ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๒ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๙ มหาปัฏฐานปกรณ์ ภาค ๓
ปัญหาวาร
[๒๓๓] อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยเหตุปัจจัย คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม โดยเหตุปัจจัย ปฏิสนธิ อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม โดยเหตุปัจจัย คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป ทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม โดยเหตุปัจจัย ปฏิสนธิ อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม โดย เหตุปัจจัย คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ [๒๓๔] สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยอารัมมณปัจจัย คือ จักขุ ฯลฯ โผฏฐัพพะทั้งหลาย โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส เกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่ กายวิญญาณ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่ บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ โดยอารัมมณปัจจัย อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยอารัมมณปัจจัย คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณาซึ่งกุศลกรรมนั้น บุคคลพิจารณาซึ่งกุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน บุคคลออกจากฌาน แล้วพิจารณาฌาน พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค พิจารณาผล นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่โวทาน แก่มรรค แก่ผล แก่ อาวัชชนะ โดยอารัมมณปัจจัย พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว กิเลสที่ข่มแล้ว รู้ซึ่งกิเลส ทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน หทัยวัตถุ ฯลฯ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬิงการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส เกิดขึ้น บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม โดย เจโตปริยญาณ อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็น ปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมุปคญาณ แก่อนาคตตังสญาณ แก่อาวัชชนะ โดยอารัมมณปัจจัย [๒๓๕] สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ จักขุ ฯลฯ บุคคล กระทำ โผฏฐัพพะทั้งหลายให้หนักแน่นแล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ กระทำความยินดีนั้นให้หนักแน่น ราคะ เกิดขึ้น ทิฏฐิ เกิดขึ้น อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ ที่เป็นอารัมมณาธิปติ ได้แก่ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ กระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ กุศลกรรม ทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌานแล้ว กระทำฌาน ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์ อย่างหนักแน่น ฯลฯ กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่โวทาน แก่มรรค แก่ผล โดย อธิปติปัจจัย หทัยวัตถุ ฯลฯ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ อาโปธาตุ ฯลฯ บุคคล กระทำกวฬิงการาหารให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลิน ยิ่ง เพราะกระทำความยินดีนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะ เกิดขึ้น ทิฏฐิ เกิดขึ้น ที่เป็นสหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัย แก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม โดย อธิปติปัจจัย อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม โดยอธิปติปัจจัย คือ อธิปติธรรมที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป ทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม โดยอธิปติปัจจัย อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่เป็น อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็น สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม โดยอธิปติปัจจัย [๒๓๖] อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อนๆ ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ ผลสมาบัติ โดยอนันตรปัจจัย [๒๓๗] อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยสมนันตร ปัจจัย [๒๓๘] สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม โดยสหชาต ปัจจัย มี ๙ นัย ฯลฯ เป็นปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ นัย ฯลฯ เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย มี ๙ นัย [๒๓๙] สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยอุปนิสสย- *ปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็นปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยฤดู ฯลฯ เสนาสนะแล้วให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์ ฤดู เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ โดย อุปนิสสยปัจจัย อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็นปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ถือทิฏฐิ บุคคลเข้าไปอาศัย ศีล ฯลฯ สุขทางกาย ฯลฯ ทุกข์ทางกาย ฯลฯ โภชนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์ ศรัทธา ฯลฯ โภชนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ผลสมาบัติ โดยอุปนิสสยปัจจัย [๒๔๐] สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยปุเรชาต ปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาต วัตถุปุเรชาต ที่เป็นอารัมมณปุเรชาต ได้แก่ จักขุ ฯลฯ โผฏฐัพพะทั้งหลาย โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส เกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่ กายวิญญาณ โดยปุเรชาตปัจจัย ที่เป็นวัตถุปุเรชาต ได้แก่ จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ โดยปุเรชาตปัจจัย อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่ อัปปฏิฆธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาต วัตถุปุเรชาต ที่เป็นอารัมมณปุเรชาต ได้แก่ หทัยวัตถุ ฯลฯ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทริย์ อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬิงการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส เกิดขึ้น ที่เป็นวัตถุปุเรชาต ได้แก่ หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาต วัตถุปุเรชาต ได้แก่ จักขายตนะ และหทัยวัตถุ โผฏฐัพพายตนะ และหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย [๒๔๑] อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยปัจฉาชาต ปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่ กายที่เป็นอัปปฏิฆธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยปัจฉาชาตปัจจัย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายที่ เป็นสัปปฏิฆธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยปัจฉาชาตปัจจัย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายที่ เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยปัจฉาชาตปัจจัย พึงกระทำมูลแห่งหัวข้อปัจจัยทั้ง ๒ [๒๔๒] อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยอาเสวน ปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อนๆ ฯลฯ โวทาน เป็นปัจจัยแก่มรรค โดยอาเสวนปัจจัย [๒๔๓] อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต นานาขณิก ที่เป็นสหชาต ได้แก่ เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม โดย กัมมปัจจัย ที่เป็นนานาขณิก ได้แก่ เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่ วิปากขันธ์ และกฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม โดยกัมมปัจจัย อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม โดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต นานาขณิก ที่เป็นสหชาต ได้แก่ เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม โดย กัมมปัจจัย ที่เป็นนานาขณิก ได้แก่ เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่ วิบากขันธ์ และกฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม โดยกัมมปัจจัย อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม โดย กัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต นานาขณิก ฯลฯ [๒๔๔] อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยวิปากปัจจัย คือ อัปปฏิฆธรรมที่เป็นวิบาก ฯลฯ มี ๓ นัย [๒๔๕] อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยอาหารปัจจัย คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม โดยอาหารปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ กวฬิงการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม นี้ โดยอาหารปัจจัย หัวข้อปัจจัยทั้ง ๒ ที่เหลือนอกนั้นพึงกระทำ ปฏิสนธิ กวฬิงการาหาร พึงกระทำแม้ในหัวข้อปัจจัยทั้ง ๒ ในบทเบื้องปลาย [๒๔๖] สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยอินทริยปัจจัย คือ จักขุนทรีย์ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ กายินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่ กายวิญญาณ โดยอินทริยปัจจัย อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยอินทริยปัจจัย มี ๓ นัย พึงกระทำชีวิตินทรีย์ แม้ในหัวข้อปัจจัย ๓ ในบทเบื้องปลาย สัปปฏิฆธรรมและอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดย อินทริยปัจจัย คือ จักขุนทรีย์และจักขุวิญญาณ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคต ด้วยจักขุวิญญาณ โดยอินทริยปัจจัย กายินทรีย์ และกายวิญญาณ เป็นปัจจัย แก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ โดยอินทริยปัจจัย [๒๔๗] ฯลฯ เป็นปัจจัยโดยฌานปัจจัย มี ๓ นัย ฯลฯ เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๓ นัย ฯลฯ เป็นปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ นัย [๒๔๘] สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยวิปปยุตต ปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปุเรชาต ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ กายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ โดยวิปปยุตตปัจจัย อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต ปัจฉาชาต ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่ จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุ โดยวิปปยุตต- *ปัจจัย หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย โดยวิปปยุตตปัจจัย ที่เป็นปุเรชาต ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น อัปปฏิฆธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัย แก่กายที่เป็นอัปปฏิฆธรรมนี้ที่เกิดก่อน โดยวิปปยุตตปัจจัย อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปัจฉาชาต ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่ จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย ใน ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัย แก่กายที่เป็นสัปปฏิฆธรรมนี้ที่เกิดก่อน โดยวิปปยุตตปัจจัย อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม โดย วิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปัจฉาชาต ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่ จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม โดยวิปปยุตต- *ปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่ กายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรมนี้ที่เกิดก่อน โดยวิปปยุตตปัจจัย [๒๔๙] สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๑ นัย หัวข้อปัจจัยข้อแรกเหมือนกับปฏิจจวาร สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต ที่เป็นสหชาต ได้แก่มหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัย แก่อาโปธาตุ โดยอัตถิปัจจัย มหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัย แก่จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทารูปทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม โดย อัตถิปัจจัย โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่อิตถินทรีย์ แก่กวฬิงการาหาร โดยอัตถิ ปัจจัย พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป อุตุสมุฏฐานรูป ส่วนพวกอสัญญสัตว์ ทั้งหลาย ฯลฯ ที่เป็นปุเรชาต ได้แก่จักขุ ฯลฯ โผฏฐัพพะทั้งหลาย โดยความเป็น ของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่ กายวิญญาณ จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่ กายวิญญาณ โดยอัตถิปัจจัย สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม โดย อัตถิปัจจัย คือ มหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่มหาภูตรูป ๒ และอาโปธาตุ โดยอัตถิปัจจัย เหมือนกับปฏิจจวาร ตลอดถึงอสัญญสัตว์ อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต ปัจฉาชาต อาหาร อินทรีย์ ที่เป็นสหชาต ได้แก่ขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ตลอดถึงอสัญญสัตว์ ที่เป็นปุเรชาต ได้แก่ หทัยวัตถุ ฯลฯ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ อาโปธาตุ ฯลฯ กวฬิงการาหาร โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส เกิดขึ้น หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม โดยนัตถิปัจจัย ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัย แก่กายที่เป็นอัปปฏิฆธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยอัตถิปัจจัย กวฬิงการาหาร เป็น ปัจจัยแก่กายที่เป็นอัปปฏิฆธรรมนี้ โดยอัตถิปัจจัย รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่ กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม โดยอัตถิปัจจัย อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๔ อย่าง คือ สหชาต ปัจฉาชาต อาหาร อินทรีย์ ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่ จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม โดยอัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ อาโปธาตุเป็นปัจจัยแก่มหาภูตรูปทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆ ธรรม โดยอัตถิปัจจัย อาโปธาตุ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม โดยอัตถิปัจจัย อาโปธาตุ เป็น ปัจจัยแก่จักขายตนะ แก่โผฏฐัพพายตนะ โดยอัตถิปัจจัย พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป อุตุสมุฏฐานรูป ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรมเป็นปัจจัยแก่ กายที่เป็นสัปปฏิฆธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยอัตถิปัจจัย กวฬิงการาหาร เป็นปัจจัย แก่กายที่เป็นสัปปฏิฆธรรมนี้ โดยอัตถิปัจจัย รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่ กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม โดยอัตถิปัจจัย อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม โดยอัตถิ- *ปัจจัย มี ๔ อย่าง คือ สหชาต ปัจฉาชาต อาหาร อินทรีย์ ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ ๓ และที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ เหมือนกับปฏิจจวาร ตลอดถึงอสัญญสัตว์ ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่ กายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรมนี้ที่เกิดก่อน โดยอัตถิปัจจัย กวฬิง- *การาหาร เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรมนี้ โดยอัตถิ- *ปัจจัย รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลายที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และ อัปปฏิฆธรรม โดยอัตถิปัจจัย สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม โดย อัตถิปัจจัย เหมือนกับปฏิจจวาร ตลอดถึงอสัญญสัตว์ สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดย อัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม และมหาภูต- *รูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ฯลฯ เหมือนกับปฏิจจวาร ตลอดถึงอสัญญสัตว์ ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและ จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยกาย- *วิญญาณ และกายายตนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ ๒ ฯลฯ สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ อัปปฏิฆธรรม โดยอัตถิปัจจัย เหมือนกับปฏิจจวาร [๒๕๐] ในเหตุปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๓ ในอารัมมณปัจจัย มี " ๒ ในอธิปติปัจจัย มี " ๔ ในอนันตรปัจจัย มี " ๑ ในสมนันตรปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๑ ในสหชาตปัจจัย มี " ๙ ในอัญญมัญญปัจจัย มี " ๖ ในนิสสยปัจจัย มี " ๙ ในอุปนิสสยปัจจัย มี " ๒ ในปุเรชาตปัจจัย มี " ๓ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี " ๓ ในอาเสวนปัจจัย มี " ๑ ในกัมมปัจจัย มี " ๓ ในวิปากปัจจัย มี " ๓ ในอาหารปัจจัย มี " ๓ ในอินทริยปัจจัย มี " ๕ ในฌานปัจจัย มี " ๓ ในมัคคปัจจัย มี " ๓ ในสัมปยุตตปัจจัย มี " ๑ ในวิปปยุตตปัจจัย มี " ๔ ในอัตถิปัจจัย มี " ๙ ในนัตถิปัจจัย มี " ๑ ในวิคตปัจจัย มี " ๑ ในอวิคตปัจจัย มี " ๙
พึงนับอย่างนี้
อนุโลม จบ
[๒๕๑] สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม โดยสหชาตปัจจัย สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็น ปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปุเรชาต- *ปัจจัย สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม โดย สหชาตปัจจัย อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็น ปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปุเรชาต- *ปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยกัมมปัจจัย เป็นปัจจัยโดย อาหารปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอินทริยปัจจัย อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม โดยสหชาตปัจจัย เป็น ปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยกัมมปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอินทริยปัจจัย สัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม โดย สหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยกัมมปัจจัย เป็น ปัจจัยโดยอาหารปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอินทริยปัจจัย สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม โดย สหชาตปัจจัย สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม โดย สหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ อัปปฏิฆธรรม โดยสหชาตปัจจัย [๒๕๒] ในปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๙ ฯลฯ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อนันตรปัจจัย มี " ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สมนันตรปัจจัย มี " ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สหชาตปัจจัย มี " ๔ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อัญญมัญญปัจจัย มี " ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่นิสสยปัจจัย มี " ๔ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อุปนิสสยปัจจัย มี " ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปุเรชาตปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๙ ฯลฯ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย มี " ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย มี " ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อัตถิปัจจัย มี " ๔ ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย มี " ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย มี " ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อวิคตปัจจัย มี " ๔
ปัจจนียะ จบ
[๒๕๓] ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๓ ฯลฯ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สมนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อัญญมัญญปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อุปนิสสยปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ฯลฯ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มีหัวข้อปัจจัย ๓
อนุโลมปัจจนียะ จบ
[๒๕๔] ในอารัมมณปัจจัย กับปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๒ ในอธิปติปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๔
พึงนับอนุโลมมาติกา
ในอวิคตปัจจัย กับปัจจัยที่ไม่ใช่ เหตุปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๙
ปัจจนียานุโลม จบ
สัปปฏิฆทุกะ จบ

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๔๒ บรรทัดที่ ๔๐๗๔-๔๔๒๗ หน้าที่ ๑๖๗-๑๘๑. https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=42&A=4074&Z=4427&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3], [4], [5]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_siri.php?B=42&siri=25              ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=42&i=233              ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- [233-254] https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=42&item=233&items=22              The Pali Tipitaka in Roman :- [233-254] https://84000.org/tipitaka/pali/roman_item_s.php?book=42&item=233&items=22              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๒ https://84000.org/tipitaka/read/?index_42

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :