ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๗ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๔ กถาวัตถุปกรณ์
สุทธิกสังสันทนา
[๑๗] ส. ท่านหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ดุจหยั่งเห็นรูป โดยสัจฉิกัตถ- ปรมัตถ์ หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. รูปเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น หรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ส. ท่านจงรับรู้นิคหะ, หากว่า ท่านหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ดุจ หยั่งเห็นรูป โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า รูปเป็นอื่น บุคคลก็ เป็นอื่น, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถ- *ปรมัตถ์ ดุจหยั่งเห็นรูป โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ แต่ไม่พึงกล่าวว่า รูปเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น ดังนี้ ผิด, แต่ถ้าไม่พึงกล่าวว่า รูปเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น ก็ต้องไม่กล่าวว่า ข้าพเจ้าหยั่ง เห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ดุจหยั่งเห็นรูป โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์, ที่ท่านกล่าวในปัญหา นั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ดุจหยั่งเห็นรูป โดยสัจฉิ- *กัตถปรมัตถ์ แต่ไม่พึงกล่าวว่า รูปเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น ดังนี้ ผิด ฯลฯ [๑๘] ส. ท่านหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ดุจหยั่งเห็นเวทนา โดยสัจฉิ- *กัตถปรมัตถ์ หรือ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นสัญญา ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นสังขาร ฯลฯ ดุจหยั่งเห็น วิญญาณ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. วิญญาณเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น หรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ส. ท่านจงรับรู้นิคหะ, หากว่า ท่านหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ดุจ หยั่งเห็นวิญญาณ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า วิญญาณเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ดุจ หยั่งเห็นวิญญาณ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ แต่ไม่พึงกล่าวว่า วิญญาณเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น ดังนี้ ผิด, แต่ถ้าไม่พึงกล่าวว่า วิญญาณเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น ก็ต้องไม่กล่าวว่า ข้าพเจ้า หยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ดุจหยั่งเห็นวิญญาณ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์, ที่ท่านกล่าว ในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ดุจหยั่งเห็น วิญญาณ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ แต่ไม่พึงกล่าวว่า วิญญาณเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น ดังนี้ ผิด ฯลฯ [๑๙] ส. ท่านหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ดุจหยั่งเห็นจักขายตนะ โดย สัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นโสตายตนะ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นฆานายตนะ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นชิวหายตนะ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นกายายตนะ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นรูปายตนะ ฯลฯ ดุจ หยั่งเห็นสัททายตนะ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นคันธายตนะ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นรสายตนะ ฯลฯ ดุจ หยั่งเห็นโผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นมนายตนะ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นธัมมายตนะ โดย สัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ ฯลฯ [๒๐] ... ดุจหยั่งเห็นจักขุธาตุ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็น โสตธาตุ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นฆานธาตุ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นชิวหาธาตุ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นกายธาตุ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นรูปธาตุ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นสัททธาตุ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นคันธธาตุ ฯลฯ ดุจ หยั่งเห็นรสธาตุ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นโผฏฐัพพธาตุ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นจักขุวิญญาณธาตุ ฯลฯ ดุจ หยั่งเห็นโสตวิญญาณธาตุ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นฆานวิญญาณธาตุ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นชิวหาวิญญาณ ธาตุ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นกายวิญญาณธาตุ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นมโนธาตุ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นมโน- *วิญญาณธาตุ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นธัมมธาตุ ฯลฯ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ ฯลฯ [๒๑] ... ดุจหยั่งเห็นจักขุนทรีย์ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็น โสตินทรีย์ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นฆานินทรีย์ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นชิวหินทรีย์ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็น กายินทรีย์ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นมนินทรีย์ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นชีวิตินทรีย์ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นอิตถิน- *ทรีย์ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นปุริสินทรีย์ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นสุขินทรีย์ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นทุกขินทรีย์ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นโสมนัสสินทรีย์ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นอุเปกขินทรีย์ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นสัทธินทรีย์ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นวิริยินทรีย์ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นสตินทรีย์ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นสมาธินทรีย์ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นปัญญินทรีย์ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็น อัญญินทรีย์ ฯลฯ ดุจหยั่งเห็นอัญญาตาวินทรีย์ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ ป. ถูกแล้ว ส. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น หรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ส. ท่านจงรับรู้นิคหะ หากว่า ท่านหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ดุจ หยั่งเห็นอัญญาตาวินทรีย์ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า อัญญาตา- *วินทรีย์เป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็น บุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ดุจหยั่งเห็นอัญญาตาวินทรีย์ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ แต่ไม่พึง กล่าวว่า อัญญาตาวินทรีย์เป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น ดังนี้ ผิด, แต่ถ้าไม่พึงกล่าวว่า อัญญาตา- *วินทรีย์เป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น ก็ต้องไม่กล่าวว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ดุจหยั่งเห็นอัญญาตาวินทรีย์ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ดุจหยั่งเห็นอัญญาตาวินทรีย์ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ แต่ไม่พึงกล่าวว่า อัญญาตาวินทรีย์เป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น ดังนี้ ผิด ฯลฯ [๒๒] ป. ท่านไม่หยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ? ส. ถูกแล้ว ป. