สมุททกสูตรที่ ๑๐
[๘๙๙] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล ฯลฯ
[๙๐๐] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เรื่องเคยมีมาแล้ว ฤาษีผู้มีศีลมีกัลยาณธรรมมากรูปด้วยกัน อาศัยอยู่ในกุฎีที่มุงบัง
ด้วยใบไม้แทบฝั่งสมุทร ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยนั้นแล สงครามระหว่างพวก
เทวดากับอสูรได้ประชิดกันแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล พวกฤาษีผู้มีศีล
มีกัลยาณธรรมเหล่านั้นพากันคิดเห็นว่า พวกเทวดาตั้งอยู่ในธรรม พวกอสูรไม่ตั้ง
อยู่ในธรรม ภัยนั้นพึงเกิดแก่พวกเราเพราะอสูรโดยแท้ อย่ากระนั้นเลย พวกเรา
ควรเข้าไปหาท้าวสมพรจอมอสูรแล้วขออภัยทานเถิด ฯ
[๙๐๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล ฤาษีผู้มีศีลมีกัลยาณธรรมเหล่านั้น
ได้อันตรธานไปในบรรณกุฎีแทบฝั่งสมุทร ไปปรากฏอยู่ตรงหน้าท้าวสมพรจอมอสูร
เหมือนบุรุษมีกำลังเหยียดแขนที่คู้ หรือคู้แขนที่เหยียด ฉะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ลำดับนั้น พวกฤาษีผู้มีศีลมีกัลยาณธรรมเหล่านั้น ได้กล่าวกะท้าวสมพรจอมอสูร
ด้วยคาถาว่า ฯ
พวกฤาษีมาขออภัยกะท่านท้าวสมพร การให้ภัยหรือให้อภัย
ท่านกระทำได้โดยแท้ ฯ
[๙๐๒] ท้าวสมพรจอมอสูรได้กล่าวตอบว่า
การอภัยไม่มีแก่พวกฤาษี ผู้ชั่วช้าคบหาท้าวสักกะ เราให้
เฉพาะแต่ภัยเท่านั้นแก่พวกท่านผู้ขออภัย ฯ
[๙๐๓] พวกฤาษีกล่าวว่า
ท่านให้เฉพาะแต่ภัยเท่านั้นแก่พวกเราผู้ขออภัย พวกเราขอ
รับเอาแต่อภัยอย่างเดียว ส่วนภัยจงเป็นของท่านเถิด บุคคล
หว่านพืชเช่นใดย่อมได้ผลเช่นนั้น คนทำดีย่อมได้ดี ทำชั่ว
ก็ย่อมได้ชั่ว แน่ะพ่อ ท่านหว่านพืชลงไปไว้แล้ว ท่านจักต้อง
เสวยผลของมัน ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล ฤาษีผู้มีศีลมีกัลยาณธรรมเหล่านั้น ได้
สาปแช่งท้าวสมพรจอมอสูร แล้วอันตรธานหายไปในที่ตรงหน้าท้าวสมพรจอม
อสูร แล้วไปปรากฏอยู่ในบรรณกุฎีแทบฝั่งสมุทร เปรียบเหมือนบุรุษมีกำลัง
เหยียดแขนที่คู้ หรือคู้แขนที่เหยียด ฉะนั้น ฯ
[๙๐๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล ท้าวสมพรจอมอสูรถูกฤาษีผู้มี
ศีลมีกัลยาณธรรมเหล่านั้นสาปแช่งแล้ว ได้ยินว่าในคืนวันนั้น ตกใจหวาดหวั่น
ถึงสามครั้ง ฯ
จบวรรคที่หนึ่ง
-----------------------------------------------------
รวมพระสูตรแห่งสักกสังยุตมี ๑๐ สูตร คือ
สุวีรสูตรที่ ๑ สุสิมสูตรที่ ๒ ธชัคคสูตรที่ ๓ เวปจิตติสูตรที่ ๔
สุภาสิตชยสูตรที่ ๕ กุลาวกสูตรที่ ๖ นทุพภิยสูตรที่ ๗ วิโรจนอสุรินทสูตรที่ ๘
อารัญญกสูตรที่ ๙ สมุททกสูตรที่ ๑๐ ฯ
-----------------------------------------------------
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ บรรทัดที่ ๗๓๒๗-๗๓๖๖. หน้าที่ ๓๑๖-๓๑๗.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=7327&Z=7366&pagebreak=0
อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :-
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_siri.php?B=15&siri=256
ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=899
อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลี อักษรไทย :-
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_read.php?B=15&A=6514
อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับภาษาบาลี อักษรโรมัน :-
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_read.php?B=15&A=6514
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕
http://84000.org/tipitaka/read/?index_15
บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖.
๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙.
บันทึกล่าสุด ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐.
การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง.
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]