนยาก ละกายของมนุษย์แล้วก้าวล่วงซึ่งทิพย-
*โยคะ ฯ
ฆฏิกรพรหมกราบทูลว่า
คือท่านอุปกะ ๑ ท่านผลคัณฑะ ๑ ท่านปุกกุสาติ ๑ รวม
เป็น ๓ ท่าน ท่านภัททิยะ ๑ ท่านขัณฑเทวะ ๑ ท่านพหุ-
*ทันตี ๑ ท่านสิงคิยะ ๑ (รวมเป็น ๗ ท่าน) ท่านเหล่านั้น
ล้วนแต่ละกายของมนุษย์ ก้าวล่วงทิพยโยคะได้แล้ว ฯ
[๑๕๓] พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า
ท่านเป็นคนมีความฉลาด กล่าวสรรเสริญภิกษุเหล่านั้น ผู้
ละบ่วงมารได้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นตรัสรู้ธรรมของใครเล่า จึง
ตัดเครื่องผูกคือภพเสียได้ ฯ
[๑๕๔] ฆฏิกรพรหมกราบทูลว่า
ท่านเหล่านั้น ตรัสรู้ธรรมของผู้ใดจึงตัดเครื่องผูกคือภพเสียได้
ผู้นั้นไม่มีอื่นไปจากพระผู้มีพระภาค และธรรมนั้นไม่มีอื่นไป
จากคำสั่งสอนของพระองค์ ฯ
นามและรูปดับไม่เหลือในธรรมใด ท่านเหล่านั้นได้รู้ธรรมนั้น
ในพระศาสนานี้ จึงตัดเครื่องผูกคือภพเสียได้ ฯ
[๑๕๕] พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า
ท่านกล่าววาจาลึกรู้ได้ยาก เข้าใจให้ดีได้ยาก ท่านรู้ธรรม
ของใคร จึงกล่าววาจาเช่นนี้ได้ ฯ
[๑๕๖] ฆฏิกรพรหมกราบทูลว่า
เมื่อก่อนข้าพระองค์เป็นช่างหม้อ ทำหม้ออยู่ในเวภฬิงคชนบท
เป็นผู้เลี้ยงมารดาและบิดา ได้เป็นอุบาสกของพระกัสสป
พุทธเจ้า เป็นผู้เว้นจากเมถุนธรรม เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์
ไม่เกี่ยวด้วยอามิส ได้เคยเป็นคนร่วมบ้านกับพระองค์ ทั้งได้
เคยเป็นสหายของพระองค์ในกาลปางก่อน ข้าพระองค์รู้จัก
ภิกษุ ๗ รูปเหล่านี้ ผู้หลุดพ้นแล้ว มีราคะและโทสะสิ้นแล้ว
ผู้ข้ามเครื่องข้องในโลกได้แล้ว ฯ
[๑๕๗] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
แน่ะนายช่างหม้อ ท่านกล่าวเรื่องอย่างใด เรื่องนั้นได้เป็น
จริงแล้วอย่างนั้นในกาลนั้น เมื่อก่อนท่านเคยเป็นช่างหม้อ
ทำหม้ออยู่ในเวภฬิงคชนบท เป็นผู้เลี้ยงมารดาและบิดา เป็น
อุบาสกของพระกัสสปพุทธเจ้า เป็นผู้เว้นจากเมถุนธรรม
เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ไม่เกี่ยวด้วยอามิส ได้เป็นคน
เคยร่วมบ้านกันกับเรา ทั้งได้เคยเป็นสหายของเราในปาง
ก่อน ฯ
พระสังคีติกาจารย์กล่าวว่า
สหายเก่าทั้งสอง ผู้มีตนอันอบรมแล้ว ทรงไว้ซึ่งสรีระมีใน
ที่สุด ได้มาพบกันด้วยอาการอย่างนี้ ฯ
จบ อาทิตตวรรค ที่ ๕
-----------------------------------------------------
สูตรที่กล่าวในอาทิตตวรรคนั้น คือ
อาทิตตสูตร กินททสูตร อันนสูตร เอกมูลสูตร อโนมิยสูตร อัจฉรา
สูตร วนโรปสูตร เชตวนสูตร มัจฉริสูตร ฆฏิกรสูตร ฉะนี้แล ฯ
-----------------------------------------------------
เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ บรรทัดที่ ๑๐๒๔-๑๐๗๔ หน้าที่ ๔๖ - ๔๘.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=1024&Z=1074&pagebreak=0
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_item.php?item=152&book=15
อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :-
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_siri.php?B=15&siri=50
ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=152
อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลี อักษรไทย :-
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_read.php?B=15&A=899
อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลี อักษรโรมัน :-
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_read.php?B=15&A=899
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕
http://84000.org/tipitaka/read/?index_15
บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖.
บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙.
การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง.
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ DhammaPerfect@yahoo.com