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ ๑- และ ท่านก็หยั่งเห็นรูป โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ? ส. ถูกแล้ว ป. รูปเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น หรือ? ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ป. ท่านจงรับรู้ปฏิกรรม, หากว่า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติ เพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ และท่านก็หยั่งเห็นรูป โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้อง กล่าวว่า รูปเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า พระผู้มี @๑. อํ. จตุกฺก หน้า ๑๒๕ ข้อ ๙๖, อภิ. ป. หน้า ๑๓๖ ข้อ ๑๐ พระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ และข้าพเจ้าก็หยั่งเห็นรูป โดยสัจฉิ- *กัตถปรมัตถ์ แต่ไม่พึงกล่าวว่า รูปเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น ดังนี้ ผิด, แต่ถ้าไม่พึงกล่าวว่า รูปเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น ก็ต้องไม่กล่าวว่า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อ เกื้อกูลตน มีอยู่ และข้าพเจ้าก็หยั่งเห็นรูป โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ และ ข้าพเจ้าก็หยั่งเห็นรูป โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ แต่ไม่พึงกล่าวว่า รูปเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น ดังนี้ ผิด ฯลฯ ป. ท่านไม่หยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ? ส. ถูกแล้ว ป. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ และ ท่านก็หยั่งเห็นเวทนา ฯลฯ และท่านก็หยั่งเห็นสัญญา ฯลฯ และท่านก็หยั่งเห็นสังขาร ฯลฯ และ ท่านก็หยั่งเห็นวิญญาณ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ ป. ท่านจงรับรู้ปฏิกรรม หากว่า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติ เพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ และท่านก็หยั่งเห็นวิญญาณ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึง ต้องกล่าวว่า วิญญาณเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า พระ ผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ และข้าพเจ้าก็หยั่งเห็นวิญญาณ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ แต่ไม่พึงกล่าวว่า วิญญาณเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น ดังนี้ ผิด, แต่ถ้า ไม่พึงกล่าวว่า วิญญาณเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น ก็ต้องไม่กล่าวว่า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ และข้าพเจ้าก็หยั่งเห็นวิญญาณ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้น พึงกล่าวได้ว่า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูล ตน มีอยู่ และข้าพเจ้าก็หยั่งเห็นวิญญาณโดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ แต่ไม่พึงกล่าวว่า วิญญาณเป็น อื่น บุคคลก็เป็นอื่น ดังนี้ ผิด ฯลฯ [๒๓] ป. ท่านไม่หยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ? ส. ถูกแล้ว ป. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ และ ท่านก็หยั่งเห็นจักขายตนะโดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ ฯลฯ และท่านก็หยั่งเห็นโสตายตนะ ฯลฯ และท่านก็หยั่งเห็นธัมมายตนะ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ ฯลฯ [๒๔] ... ท่านก็หยั่งเห็นจักขุธาตุ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ ฯลฯ และท่านก็หยั่ง เห็นกายธาตุ ฯลฯ และท่านก็หยั่งเห็นรูปธาตุ ฯลฯ และท่านก็หยั่งเห็นโผฏฐัพพธาตุ ฯลฯ และ ท่านก็หยั่งเห็นจักขุวิญญาณธาตุ ฯลฯ และท่านก็หยั่งเห็นมโนวิญญาณธาตุ ฯลฯ และท่านก็หยั่ง เห็นธัมมาธาตุ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ ฯลฯ [๒๕] ... และท่านก็หยั่งเห็นจักขุนทรีย์ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ ฯลฯ และท่าน ก็หยั่งเห็นโสตินทรีย์ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ ฯลฯ และท่านก็หยั่งเห็นอัญญาตาวินทรีย์ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ ฯลฯ ป. ท่านไม่หยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ? ส. ถูกแล้ว ป. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ และ ท่านก็หยั่งเห็นอัญญาตาวินทรีย์ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ? ส. ถูกแล้ว ป. อัญญาตาวินทรีย์เป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น หรือ? ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ป. ท่านจงรับรู้ปฏิกรรม หากว่า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติ เพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ และท่านก็หยั่งเห็นอัญญาตาวินทรีย์ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ด้วยเหตุนั้น นะท่านจึงต้องกล่าวว่า อัญญาตาวินทรีย์เป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึง กล่าวได้ว่า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ และข้าพเจ้าก็ หยั่งเห็นอัญญาตาวินทรีย์ โดยสัตฉิกัตถปรมัตถ์ แต่ไม่พึงกล่าวว่า อัญญาตาวินทรีย์เป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น ดังนี้ ผิด, แต่ถ้าไม่พึงกล่าวว่า อัญญาตาวินทรีย์เป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น ก็ต้องไม่กล่าวว่า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ และข้าพ- *เจ้าก็หยั่งเห็นอัญญาตาวินทรีย์ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ ว่า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ และข้าพเจ้าก็หยั่งเห็น อัญญาตาวินทรีย์ โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ แต่ไม่พึงกล่าวว่า อัญญาตาวินทรีย์เป็นอื่น บุคคลอื่น ก็เป็นอื่น ดังนี้ ผิด ฯลฯ
สุทธิกสังสันทนา จบ
-----------------------------------------------------

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๗ บรรทัดที่ ๒๗๐-๓๙๖ หน้าที่ ๑๒-๑๘. https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=37&A=270&Z=396&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_siri.php?B=37&siri=9              ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=37&i=17              ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- [17-25] https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=37&item=17&items=9              อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=55&A=3098              The Pali Tipitaka in Roman :- [17-25] https://84000.org/tipitaka/pali/roman_item_s.php?book=37&item=17&items=9              The Pali Atthakatha in Roman :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=55&A=3098              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๗ https://84000.org/tipitaka/read/?index_37              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/kv1.1/en/aung-rhysdavids#pts-cs1.1.16

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :